
TITLE: Inception: หนังที่ทำให้ผมต้องกลับไปดูซ้ำ 3 รอบ! นี่มันอะไรกันครับเนี่ย!?
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาว Pantip ที่รักทุกท่าน วันนี้ผมมีเรื่องอยากจะมาเล่า มาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับหนังเรื่องนึงที่ผมประทับใจมากๆ จนต้องกลับไปดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นก็คือเรื่อง Inception ครับ ไม่รู้ว่ามีใครเคยดูแล้วบ้างไหม หรือว่ากำลังคิดจะดูก็ตาม แต่บอกเลยว่าถ้าใครยังไม่เคยดู ต้องรีบหามาดูครับ ส่วนใครที่เคยดูแล้ว ก็มาคุย มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เลยนะครับ
สำหรับผม Inception ไม่ใช่แค่หนังแอ็คชั่นมันส์ๆ หรือหนังไซไฟที่ดูแล้วงงๆ อย่างเดียวครับ แต่มันคือหนังที่พาเราดำดิ่งลงไปในโลกแห่งความฝัน ที่ซับซ้อน ลึกซึ้ง และชวนให้คิดตามตลอดเวลา ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องมา ผมก็โดนดูดเข้าไปในโลกของหนังแล้วครับ การเล่าเรื่องมันฉลาดมากๆ มันค่อยๆ ปูพื้นฐาน ค่อยๆ แนะนำตัวละคร และค่อยๆ อธิบายกลไกของโลกความฝันที่หนังสร้างขึ้นมา ซึ่งมันไม่ใช่แค่ความฝันธรรมดาทั่วไป แต่มันคือความฝันที่สามารถเข้าไปควบคุม ควบคุมจิตใจ หรือแม้กระทั่งปลูกฝังความคิดบางอย่างลงไปในจิตใต้สำนึกของคนอื่นได้
ตัวละครหลักอย่าง Dom Cobb หรือที่เรียกกันว่า "นักโจรกรรมความฝัน" ที่รับบทโดย Leonardo DiCaprio นี่แสดงได้สุดยอดมากๆ ครับ เราสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด ความรู้สึกผิด และความปรารถนาที่จะกลับบ้านของเขาอยู่ตลอดเวลา การที่เขาต้องต่อสู้กับ "การฉายภาพ" (Projections) ที่เป็นเหมือนภูมิต้านทานของจิตใต้สำนึกในความฝัน มันทำให้ฉากแอ็คชั่นในหนังมันมีมิติมากกว่าแค่การยิงกัน ไล่ล่ากันธรรมดา แต่มันคือการต่อสู้ในระดับจิตใจ ที่บางครั้งก็ดูเหนือจริง แต่ก็สมจริงในเวลาเดียวกัน
สิ่งที่ผมชอบมากๆ ใน Inception คือวิธีการสร้างโลกของความฝันครับ มันมีความหลากหลาย มีความแปลกใหม่ และมีความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัด ฉากที่ตึกพับ ฉากที่เมืองหมุน ฉากที่แรงโน้มถ่วงเปลี่ยนไป มันทำให้เราตื่นตาตื่นใจตลอดเวลา และที่สำคัญคือมันมีความสมเหตุสมผลในแบบของมันเองครับ ผู้กำกับ Christopher Nolan เขาทำการบ้านมาอย่างดีมากๆ ในการสร้างกฎเกณฑ์ของโลกความฝันนี้ขึ้นมา ทำให้แม้ว่ามันจะดูเหนือจริงแค่ไหน เราก็ยังสามารถอินกับมันได้
แล้วยังมีตัวละครอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกนะครับ อย่าง Arthur (Joseph Gordon-Levitt) ที่เป็นเหมือนมันสมองของทีม คอยวางแผนและจัดการทุกอย่างให้เป็นไปตามแผน หรือ Eames (Tom Hardy) ที่เป็นนักปลอมแปลงความฝัน ที่สามารถแปลงกายเป็นใครก็ได้ในความฝัน มันทำให้แต่ละฉากมีความสนุก มีความพลิกผันตลอดเวลา
แต่สิ่งที่ทำให้ Inception พิเศษจริงๆ สำหรับผม คือการที่มันตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นจริงครับ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่เรากำลังประสบอยู่ตอนนี้ มันคือความจริง ไม่ใช่ความฝัน? สัญลักษณ์ของลูกข่าง (Totem) ที่ Cobb ใช้เป็นเครื่องยืนยันความเป็นจริง มันกลายเป็นจุดที่เราต้องคอยสังเกต และสุดท้าย ฉากจบที่ผมยังคงถกเถียงกับตัวเองอยู่จนทุกวันนี้ ว่าสุดท้ายแล้ว ลูกข่างมันล้มหรือไม่? หรือว่าเรากำลังอยู่ในความฝันของ Cobb?
การกลับไปดูซ้ำรอบสอง รอบสาม ผมก็ยังเจอรายละเอียดใหม่ๆ ที่ผมมองข้ามไปในตอนแรกเสมอครับ บางทีก็เป็นการแสดงออกทางสีหน้าของนักแสดง บางทีก็เป็นบทสนทนาที่แฝงความหมาย บางทีก็เป็นองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ในฉากที่มันเชื่อมโยงกัน นี่แหละครับคือเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ มันไม่ใช่หนังที่ดูแล้วจบไปเลย แต่มันคือหนังที่ทำให้เราต้องกลับมาคิด มาวิเคราะห์ และมาตีความหลังจากดูจบ
สำหรับใครที่ชอบหนังที่ทำให้ต้องคิดตาม หนังที่มีพล็อตซับซ้อน หนังที่มีฉากแอ็คชั่นที่เหนือความคาดหมาย และหนังที่มีตอนจบที่ทำให้เราต้องตีความไปอีกนาน Inception คือหนังที่ผมอยากแนะนำให้ลองหามาดูกันครับ รับรองว่าคุ้มค่ากับการเสียเวลาดูแน่นอน อาจจะงงๆ หน่อยในตอนแรก แต่ถ้าคุณอดทนและเปิดใจรับกับมัน ผมเชื่อว่าคุณจะหลงรักหนังเรื่องนี้เหมือนกับผมครับ
สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่า Inception เป็นหนังที่ผมยกให้เป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดที่ผมเคยดูมาเลยครับ มันไม่ใช่แค่หนังที่ให้ความบันเทิง แต่เป็นหนังที่กระตุ้นสมอง ทำให้เราได้ตั้งคำถามกับความเป็นจริง และเปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้น ใครมีมุมมอง ความคิดเห็น หรือทฤษฎีเกี่ยวกับ Inception อะไรเพิ่มเติม มาแชร์กันได้เลยนะครับ ผมพร้อมรับฟังเสมอครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับผม.
Inception: หนังที่ทำให้ผมต้องกลับไปดูซ้ำ 3 รอบ! นี่มันอะไรกันครับเนี่ย!?
TITLE: Inception: หนังที่ทำให้ผมต้องกลับไปดูซ้ำ 3 รอบ! นี่มันอะไรกันครับเนี่ย!?
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาว Pantip ที่รักทุกท่าน วันนี้ผมมีเรื่องอยากจะมาเล่า มาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับหนังเรื่องนึงที่ผมประทับใจมากๆ จนต้องกลับไปดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นก็คือเรื่อง Inception ครับ ไม่รู้ว่ามีใครเคยดูแล้วบ้างไหม หรือว่ากำลังคิดจะดูก็ตาม แต่บอกเลยว่าถ้าใครยังไม่เคยดู ต้องรีบหามาดูครับ ส่วนใครที่เคยดูแล้ว ก็มาคุย มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เลยนะครับ
สำหรับผม Inception ไม่ใช่แค่หนังแอ็คชั่นมันส์ๆ หรือหนังไซไฟที่ดูแล้วงงๆ อย่างเดียวครับ แต่มันคือหนังที่พาเราดำดิ่งลงไปในโลกแห่งความฝัน ที่ซับซ้อน ลึกซึ้ง และชวนให้คิดตามตลอดเวลา ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องมา ผมก็โดนดูดเข้าไปในโลกของหนังแล้วครับ การเล่าเรื่องมันฉลาดมากๆ มันค่อยๆ ปูพื้นฐาน ค่อยๆ แนะนำตัวละคร และค่อยๆ อธิบายกลไกของโลกความฝันที่หนังสร้างขึ้นมา ซึ่งมันไม่ใช่แค่ความฝันธรรมดาทั่วไป แต่มันคือความฝันที่สามารถเข้าไปควบคุม ควบคุมจิตใจ หรือแม้กระทั่งปลูกฝังความคิดบางอย่างลงไปในจิตใต้สำนึกของคนอื่นได้
ตัวละครหลักอย่าง Dom Cobb หรือที่เรียกกันว่า "นักโจรกรรมความฝัน" ที่รับบทโดย Leonardo DiCaprio นี่แสดงได้สุดยอดมากๆ ครับ เราสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด ความรู้สึกผิด และความปรารถนาที่จะกลับบ้านของเขาอยู่ตลอดเวลา การที่เขาต้องต่อสู้กับ "การฉายภาพ" (Projections) ที่เป็นเหมือนภูมิต้านทานของจิตใต้สำนึกในความฝัน มันทำให้ฉากแอ็คชั่นในหนังมันมีมิติมากกว่าแค่การยิงกัน ไล่ล่ากันธรรมดา แต่มันคือการต่อสู้ในระดับจิตใจ ที่บางครั้งก็ดูเหนือจริง แต่ก็สมจริงในเวลาเดียวกัน
สิ่งที่ผมชอบมากๆ ใน Inception คือวิธีการสร้างโลกของความฝันครับ มันมีความหลากหลาย มีความแปลกใหม่ และมีความเป็นไปได้ที่ไม่จำกัด ฉากที่ตึกพับ ฉากที่เมืองหมุน ฉากที่แรงโน้มถ่วงเปลี่ยนไป มันทำให้เราตื่นตาตื่นใจตลอดเวลา และที่สำคัญคือมันมีความสมเหตุสมผลในแบบของมันเองครับ ผู้กำกับ Christopher Nolan เขาทำการบ้านมาอย่างดีมากๆ ในการสร้างกฎเกณฑ์ของโลกความฝันนี้ขึ้นมา ทำให้แม้ว่ามันจะดูเหนือจริงแค่ไหน เราก็ยังสามารถอินกับมันได้
แล้วยังมีตัวละครอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกนะครับ อย่าง Arthur (Joseph Gordon-Levitt) ที่เป็นเหมือนมันสมองของทีม คอยวางแผนและจัดการทุกอย่างให้เป็นไปตามแผน หรือ Eames (Tom Hardy) ที่เป็นนักปลอมแปลงความฝัน ที่สามารถแปลงกายเป็นใครก็ได้ในความฝัน มันทำให้แต่ละฉากมีความสนุก มีความพลิกผันตลอดเวลา
แต่สิ่งที่ทำให้ Inception พิเศษจริงๆ สำหรับผม คือการที่มันตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นจริงครับ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่เรากำลังประสบอยู่ตอนนี้ มันคือความจริง ไม่ใช่ความฝัน? สัญลักษณ์ของลูกข่าง (Totem) ที่ Cobb ใช้เป็นเครื่องยืนยันความเป็นจริง มันกลายเป็นจุดที่เราต้องคอยสังเกต และสุดท้าย ฉากจบที่ผมยังคงถกเถียงกับตัวเองอยู่จนทุกวันนี้ ว่าสุดท้ายแล้ว ลูกข่างมันล้มหรือไม่? หรือว่าเรากำลังอยู่ในความฝันของ Cobb?
การกลับไปดูซ้ำรอบสอง รอบสาม ผมก็ยังเจอรายละเอียดใหม่ๆ ที่ผมมองข้ามไปในตอนแรกเสมอครับ บางทีก็เป็นการแสดงออกทางสีหน้าของนักแสดง บางทีก็เป็นบทสนทนาที่แฝงความหมาย บางทีก็เป็นองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ในฉากที่มันเชื่อมโยงกัน นี่แหละครับคือเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ มันไม่ใช่หนังที่ดูแล้วจบไปเลย แต่มันคือหนังที่ทำให้เราต้องกลับมาคิด มาวิเคราะห์ และมาตีความหลังจากดูจบ
สำหรับใครที่ชอบหนังที่ทำให้ต้องคิดตาม หนังที่มีพล็อตซับซ้อน หนังที่มีฉากแอ็คชั่นที่เหนือความคาดหมาย และหนังที่มีตอนจบที่ทำให้เราต้องตีความไปอีกนาน Inception คือหนังที่ผมอยากแนะนำให้ลองหามาดูกันครับ รับรองว่าคุ้มค่ากับการเสียเวลาดูแน่นอน อาจจะงงๆ หน่อยในตอนแรก แต่ถ้าคุณอดทนและเปิดใจรับกับมัน ผมเชื่อว่าคุณจะหลงรักหนังเรื่องนี้เหมือนกับผมครับ
สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่า Inception เป็นหนังที่ผมยกให้เป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดที่ผมเคยดูมาเลยครับ มันไม่ใช่แค่หนังที่ให้ความบันเทิง แต่เป็นหนังที่กระตุ้นสมอง ทำให้เราได้ตั้งคำถามกับความเป็นจริง และเปิดโลกทัศน์ของเราให้กว้างขึ้น ใครมีมุมมอง ความคิดเห็น หรือทฤษฎีเกี่ยวกับ Inception อะไรเพิ่มเติม มาแชร์กันได้เลยนะครับ ผมพร้อมรับฟังเสมอครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับผม.