💵 การรวยด้วยดอกเบี้ยทบต้นใช้ไม่ได้กับคนส่วนใหญ่
และไม่ใช่เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่ลงทุน
แนวคิดเรื่องดอกเบี้ยทบต้นมักถูกยกย่องว่าเป็นพลังสำคัญในการสะสมความมั่งคั่ง
แต่ในปัจจุบันนั้น การรวยด้วยดอกเบี้ยทบต้นทำได้ยากมากสำหรับคนส่วนใหญ่
ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?
คุณ Gary Stevenson อดีตเทรดเดอร์จาก Citibank ได้ออกมาแย้งว่าแนวคิดเรื่องดอกเบี้ยทบต้นนั้นไม่ได้ผลกับคนส่วนใหญ่
และนี่คือสามเหตุผล
---
1️⃣ คนรวยรวยขึ้น
ฟังดูอาจจะไม่เกี่ยวแต่ คุณ Gary อธิบายว่าการที่ Wealth Gap ยิ่งห่าง ทำให้คนฐานะปานกลางมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
เพราะโดยมากแล้วการที่คนรวยเติบโตได้มากกว่า GDP นั้นมาจากการที่คนรวยไล่ซื้อสินทรัพย์หรือครอบงำกิจการสำคัญในประเทศ แล้วผลักดันราคาสินค้าให้สูงขึ้น
และเมื่อราคาสินค้าเพิ่มขึ้น -> ผู้คนไม่เหลือเงินเก็บออมและลงทุน -> ไม่สามารถใช้พลังทวีของดอกเบี้ยทบต้นได้
หรือในบางสถานการณ์ที่แย่กว่านั้นคือ ค่าจ้างไม่เพิ่ม (จากการกดต้นทุนของคนรวยให้ต่ำลง)
และนั่นนำไปสู่เหตุผลข้อต่อไป
---
2️⃣ คนส่วนใหญ่มีเวลารอดอกเบี้ยทบต้นน้อยเกินไป
โดยทั่วไปแล้ว มนุษย์เรามักจะเริ่มสะสมรายได้ในช่วงอายุ 20 - 60 ปีซึ่งเป็นวัยทำงาน
แต่ในปัจจุบัน เด็กจบใหม่อายุ 20 ปี อาจจะเริ่มต้นด้วย
การใช้หนี้ให้พ่อแม่
การใช้หนี้การศึกษา
การมีเงินเดือนขั้นต่ำไม่พอค่าครองชีพ
ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้กว่าบางคนจะตั้งตัวได้ อาจจะต้องเสียเวลา 5 ปี ถึง 10 ปี และอย่างที่เราเรียนกันมา ยิ่งออมและลงทุนช้า พลังของดอกเบี้ยทบต้นยิ่งลดลง
น่าเศร้าที่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ความผิดของเด็กจบใหม่เลยด้วยซ้ำ
---
3️⃣ การลงทุนในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ในทางทฤษฏี ดอกเบี้ยทบต้นจะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อสินทรัพย์ที่ลงทุนมีการเติบโตแบบ Exponential สม่ำเสมอ
แต่ไม่ใช่ทุกสินทรัพย์ที่เป็นแบบนั้น
ยกตัวอย่างถ้าเราไปลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น อย่างที่รู้ ๆ กันว่าญี่ปุ่นแทบจะไม่มีการเติบโตเลยตลอด 30 ปีที่ผ่านมา และมันก็สะท้อนมาที่ตลาดหุ้นดัชนี Nikkei 225 แบบไม่รวมปันผล ต้องรอถึง 30 ปี กว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่
นั่นหมายความว่า การลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีการเพิ่มขึ้นของราคา ไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนได้ใช้พลังของดอกเบี้ยทบต้นอย่างที่ควรจะเป็น
แล้วทางออกล่ะ?
แทนที่จะเหมือนนักเศรษฐศาสตร์ทั่วไปที่บอกให้ทุกคนตั้งใจ ออม ลงทุน และลดค่าใช้จ่าย คุณ Gary กลับเสนอว่าให้รัฐเก็บภาษีคนรวยให้มากขึ้น แล้วนำเงินที่ได้มาช่วยเหลือคนชนชั้นรากหญ้าให้มากขึ้น
เพราะในปัจุบัน คนชนชั้นกลางเสียภาษีมากกว่าคนรวย เนื่องจากคนรวยมักมีวิธีลดหย่อนภาษีที่คนชนชั้นกลางเข้าถึงไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น Elon Musk ที่นำหุ้น Tesla ไปค้ำประกันเพื่อกู้เงินออกมาใช้
แน่นอนว่าเขาแทบไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแทน ซึ่งถือว่าน้อยมากเทียบกับภาษีที่เขาควรจะต้องจ่าย
---
การรวยด้วยดอกเบี้ยทบต้นใช้ไม่ได้กับคนส่วนใหญ่
และไม่ใช่เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่ลงทุน
แนวคิดเรื่องดอกเบี้ยทบต้นมักถูกยกย่องว่าเป็นพลังสำคัญในการสะสมความมั่งคั่ง
แต่ในปัจจุบันนั้น การรวยด้วยดอกเบี้ยทบต้นทำได้ยากมากสำหรับคนส่วนใหญ่
ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?
คุณ Gary Stevenson อดีตเทรดเดอร์จาก Citibank ได้ออกมาแย้งว่าแนวคิดเรื่องดอกเบี้ยทบต้นนั้นไม่ได้ผลกับคนส่วนใหญ่
และนี่คือสามเหตุผล
---
1️⃣ คนรวยรวยขึ้น
ฟังดูอาจจะไม่เกี่ยวแต่ คุณ Gary อธิบายว่าการที่ Wealth Gap ยิ่งห่าง ทำให้คนฐานะปานกลางมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
เพราะโดยมากแล้วการที่คนรวยเติบโตได้มากกว่า GDP นั้นมาจากการที่คนรวยไล่ซื้อสินทรัพย์หรือครอบงำกิจการสำคัญในประเทศ แล้วผลักดันราคาสินค้าให้สูงขึ้น
และเมื่อราคาสินค้าเพิ่มขึ้น -> ผู้คนไม่เหลือเงินเก็บออมและลงทุน -> ไม่สามารถใช้พลังทวีของดอกเบี้ยทบต้นได้
หรือในบางสถานการณ์ที่แย่กว่านั้นคือ ค่าจ้างไม่เพิ่ม (จากการกดต้นทุนของคนรวยให้ต่ำลง)
และนั่นนำไปสู่เหตุผลข้อต่อไป
---
2️⃣ คนส่วนใหญ่มีเวลารอดอกเบี้ยทบต้นน้อยเกินไป
โดยทั่วไปแล้ว มนุษย์เรามักจะเริ่มสะสมรายได้ในช่วงอายุ 20 - 60 ปีซึ่งเป็นวัยทำงาน
แต่ในปัจจุบัน เด็กจบใหม่อายุ 20 ปี อาจจะเริ่มต้นด้วย
การใช้หนี้ให้พ่อแม่
การใช้หนี้การศึกษา
การมีเงินเดือนขั้นต่ำไม่พอค่าครองชีพ
ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้กว่าบางคนจะตั้งตัวได้ อาจจะต้องเสียเวลา 5 ปี ถึง 10 ปี และอย่างที่เราเรียนกันมา ยิ่งออมและลงทุนช้า พลังของดอกเบี้ยทบต้นยิ่งลดลง
น่าเศร้าที่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ความผิดของเด็กจบใหม่เลยด้วยซ้ำ
---
3️⃣ การลงทุนในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ในทางทฤษฏี ดอกเบี้ยทบต้นจะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อสินทรัพย์ที่ลงทุนมีการเติบโตแบบ Exponential สม่ำเสมอ
แต่ไม่ใช่ทุกสินทรัพย์ที่เป็นแบบนั้น
ยกตัวอย่างถ้าเราไปลงทุนในหุ้นญี่ปุ่น อย่างที่รู้ ๆ กันว่าญี่ปุ่นแทบจะไม่มีการเติบโตเลยตลอด 30 ปีที่ผ่านมา และมันก็สะท้อนมาที่ตลาดหุ้นดัชนี Nikkei 225 แบบไม่รวมปันผล ต้องรอถึง 30 ปี กว่าจะทำจุดสูงสุดใหม่
นั่นหมายความว่า การลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีการเพิ่มขึ้นของราคา ไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนได้ใช้พลังของดอกเบี้ยทบต้นอย่างที่ควรจะเป็น
แล้วทางออกล่ะ?
แทนที่จะเหมือนนักเศรษฐศาสตร์ทั่วไปที่บอกให้ทุกคนตั้งใจ ออม ลงทุน และลดค่าใช้จ่าย คุณ Gary กลับเสนอว่าให้รัฐเก็บภาษีคนรวยให้มากขึ้น แล้วนำเงินที่ได้มาช่วยเหลือคนชนชั้นรากหญ้าให้มากขึ้น
เพราะในปัจุบัน คนชนชั้นกลางเสียภาษีมากกว่าคนรวย เนื่องจากคนรวยมักมีวิธีลดหย่อนภาษีที่คนชนชั้นกลางเข้าถึงไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น Elon Musk ที่นำหุ้น Tesla ไปค้ำประกันเพื่อกู้เงินออกมาใช้
แน่นอนว่าเขาแทบไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแทน ซึ่งถือว่าน้อยมากเทียบกับภาษีที่เขาควรจะต้องจ่าย
---