จอร์เจีย...ที่เริ่มจะ...จอแจ EP2

Day 2 : Tbilisi – Mestia
.
Mestia เป็นเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของจอร์เจีย
คนไทยยังไม่ค่อยไปเยอะเท่า Kazbegi
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปเพื่อปีนเขา
โดยเฉพาะฤดูร้อน เป็นสวรรค์ของนักปีนเขาเลยทีเดียว
กลางวันอากาศไม่ร้อน ไม่หนาว ฟ้าใสแดดแรงมาก
.
เมื่อคืนป้าๆ นอนในรถ
คนขับแวะพักตามซูเปอร์มาเก็ตข้างทางเป็นระยะ
เราก็สำรวจตลาด สำรวจห้องน้ำ
ห้องน้ำตามปั๊มสะอาดใช้ได้นะ
ขนมขบเคี้ยวเค้าก็อร่อย ซื้อมา แต่แทบไม่ได้กิน
เพราะพอฉีกถุงปุ๊บ สายตาคนขับก็พิฆาตทันที
ขับผ่านเมืองมาเรื่อยๆ กว่าจะขึ้นเขาก็สว่างแล้ว
ข้างหน้าไกลๆ นั่นคือเทือกเขาคอเคซัส
สองข้างทางในฤดูร้อน ก็คล้ายๆ กับชนบทบ้านเรา


ปกติป้าๆ ไปเที่ยวกันก็จะเช่ารถขับเอง
แต่ทริปนี้เช่ารถพร้อมคนขับมาเพราะอ่านรีวิวว่าทางโหด
เลยไม่กล้าขับกันเอง
เอาจริงก็ไม่โหดมากนะ น้อยกว่าแม่ฮ่องสอนเยอะ
ระยะทางระหว่างเมืองค่อนข้างไกล
จาก Tbilisi มา Mestia ประมาณ 450 ก.ม. ใช้เวลา 7 ชั่วโมง
วิวข้างทางสวยมากจนป้าๆ ต้องบอกคนขับให้จอดรถถ่ายรูป
มีรถประจำทางจาก Tbilisi มาถึง Mestia ด้วย แต่ป้าไม่รู้ราคานะ


เช้าแล้วเริ่มหิว ว่าจะแวะทานอาหารร้านนี้ ปรากฎว่าร้านยังไม่เปิด ร้านเค้าเปิดกันสายมาก ประมาณ 11 โมง หรือเที่ยงกันเลย


วิวสองข้างทางเมื่อขึ้นเขา


ถ้าไม่มีหิมะบนยอดเขา ก็คล้ายๆ บ้านเรานี่แหละ
.

Mestia เป็นเมืองเล็กๆ ประชากรไม่เยอะ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว
.
ถึง Mestia ก็เกือบเที่ยงแล้ว ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่ลงจากเครื่อง
คนขับพาไปร้านอาหาร จอดให้เราลงหน้าร้าน
บอกว่าร้านนี้อร่อย แล้วหายไปเลย ปรากฏว่าร้านยังไม่เปิด (เค้าเปิดตอนเย็น)
เราก็เลยเดินหาร้านใกล้ๆ กัน
พอคนขับมาเจอ ก็โวยวายว่าทำไมเราไม่กินร้านที่เค้าเลือก
กว่าจะอธิบายให้เข้าใจได้....เหนื่อย
ได้ลองอาหารจอร์เจียเป็นมื้อแรก หิวจัดสั่งซะเยอะเลย
อร่อยเลยแหละ แต่มัน “ใหญ่มาก” ก่อนสั่งถามเค้าว่าใหญ่มั๊ย
เค้าบอกว่านิดเดียว คนนึงกินพอดีอิ่ม
ลืมไปว่าอิ่มฝรั่งกับอิ่มคนไทยไม่เท่ากัน

พิซซ่าฉบับจอร์เจีย อร่อยนะ แต่สั่งมาเยอะไปหน่อย (2 ถาด) กินกันท้องแตก

Kachapuri อาหารพื้นเมืองของจอร์เจียที่เจ้าของร้านบอกว่า "อันเล็กๆ" สั่งมา 2 อัน รวมกับพิซซ่า และอาหารอื่นอีก กินกันเกือบตาย
.
กินเสร็จเข้าที่พัก
ให้คนขับช่วยโทรบอกที่พักว่าเราจะเข้าไป
เพราะเค้าพูดภาษาเดียวกัน น่าจะสื่อสารได้ดีกว่า
ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน นางก็ไปโวยวายกับที่พักว่าลูกทัวร์จะเข้า
ต้องพร้อม “เดี๋ยวนี้” อ่ะ...เป็นประโยชน์กับเรา เงียบๆ ไว้
ไปถึงเค้าให้เราเลือกบ้านได้ (เพราะเราเข้าไปเป็นกลุ่มแรก)
คนขับจะให้เรานอนบ้านแรกด้านนอก (ใกล้ถนน)
แต่เราจะนอนบ้านในสุด (เงียบสงบ ไม่ยุ่งกับใคร)
นางก็โวยวายว่าทำไมเราไม่เชื่อนาง
พวกเราก็เลยไล่นางไปนอนซะ เดินทางมาเหนื่อยแล้ว
พักผ่อนเถอะ ซัก 4 โมงเย็นค่อยพาพวกเราไปทัวร์เมือง กินข้าวเย็น
นางไม่ยอม จะพาเราออกไปเที่ยวทันที
โอ๊ย...ป้า แก่แล้ว มาถึงให้เที่ยวเลยป้าไม่ไหว
นางก็ไม่เข้าใจ บอกว่าเป็นห่วงนางขับรถมาทั้งคืนอยากให้นางพัก
นางก็บอกว่านางไม่เป็นไร นางอยากบริการเราให้ดี
สรุป ป้าๆ ไม่สนใจ ปิดบ้านนอน นางก็นั่งรอจนป้าตื่นนั่นแหละ
บริการดีแบบผิดที่ผิดเวลาไปมั๊ย

ที่พัก Winter Fell แดดร้อน ดีนะอากาศไม่ร้อนมากรถจอดข้างนอก เดินค่ะเดิน
.
มาว่ากันด้วยบ้านดีกว่า
คืนแรกป้าๆ นอน Winter Fell บ้าน 2 ชั้น
2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ อาบน้ำได้ 1 ห้อง นอนได้ 7 คน
มีครัว มีโถงนั่งเล่น ระเบียงหน้าบ้าน วิวดี ชั้นบนน้ำไม่แรง
เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปในบ้านมา เพราะมาถึงแบบมึนๆ ง่วงๆ อยากนอนอย่างเดียว
.
ประมาณบ่าย 3 ป้าๆ ก็ออกเที่ยว
ที่แรก Hatsvali Cable Car
รถกระเช้าแบ่งเป็น 2 ช่วง ค่าตั๋ว 25 ลารี (ประมาณ 300 บาทไทย)
ราคานี้เป็นราคารวมทั้ง 2 ช่วง
ช่วงแรกเป็นกระเช้าแบบเปิดโล่ง (Chair Lift)
ช่วงที่สองเป็นแบบ Cabin หรือแบบปิด
ต้องเดินต่อประมาณ 300 เมตรจากสถานี Chair Lift
หรือใครไม่กล้าขึ้นแบบ Chair Lift ก็เอารถขึ้นมาที่สถานี Cabin ได้เลย
เปิด 10.00 – 17.00 น.
คำว่า 17.00 น. หมายถึง ทุกคนต้องลงมาที่พื้นราบ 17.00 น. นะ
ไม่ใช่ไล่จากข้างบนตอน 17.00 น.นะ


ช่วงแรกเป็นกระเช้าแบบเปิดโล่ง (Chair Lift) ลมเย็น สัมพัสธรรมชาติ แอบน่ากลัวหล่นเล็กน้อย


ช่วงสอง เป็น Cabin เดินจากสุดทางช่วงแรกมาหน่อยนึง ถ้าไม่กล้าขึ้น Chair Lift ก็ขับรถมาที่สถานีที่สองได้


ระหว่างทางก็เห็นยอดเขาสวยๆ ที่อยู่ในเมฆนั่นคือยอดเขา Ushba


.
ด้านบนสุดสถานีปลายทาง Zuruldi มีร้านกาแฟเล็กๆ
วิวพาโนราม่า เห็นยอดเขา Ushba
ซึ่งถือเป็น Matterhorn of Caucasus
นั่งจิบน้ำผลไม้ดูวิวฟินๆ (กาแฟปิดให้บริการแล้ว เพราะร้านกำลังจะปิด)
จากตรงนี้มีทางเดินชมธรรมชาติ หน้าหนาวเป็นสกีรีสอร์ท
แต่ป้าๆ ไม่ได้เดิน นั่งดูยอดเขาเล่นๆ ดีงามพระรามเก้ามากๆ

ร้านกาแฟ วิวสวยงามอลังการมาก

ยอด Ushba แอบอยู่หลังหมู่เมฆ

.
จากยอดเขา ป้าไปต่อที่พิพิธภัณฑ์
Svaneti Museum of History and Ethnography
เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุโบราณของชาว Svaneti
ซึ่งเป็นกลุ่มชนดั้งเดิมของจอร์เจีย ที่มีประวัติยาวนานกว่าพันปี
ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา


พิพิธภัณฑ์ เป็นเรื่องราวของภูมิภาคนี้ ซึ่งเรียกว่า Svaneti มีเรื่องราวย้อนหลังไปนับพันปี
.

เมือง Mestia มองจากพิพิธภัณฑ์ จะเห็น Svan Tower อยู่เต็มไปหมด (ไว้มาเล่าต่อไป)
.
จากพิพิธภัณฑ์ไป St. Nicholas Church
เป็นโบสถ์ของนิกายออโธดอกซ์
อยู่บนเนินเขาสามารถมองเห็นได้จากตัวเมือง สามารถขับรถขึ้นไปได้
และเมื่อขึ้นไปที่โบสถ์ สามารถมองเห็นตัวเมืองโดยรอบ
ตอนที่ป้าๆ ไป กำลังปรับปรุง แต่เข้าไปดูภายในได้


โบสถ์อยู่บนเนินเขา เห็นเมืองไกลๆ

ภายในโบสถ์ ไม้ที่เห็นนั่นคือกำลังซ่อม งานซ่อมของเขายังกลืนไปกับสภาพแวดล้อมเลย
.
ออกจากโบสถ์ก็แวะซูเปอร์มาร์เก็ต
หาอะไรไปทำกินกัน

เข้าไปในเมือง แวะซูเปอร์มาร์เก็ต ใกล้ๆ ซูเปอร์มีร้านไอศครีม อากาศเย็น แต่ก็กินนะ
.
จบทริปวันที่ 2 ของป้าๆ

ติดตาม Trip ของป้าๆ ได้ตาม Link
Day 1 : Bkk – Almaty – Tbilisi : https://pantip.com/topic/43880144
Day 2 : Tbilisi – Mestia
Day 3 : Kurodi Lake และ Flying Swing
Day 4 : Zagari Pass หมู่บ้าน Ushguli โบสถ์ La maria
Day 5 : Mestia – Kazbegi
Day 6 : Gergeti Trinity Church และ Truso Valley
Day 7 : Kazbegi – Upliske – Tbilisi
Day 8 : Chronicles of Georgia
Day 9 : Tbilisi City walk
Day 10 : Tbilisi – Astana Kazakhstan

หรือติดตามสาระอื่นๆ ได้จากเพจ หลากหลาย by Artima : https://www.facebook.com/profile.php?id=100064724916964
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่