
TITLE: "Focus" (2015) : หนังต้มตุ๋นที่ทำให้ผมนั่งไม่ติดเก้าอี้!
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาว Pantip ที่รักการดูหนังทุกคนนะครับ วันนี้ผมมีหนังเรื่องหนึ่งที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง นั่นก็คือเรื่อง "Focus" ที่เข้าฉายไปเมื่อปี 2015 นั่นเองครับ หลายคนอาจจะเคยดูแล้ว หรืออาจจะยังไม่เคยดู แต่รับรองว่าถ้าใครชอบหนังแนวต้มตุ๋น ปล้น ชิงไหวชิงพริบ หรือชอบการแสดงของ Will Smith นี่ไม่ควรพลาดเลยนะครับ
หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของ Nicky Spurgeon (รับบทโดย Will Smith) นักต้มตุ๋นมืออาชีพที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เขาคือสุดยอดแห่งวงการหลอกลวง มีวิธีการที่ซับซ้อน แพรวพราว และทำให้เหยื่อหลงเชื่อได้อย่างง่ายดาย วันหนึ่ง Nicky ได้เจอกับ Jess Barret (รับบทโดย Margot Robbie) สาวน้อยหน้าใสที่พยายามจะเข้ามาอยู่ในวงการเดียวกับเขา Nicky เล็งเห็นแววของ Jess และตัดสินใจรับเธอเข้ามาเป็นลูกศิษย์ สอนวิชาต้มตุ๋นทุกอย่างให้เธอ ตั้งแต่การสังเกตผู้คน การสร้างสถานการณ์ ไปจนถึงการใช้จิตวิทยาในการหลอกลวง
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ค่อยๆ พัฒนาไปจากอาจารย์กับลูกศิษย์ กลายเป็นความผูกพันที่ลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดที่ Nicky ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับ Jess และการทำงานที่เสี่ยงอันตรายนี้
สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในหนังเรื่องนี้คือ "ความฉลาด" ของบทครับ มันไม่ใช่แค่การหลอกลวงธรรมดาๆ แต่มันเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกวางแผนมาอย่างดี ทำให้เราในฐานะคนดูต้องคอยลุ้นตามตลอดเวลาว่า Nicky จะใช้วิธีไหน จะหลอกใครได้อีก จะมีอะไรพลิกผันไหม บางฉากนี่ผมถึงกับต้องนั่งเกร็งเลยครับ เพราะดูแล้วเดาทางไม่ถูกจริงๆ ว่าสุดท้ายแล้วใครจะหลอกใครกันแน่
Will Smith นี่สุดยอดจริงๆ ครับ เขาถ่ายทอดบทบาทของ Nicky ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์มากครับ สามารถเปลี่ยนโหมดจากมืออาชีพที่เย็นชา มาเป็นคนที่เริ่มมีความรู้สึกให้กับ Jess ได้อย่างแนบเนียน การแสดงของเขาทำให้เราเชื่อว่าเขาคือสุดยอดนักต้มตุ๋นจริงๆ การพูดจา การแสดงออกทางสีหน้า แววตา ทุกอย่างมันลงตัวไปหมดครับ
Margot Robbie เองก็ไม่น้อยหน้าครับ เธอแสดงเป็น Jess ได้น่ารัก สดใส แต่ก็มีความเฉลียวฉลาดซ่อนอยู่ เล่นคู่กับ Will Smith ได้เคมีเข้ากันมากๆ ครับ เป็นคู่ที่ดูแล้วเพลินตา เพลินใจจริงๆ
ฉากที่ผมประทับใจเป็นพิเศษก็คือฉากที่ Nicky สอน Jess เกี่ยวกับการสังเกตผู้คนครับ มันทำให้เราได้เห็นถึงกระบวนการคิดของนักต้มตุ๋นจริงๆ ว่าเขาต้องสังเกตอะไรบ้าง เพื่อที่จะหาจุดอ่อนของเหยื่อ และนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร มันไม่ใช่แค่การดูดวง หรือการจับผิด แต่เป็นการอ่านคนอย่างทะลุปรุโปร่งเลยทีเดียว
อีกอย่างที่ทำให้หนังเรื่องนี้สนุกคือ "ความเร็ว" ของหนังครับ การตัดต่อไหลลื่น ไม่มีช่วงที่น่าเบื่อเลยครับ ฉากแต่ละฉากเชื่อมต่อกันได้อย่างลงตัว มีการย้อนอดีต สลับกับปัจจุบัน ทำให้เราได้เห็นเบื้องหลังการวางแผนของ Nicky และ Jess มากขึ้นเรื่อยๆ
หนังเรื่องนี้มีการหักมุมหลายครั้งครับ บางครั้งเราก็คิดว่าเรารู้แล้วว่าเขาจะทำอะไร แต่สุดท้ายก็มีอะไรที่เหนือความคาดหมายมาเสมอ ทำให้เราต้องคอยลุ้น คอยเดาไปเรื่อยๆ จนจบเรื่องเลยครับ เป็นหนังที่ดูแล้วต้องใช้สมองนิดหน่อยครับ ไม่ใช่ดูแบบปล่อยใจไปเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าหนังจะเกี่ยวกับเรื่องการหลอกลวง แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันก็มีข้อคิดอะไรบางอย่างแฝงอยู่เหมือนกันครับ อย่างเรื่องของการไว้เนื้อเชื่อใจ การมองคน การใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อเสียเอง
บรรยากาศของหนังก็ทำออกมาได้ดีครับ โดยเฉพาะฉากที่ถ่ายทำในสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ อย่าง บัวโนสไอเรส หรือ นิวออร์ลีนส์ ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับหนังมากขึ้นไปอีกครับ
สำหรับใครที่ชอบหนังแนว "Ocean's Eleven" หรือ "Catch Me If You Can" ผมว่า "Focus" ก็น่าจะถูกใจนะครับ มันมีความสนุก ความซับซ้อน และความตื่นเต้นในแบบของตัวเอง
ผมอยากจะแนะนำให้ลองหามาดูกันนะครับ ถ้าใครยังไม่เคยดู รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ เป็นหนังที่ดูแล้วเพลินๆ สนุกๆ ผ่อนคลายสมองได้ดีเลยครับ
สรุปแล้ว "Focus" (2015) เป็นหนังต้มตุ๋นที่ครบเครื่องจริงๆ ครับ ทั้งบทที่ฉลาด การแสดงของนักแสดงที่ยอดเยี่ยม ฉากที่สวยงาม และการตัดต่อที่รวดเร็ว ทำให้เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมประทับใจ และอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ชาว Pantip ได้ลองดูกันครับ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวของผมนะครับ ถ้าใครมีหนังเรื่องอื่นที่อยากให้ผมรีวิว หรือมีข้อเสนอแนะอะไรเพิ่มเติม ก็คอมเมนต์บอกกันได้เลยนะครับ ยินดีรับฟังเสมอครับ
แล้วเจอกันใหม่กับรีวิวหนังเรื่องต่อไปนะครับ สวัสดีครับ.
"Focus" (2015) : หนังต้มตุ๋นที่ทำให้ผมนั่งไม่ติดเก้าอี้!
TITLE: "Focus" (2015) : หนังต้มตุ๋นที่ทำให้ผมนั่งไม่ติดเก้าอี้!
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาว Pantip ที่รักการดูหนังทุกคนนะครับ วันนี้ผมมีหนังเรื่องหนึ่งที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟัง นั่นก็คือเรื่อง "Focus" ที่เข้าฉายไปเมื่อปี 2015 นั่นเองครับ หลายคนอาจจะเคยดูแล้ว หรืออาจจะยังไม่เคยดู แต่รับรองว่าถ้าใครชอบหนังแนวต้มตุ๋น ปล้น ชิงไหวชิงพริบ หรือชอบการแสดงของ Will Smith นี่ไม่ควรพลาดเลยนะครับ
หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของ Nicky Spurgeon (รับบทโดย Will Smith) นักต้มตุ๋นมืออาชีพที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เขาคือสุดยอดแห่งวงการหลอกลวง มีวิธีการที่ซับซ้อน แพรวพราว และทำให้เหยื่อหลงเชื่อได้อย่างง่ายดาย วันหนึ่ง Nicky ได้เจอกับ Jess Barret (รับบทโดย Margot Robbie) สาวน้อยหน้าใสที่พยายามจะเข้ามาอยู่ในวงการเดียวกับเขา Nicky เล็งเห็นแววของ Jess และตัดสินใจรับเธอเข้ามาเป็นลูกศิษย์ สอนวิชาต้มตุ๋นทุกอย่างให้เธอ ตั้งแต่การสังเกตผู้คน การสร้างสถานการณ์ ไปจนถึงการใช้จิตวิทยาในการหลอกลวง
ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ค่อยๆ พัฒนาไปจากอาจารย์กับลูกศิษย์ กลายเป็นความผูกพันที่ลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดที่ Nicky ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับ Jess และการทำงานที่เสี่ยงอันตรายนี้
สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในหนังเรื่องนี้คือ "ความฉลาด" ของบทครับ มันไม่ใช่แค่การหลอกลวงธรรมดาๆ แต่มันเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกวางแผนมาอย่างดี ทำให้เราในฐานะคนดูต้องคอยลุ้นตามตลอดเวลาว่า Nicky จะใช้วิธีไหน จะหลอกใครได้อีก จะมีอะไรพลิกผันไหม บางฉากนี่ผมถึงกับต้องนั่งเกร็งเลยครับ เพราะดูแล้วเดาทางไม่ถูกจริงๆ ว่าสุดท้ายแล้วใครจะหลอกใครกันแน่
Will Smith นี่สุดยอดจริงๆ ครับ เขาถ่ายทอดบทบาทของ Nicky ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์มากครับ สามารถเปลี่ยนโหมดจากมืออาชีพที่เย็นชา มาเป็นคนที่เริ่มมีความรู้สึกให้กับ Jess ได้อย่างแนบเนียน การแสดงของเขาทำให้เราเชื่อว่าเขาคือสุดยอดนักต้มตุ๋นจริงๆ การพูดจา การแสดงออกทางสีหน้า แววตา ทุกอย่างมันลงตัวไปหมดครับ
Margot Robbie เองก็ไม่น้อยหน้าครับ เธอแสดงเป็น Jess ได้น่ารัก สดใส แต่ก็มีความเฉลียวฉลาดซ่อนอยู่ เล่นคู่กับ Will Smith ได้เคมีเข้ากันมากๆ ครับ เป็นคู่ที่ดูแล้วเพลินตา เพลินใจจริงๆ
ฉากที่ผมประทับใจเป็นพิเศษก็คือฉากที่ Nicky สอน Jess เกี่ยวกับการสังเกตผู้คนครับ มันทำให้เราได้เห็นถึงกระบวนการคิดของนักต้มตุ๋นจริงๆ ว่าเขาต้องสังเกตอะไรบ้าง เพื่อที่จะหาจุดอ่อนของเหยื่อ และนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร มันไม่ใช่แค่การดูดวง หรือการจับผิด แต่เป็นการอ่านคนอย่างทะลุปรุโปร่งเลยทีเดียว
อีกอย่างที่ทำให้หนังเรื่องนี้สนุกคือ "ความเร็ว" ของหนังครับ การตัดต่อไหลลื่น ไม่มีช่วงที่น่าเบื่อเลยครับ ฉากแต่ละฉากเชื่อมต่อกันได้อย่างลงตัว มีการย้อนอดีต สลับกับปัจจุบัน ทำให้เราได้เห็นเบื้องหลังการวางแผนของ Nicky และ Jess มากขึ้นเรื่อยๆ
หนังเรื่องนี้มีการหักมุมหลายครั้งครับ บางครั้งเราก็คิดว่าเรารู้แล้วว่าเขาจะทำอะไร แต่สุดท้ายก็มีอะไรที่เหนือความคาดหมายมาเสมอ ทำให้เราต้องคอยลุ้น คอยเดาไปเรื่อยๆ จนจบเรื่องเลยครับ เป็นหนังที่ดูแล้วต้องใช้สมองนิดหน่อยครับ ไม่ใช่ดูแบบปล่อยใจไปเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าหนังจะเกี่ยวกับเรื่องการหลอกลวง แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันก็มีข้อคิดอะไรบางอย่างแฝงอยู่เหมือนกันครับ อย่างเรื่องของการไว้เนื้อเชื่อใจ การมองคน การใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อเสียเอง
บรรยากาศของหนังก็ทำออกมาได้ดีครับ โดยเฉพาะฉากที่ถ่ายทำในสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ อย่าง บัวโนสไอเรส หรือ นิวออร์ลีนส์ ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับหนังมากขึ้นไปอีกครับ
สำหรับใครที่ชอบหนังแนว "Ocean's Eleven" หรือ "Catch Me If You Can" ผมว่า "Focus" ก็น่าจะถูกใจนะครับ มันมีความสนุก ความซับซ้อน และความตื่นเต้นในแบบของตัวเอง
ผมอยากจะแนะนำให้ลองหามาดูกันนะครับ ถ้าใครยังไม่เคยดู รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ เป็นหนังที่ดูแล้วเพลินๆ สนุกๆ ผ่อนคลายสมองได้ดีเลยครับ
สรุปแล้ว "Focus" (2015) เป็นหนังต้มตุ๋นที่ครบเครื่องจริงๆ ครับ ทั้งบทที่ฉลาด การแสดงของนักแสดงที่ยอดเยี่ยม ฉากที่สวยงาม และการตัดต่อที่รวดเร็ว ทำให้เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมประทับใจ และอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ชาว Pantip ได้ลองดูกันครับ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวของผมนะครับ ถ้าใครมีหนังเรื่องอื่นที่อยากให้ผมรีวิว หรือมีข้อเสนอแนะอะไรเพิ่มเติม ก็คอมเมนต์บอกกันได้เลยนะครับ ยินดีรับฟังเสมอครับ
แล้วเจอกันใหม่กับรีวิวหนังเรื่องต่อไปนะครับ สวัสดีครับ.