8 นิสัยที่คนรวยยึดถือ แต่คนชั้นกลางมักไม่เข้าใจ

เมื่อ Warren Buffett นักลงทุนระดับตำนานเล่าในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่า "ผมยังคงอาศัยอยู่ในบ้านเดิมที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 1958 ในราคา 31,500 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1 ล้านบาท" หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมคนที่มีทรัพย์สินหลายหมื่นล้านบาท ถึงเลือกใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย
.
หลายคนเชื่อว่า จะรวยได้ก็ต่อเมื่อมีรายได้มาก แต่ความจริงแล้ว รูปแบบความคิด วิธีใช้จ่าย และวิธีวางแผน ล้วนมีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน จากประสบการณ์ของ Osama Alam ที่เคยเป็นนักวิเคราะห์ทางการเงินในอดีต เขาได้พบเห็นความแตกต่างของพฤติกรรมเหล่านี้ในแวดวงธุรกิจอย่างชัดเจน
.
และได้สรุปออกมาเป็น 8 นิสัยที่คนรวยยึดถือ แต่คนชั้นกลางมักไม่เข้าใจ
.
1️⃣1"สร้างก่อน ค่อยซื้อ" ให้ความสำคัญกับเรื่องเป็นเจ้าของ มากกว่าการบริโภค
.
หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า "คนรวยรวยขึ้นเรื่อยๆ" เพราะโชคดี แต่ความจริงคือ พวกเขาซื้อสินทรัพย์ ไม่ใช่ของใช้ ในขณะที่คนชั้นกลางมุ่งเน้นการซื้อรถคันใหม่ หรือตกแต่งบ้าน คนรวยจะเลือกลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจ เพราะพวกเขาคิดว่าเงินต้องสร้างเงิน
.
Morgan Housel ผู้เขียนหนังสือ "The Psychology of Money" เคยบอกว่า "ความมั่งคั่งคือสิ่งที่คุณไม่เห็น ความมั่งคั่งคือรถที่ไม่ได้ซื้อ เพชรที่ไม่ได้ใส่ นาฬิกาที่ไม่ได้สวม" ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่สนุกกับชีวิต แต่เป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ สำคัญกว่าการอวดความหรูหรา
.
2️⃣พวกเขาเล่นเกมกับเงิน และต้องการชนะ
.
สังเกตไหมว่า คนรวยหลายคนพูดถึงเงินด้วยความตื่นเต้น ไม่ใช่ความเครียด นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ สำหรับพวกเขา สร้างความมั่งคั่งไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัย แต่เป็นความท้าทายและกลยุทธ์ พวกเขาสนุกกับการเรียนรู้ตลาดใหม่ ปรับปรุงสิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือคิดว่าจะทำให้ข้อตกลงสำเร็จได้อย่างไร
.
ขณะที่แนวคิดของคนชั้นกลางมักเน้นเรื่องเล่นปลอดภัย ออม วางงบประมาณ เกษียณ ซึ่งไม่ได้ผิดแต่อย่างใด แต่คนรวยมักเสี่ยงอย่างมีการคำนวณ และมองความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของเกมส์ ไม่ใช่สัญญาณให้หยุด

3️⃣พวกเขาจ้างผู้เชี่ยวชาญโดยไม่ลังเล
.
จ้างที่ปรึกษาการเงิน นักกลยุทธ์ด้านภาษี หรือแม้กระทั่งโค้ชประสิทธิภาพ คนชั้นกลางส่วนใหญ่อาจมองว่าเป็นของฟุ่มเฟือย แต่คนรวยมองว่าเป็นสิ่งจำเป็น พวกเขารู้ว่าไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง แต่ต้องมีคนที่เหมาะสมในทีม และเต็มใจจ่ายเพื่อการสนับสนุนนั้น เพราะรู้ว่าในระยะยาวจะประหยัดเวลา ความเครียด และเงินได้มากกว่า
.
เหมือนกับการจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวเพื่อออกกำลังกายให้เร็วขึ้น ทำไมต้องดิ้นรนลองผิดลองถูก ถ้ามีคนที่มีแผนที่อยู่แล้ว
.
4️⃣พวกเขาหมกมุ่นกับเวลา ไม่ใช่แค่เงิน
.
นี่คือสิ่งที่ทำให้หลายคนตกใจเสมอ คนรวยมักให้ค่าเวลามากกว่าเงิน นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาจ่ายเงินเพื่อความสะดวก เช่น จ้างคนทำความสะอาด สั่งของออนไลน์ หรือแม้กระทั่งนั่งเครื่องบินส่วนตัว ไม่ใช่เพราะอวดหรู แต่เพราะเข้าใจว่าเวลาคือทรัพยากรที่จำกัดที่สุด
.
ลูกค้าเก่าคนหนึ่งเคยบอกผมว่า "ผมหาเงินเพิ่มได้เสมอ แต่หาเวลาเพิ่มไม่ได้" ความคิดนี้เปลี่ยนทุกอย่าง มีผลต่อวิธีทำงาน การพักผ่อน และตัดสินใจ
.
5️⃣พวกเขาเปิดเผยเรื่องเงินอย่างมีกลยุทธ์
ในขณะที่ครอบครัวชั้นกลางหลายครอบครัวหลีกเลี่ยงเรื่องเงิน บางครั้งเพราะไม่สบายใจ บางครั้งเพราะขนบธรรมเนียม คนรวยมักพูดคุยเรื่องการเงินเป็นประจำ กับคู่ครอง ลูก และเพื่อน
.
แต่นี่คือจุดแตกต่าง พวกเขาไม่ได้โอ้อวด แต่วางแผน เรียนรู้ และแบ่งปันกลยุทธ์ การปิดบังอาจนำไปสู่ความไม่รู้หรือโอกาสที่พลาด ในขณะที่ความเปิดเผยสร้างความตระหนักและเติบโต

6️⃣พวกเขาลงทุนกับการเรียนรู้อย่างหนัก
.
หนังสือ สัมมนา คอร์ส กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ คนรวยใช้เงินจำนวนมากกับการศึกษา และไม่ใช่แค่แบบเรียนในโรงเรียน พวกเขาลงทุนเพื่อการเรียนรู้ เพราะเข้าใจสิ่งสำคัญข้อหนึ่ง จิตใจคือสินทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
.
คนชั้นกลางอาจรู้สึกตกใจกับการใช้เงิน 66,000 บาท สำหรับสัมมนาธุรกิจสุดสัปดาห์ แต่คนรวยมักมองว่าเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสิบเท่าในรูปของความเข้าใจ ความสัมพันธ์ หรือกลยุทธ์
.
พี่เลี้ยงคนหนึ่งเคยบอกผมว่า "ผลตอบแทนจากความรู้นั้นไม่มีใครเทียบได้ ถ้าคุณนำไปใช้" ประโยคนี้ฝังใจมาก
.
7️⃣พวกเขาแยกสถานะออกจากการใช้จ่าย
.
เรื่องนี้ซับซ้อน แม้รถหรูและเสื้อผ้าแบรนด์ดังจะได้รับความสนใจ แต่คนรวยจริงๆ หลายคนไม่รู้สึกจำเป็นต้องอวด พวกเขามักเป็นคนที่ใส่รองเท้าผ้าใบธรรมดาและเสื้อฮูดที่ใช้มานาน
.
ทำไม เพราะพวกเขาไม่เห็นว่าการใช้จ่ายเท่ากับมูลค่า พวกเขารู้ว่าสถานะไม่ได้มาจากการดูรวย แต่มาจากความเป็นอิสระ เป็นอิสระในการเลือกที่อยู่ สิ่งที่ทำ และคนที่ใช้เวลาด้วย
.
นี่คือเหตุผลที่เศรษฐีข้างบ้านอาจขับรถโตโยต้า ขณะที่ผู้จัดการระดับกลางเช่ารถเอสยูวีหรูที่แทบไม่ไหว ความแตกต่างในความคิดนี้คือทุกสิ่งทุกอย่าง
.
8️⃣ พวกเขาวางแผนข้ามรุ่น ไม่ใช่แค่ปีหน้า
.
ในขณะที่คนส่วนใหญ่คิดในรูปของเป้าหมายรายปีหรือแผนห้าปี ครอบครัวที่มั่งคั่งมักคิดในหน่วยทศวรรษ แม้กระทั่งศตวรรษ พวกเขาสร้างทรัสต์ ตั้งสำนักงานครอบครัว และสอนลูกเรื่องเงินตั้งแต่เด็ก พวกเขาทำให้แน่ใจว่าความมั่งคั่งไม่ได้แค่สร้าง แต่ยังคงอยู่
.
เพื่อนคนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่า คุณปู่จัดประชุมครอบครัวทุกเดือนเพื่อหารือแผนมรดก "ท่านบอกเสมอว่า เราไม่ได้รับเงินมรดก เรารับมรดกหน้าที่ดูแล" แนวคิดนี้เปลี่ยนวิธีออม ใช้จ่าย และจัดโครงสร้างชีวิต
.
สุดท้ายนี้ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องของมุมมอง คือ การมองเงินให้เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่แค่ถ้วยรางวัล คุณไม่จำเป็นต้องรวยก่อน แล้วถึงจะคิดได้เหมือนคนรวย แค่ลองเอาซัก 1 ข้อไปใช้ คุณอาจจะขยับเข้าใกล้ความรวยเพิ่มอีกนิดก็ได้

เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
Cr https://www.facebook.com/share/p/1LuM5BvDuZ/?mibextid=wwXIfr
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่