พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าลูกเป็นเด็กเป-รด หรือรู้ตัวนั่นแหละแต่ไม่คิดจะทำอะไร ?

เรากลับจากญป ซื้อขนมไปฝากบ้านพี่สาวที่เขามีลูก หลานชายแปดขวบวิ่งมาจะดึงถุงขนมไปจากเราแล้วถามว่า “มีของเล่นมั้ย ทำไมไม่ซื้อของเล่นมาให้“ แม่เด็กดูอยู่ตลอดแต่ไม่อบรมห้ามปรามใดๆ

เราพาครอบครัวพี่สาวทั้งบ้านไปเลี้ยงอาหารที่ร้าน หลานชายคนเดิมเอาช้อนตักมันบดที่เป็นจานกลางไปเลีย แล้ววางที่เดิม เราบอกให้หลานกินมันบดจานนั้นให้หมดไปเลย พ่อแม่เด็กดูอยู่ตลอดแต่ไม่อบรมห้ามปรามใดๆ

ยังกินข้าวไม่ทันเสร็จ หลานชายคนเดิมบอกอิ่มแล้ว ไปกันเถอะ น้า(เรา)พาไปห้างไปซื้อของเล่นให้หน่อยนะๆๆ
เราบอก ไม่ได้ พ่อแม่เด็กดูอยู่ตลอดแต่ไม่อบรมห้ามปรามใดๆ

หลานสาวห้าขวบคนน้องกินอิ่มแล้ว เอาผักในจานสลัดที่คนอื่นกำลังกินอยู่มาเล่น ป้ายหน้าแม่บ้าง จะใช้มือหยิบผักไปวางในจานคนอื่นบ้าง พ่อแม่เด็กแค่เอ่ยปากอย่างนิ่มๆว่าไม่ทำนะ แต่ไร้ผลในการควบคุมพฤติกรรมของหลานสาว และตัวพ่อแม่ก็กินกันต่อไปแบบชิวๆ

กินอาหารเสร็จ เราจ่ายเงินเลี้ยงทุกคนราคาหลักหมื่น พ่อแม่เด็กไม่ได้เอ่ยขอบคุณ และไม่ได้ให้เด็กพูดว่าขอบคุณ เด็กๆเอาแต่เร่งเร้าให้รีบออกจากร้านเพราะต้องการไปเดินห้างดูของเล่น

เด็กมีพฤติกรรม entitled (ไม่รู้ภาษาไทยเรียกอะไร) เอาแต่ใจ แสดงกิริยาไม่สุภาพ อันนี้เราเข้าใจในความเป็นเด็ก

แต่พ่อแม่เด็กที่เห็นกิริยาเหล่านั้นแต่ไม่อบรมห้ามปราม หรือห้ามก็ห้ามแต่ปากโดยไม่มีความจริงจังในการให้ลูกหยุดการกระทำ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร

- พ่อแม่เด็กไม่ทราบว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมและสมควรต้องแก้ไข?

- พ่อแม่เด็กทราบอยู่แล้วว่าเหล่านี้เป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม แต่คิดว่าไม่จำเป็นต้องแก้ไข โดยหวังว่าเดี๋ยวโตขึ้นลูกจะเลิกพฤติกรรมเหล่านี้ และมีมารยาทที่ดีขึ้นไปเองตามวัย?

ฝากถึงคนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เราตอนเด็ก ๆ ก็เป็นเด็กไม่มีไม่รู้มารยาทสังคมอะไรมาก
แม่สอนแต่เรื่องงานบ้าน ทำกับข้าว รักนวลสงวนตัว ประสาคนเจนเบบี้บูม
คือลูกผู้หญิงมีหน้าที่ทำงานบ้าน ผู้ชายไม่ต้องทำอะไรเลย

เด็กสมัยเราไม่ได้มีบทบาทอะไรในการเข้าสังคมจนถึงกับต้องสอนเยอะ
เพราะผู้ใหญ่คุยกันเด็กก็ต้องหลบไปเล่นตรงอื่น ผู้ใหญ่อยากกินอะไรเขาก็ไปกิน
จ้างก็ไม่มีใครถามว่าอยากไหม แค่ให้ไปด้วยก็ดีใจจะตาย รุ่นหลานเราคือ
เด็กอยากกินอะไรผู้ใหญ่อยากไม่อยากก็ต้องไปกิน

พอเราโตขึ้นก็เลยเห็นพฤติกรรมลูกหลานเด็กเจนฯใหม่ที่เป็นศุนย์กลางครอบครัว
คือพ่อแม่เอาใจจนเด็กไม่ซาบซึ้งอะไรกับสิ่งที่ได้จากคนอื่น เพราะได้จากพ่อแม่จนล้น
ตอนเด็ก ๆ มีใครให้ตังค์ให้ของขวัญร้อยเดียวเราซาบซึ้งยันโต ทุกวันนี้ก็ไม่ลืม
ลูกหลานเราสมัยนี้ให้กี่พันก็เฉย เราไม่ให้เขาก็ไม่เดือดร้อนเพราะพ่อแม่ก็ปรนเปรอไม่ขาด

เราเคยถามน้องเราที่เป็นพ่อว่าเคยสอนอะไรลูกไหม (เพราะเราไม่เคยเห็น)
น้องบอกไม่เคยเลย ไม่เคยว่าไม่เคยตีลูกด้วย
เรามาคิดว่าโชคดีที่แม่เด็ก (น้องสะใภ้) เขานิสัยดีและเป็นผู้ดี ขนาดไม่สอน
แต่เด็กก็เรียบร้อยอ่อนโยน  เพียงแต่มารยาทการเข้าสังคมก็ยังไม่ 100% เพราะเขายังเด็ก
เราซึ่งเป็นป้าก็ถือโอกาสสอนเลย 555 ไม่สนว่าพ่อแม่เขาจะสอนไหม

เช่นไปร้านอาหารด้วยกัน พอเด็กเสิร์ฟยกอาหารวางบนโต๊ะเราก็สอนเลยว่าขอบคุณพี่เค้าด้วยนะคะ
หรือเวลามาเที่ยวบ้านเรา เราก็เรียกมาช่วยทำกับข้าว จัดโต๊ะ ฯลฯ ปากก็สอนนั่นนี่ตลอด
แต่เรามีจิตวิทยา สอนแบบคุยเล่น สอนแล้วหยอดมุกตลกขำ ๆ และสอนแบบพ่อแม่เขาฟังแล้ว
ไม่ระคายหูเหมือนกำลังโดนด่าว่าไม่สั่งสอนลูก
เช่น มาช่วยป้าทำกับข้าวแล้วกลับไปก็ต้องช่วยแม่น๊า แม่หนูเค้าทำงานเหนื่อยแล้ว

เราก็เลยอยากจะแนะนำว่าถ้าคุณมีศักดิ์เป็นน้าและได้อยู่ด้วยกัน สอนเค้าเลยค่ะ อย่าแค่คิดในใจ
สอนแบบซอฟต์ ๆ เมตตา และแอบชมบ้าง เนียน ๆ ให้เค้าไม่รู้สึกว่าเราคือน้าที่เอาแต่ดุ

ตอนยื่นของฝากให้ เด็กไม่ขอบคุณ คุณก็ทวงค่ะ เช่น น้าให้ของ หนูต้องขอบคุณนะคะ
พอเค้าทำก็ดึงมากอด ปากก็ยอ ๆ อวย ๆ ว่าหลานน้าน่ารักจังเลย ชื่นใจจัง เป็นเด็กดีแบบนี้สิคะ
กับคนอื่นหนูก็ต้องขอบคุณนะคะ (แล้วเวลาเขาทำอะไรให้คุณ แม้แต่แค่หยิบอะไรให้ คุณก็ขอบคุณ
เป็นตย.ด้วย)

ที่เราแนะนำแบบนี้เพราะเขาเป็นหลานคุณค่ะ ถ้าเป็นลูกหลานคนอื่น เราก็ไม่สอนค่ะ ขี้เกียจ 555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่