ความรู้รอบตัว - EP9 : พายุไต้ฝุ่นเกย์ มหาวิบัติภัยแห่งศตวรรษของประเทศไทย

พายุไต้ฝุ่นเกย์ (Typhoon Gay, 1989) ซึ่งพัดถล่มประเทศไทยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 ไม่ใช่เพียงแค่พายุไต้ฝุ่นธรรมดา แต่เป็นเหตุการณ์มหาวาตภัยครั้งประวัติศาสตร์ที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงและเป็นวงกว้างที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยประสบมา เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุงระบบการเตือนภัยของประเทศครั้งใหญ่
กำเนิดและเส้นทางของพายุ
ไต้ฝุ่นเกย์ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในบริเวณอ่าวไทยตอนล่างเมื่อปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2532 โดยเริ่มต้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำ ภายในระยะเวลาเพียง 3 วัน พายุได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชัน พายุโซนร้อน และไต้ฝุ่นตามลำดับ ซึ่งเป็นอัตราการก่อตัวที่รวดเร็วผิดปกติในอ่าวไทย พายุเคลื่อนตัวขึ้นสู่ทางเหนืออย่างรวดเร็วและมีกำลังแรงสูงสุดขณะเข้าสู่ชายฝั่งไทย

ในเช้าวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 เวลาประมาณ 08.30 น. ศูนย์กลางของพายุไต้ฝุ่นเกย์ได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณตำบลบางสน อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ด้วยความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้ความเร็วลมขณะขึ้นฝั่งจะอยู่ในระดับไต้ฝุ่นขั้นต่ำ แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลคือการที่พายุก่อตัวและเคลื่อนที่ในอ่าวไทยโดยตรง ทำให้ชายฝั่งไม่มีเวลาเตรียมรับมือ และประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีประสบการณ์กับพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน

หลังจากพัดผ่านภาคใต้ตอนบน พายุได้เคลื่อนผ่านไปทางทิศตะวันตกอย่างรวดเร็วไปยังประเทศพม่า และทวีกำลังขึ้นอีกครั้งในมหาสมุทรอินเดียจนกลายเป็นพายุระดับ 5 ซึ่งมีความเร็วลมเกิน 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนจะสลายตัวไปในที่สุด
ความสูญเสียและผลกระทบมหาศาล
ความเสียหายจากไต้ฝุ่นเกย์นั้นรุนแรงเกินคาดคิด มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 833 คน รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก และมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึงประมาณ 10,000 - 15,000 ล้านบาท (ในขณะนั้น) โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และประจวบคีรีขันธ์ รวมถึงจังหวัดอื่น ๆ ตลอดแนวชายฝั่งอ่าวไทย

ผลกระทบที่เกิดขึ้นสามารถจำแนกได้ดังนี้...

ความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน : บ้านเรือนประชาชนมากกว่า 61,000 หลังได้รับความเสียหาย และมีจำนวนมากที่ถูกพายุพัดทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง แรงลมที่รุนแรงทำให้ต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่น ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง

น้ำท่วมและดินถล่ม : นอกจากลมพายุแล้ว ยังเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอำเภอท่าแซะ และอำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร

ผลกระทบทางทะเลและเรืออับปาง : คลื่นพายุซัดฝั่ง (storm surge) ทำให้เรือประมงจำนวนมากอับปางลงกลางทะเล สิ่งปลูกสร้างบริเวณชายฝั่งเสียหายอย่างหนัก รวมถึงแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักด้วยเช่นกัน

ความเสียหายต่อภาคการเกษตร : สวนผลไม้ โดยเฉพาะสวนทุเรียนและพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ในจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญ ถูกทำลายเกือบทั้งหมด ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะฟื้นตัว

พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ : จังหวัดชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ระนอง ปัตตานี ระยอง ตราด และสุราษฎร์ธานี
บทเรียนและการเปลี่ยนแปลง
โศกนาฏกรรมจากไต้ฝุ่นเกย์ได้เผยให้เห็นถึงช่องโหว่ที่สำคัญของระบบการเตือนภัยของประเทศไทยในเวลานั้น ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับทราบข่าวสารหรือคำเตือนที่ชัดเจนเพียงพอถึงความรุนแรงของพายุที่กำลังจะมาถึง
เหตุการณ์นี้จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนาระบบอุตุนิยมวิทยาและการเตือนภัยพิบัติของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอากาศที่ทันสมัยขึ้น และปรับปรุงการสื่อสารข้อมูลข่าวสารไปยังประชาชนให้รวดเร็วและเข้าใจง่ายขึ้นกว่าเดิม

ปัจจุบัน แม้จะผ่านไปกว่าสามทศวรรษแล้ว ความทรงจำและความเสียหายจากไต้ฝุ่นเกย์ ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจถึงพลังอันมหาศาลของธรรมชาติ และความสำคัญของการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา : สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ, Wikipedia, Gemini
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่