คำถามนี้ส่งถึงผู้บริหารสถาบันการเงินธนาคารกรุงไทยฯ และลูกค้าธนาคารฯทุกท่านที่ได้รับผลกระทบในเรื่องการขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ

เรื่องสำคัญเร่งด่วน....ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดควรพิจารณาเหตุที่เกิดกับประชานทั่วไปซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารกรุงไทย
การขายหรือส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ทุกประเภทที่ธนาคารกรุงไทยต้องการนำเสนอด้วยการเข้าถึงหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวของลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตโทรหาแบบประชิดตัวชนิดที่เรียกว่าเป็นการจู่โจมและคุกคามความเป็นส่วนตัวเกินไปมากถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างมาก
ผลกระทบที่ผมได้รับเกิดความหวาดระแวง สงสัย วิตกกังวล เกิดความ กลัวและทำให้ต้องมานั่งซีเรียสเครียดกับเรื่องนี้ผมเห็นว่าการกระทำแบบนี้ของธนาคารฯ มันทำให้ลูกค้าเสียสุขภาพจิต
เรื่องคือว่า...ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ 11/11/2568 - 26/11/2568 (รวม 16 วัน) ธนาคารฯได้พยายามโทรศัพท์มายังหมายเลขส่วนตัวที่ลูกค้าได้ให้ไว้กับธนาคารเพราะเปิดกรุงไทยเน็กเอาไว้ เหตุด้วยเบอรฺ์มือถือทั่วไปที่เจ้าหน้าที่โทรมาลูกค้ามันไม่ใช่หมายเลขมาจากสำนักงานใหญ่021111111ดังมีหมายเลขดังต่อไปนี้ 0824932330,0827016412,0824692371,0824491255,0824638730,0943016023 รวม 6หมายเลขดังกล่าวมีการโทรหาผมแทบทุกวันผมไม่รับสายก็เปลี่ยนหมายเลขอื่นโทรมาวนไปวนมา..(ภายหลัง/มาทราบว่าเป็นเบอร์เทเลเซลของธนาคารฯมาขายประกันฯ เพราะผมลองเสี่ยงรับสายดูเพราะอยากรู้ใครกันโทรมาบ่อยมากจึงได้ทราบเป็นธนาคารฯและผมได้ปฎิเสธไปแล้วไม่สนใจประกันทุกชนิดที่จะเสนอขายฯแต่ธนาคารก็ยังโทรมาอีกคือจะเอาให้ได้ต้องการขายให้ได้ตามเป้าของการขาย
คำถามคือ..

1. การกระทำแบบนี่ผมขออนุญาตใช้ตำว่าจู่โจม(เข้าหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวของลูกค้าแบบประชิดตัว)แบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือ?และไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่เทเลเซลจะเข้าถึงบัญชีเงินฝากทุกบัญชีของลูกค้าทุกประเภทหรือไม่ และสมารถล่วงรู้ไปถึงสถานะการเงินของลูกค้าที่มีเงินฝากไว้กับธนาคารด้วยหรือปล่าวแล้วถ้าสมมุติว่าเกิดมีพนักงานทุจริตขึ้นมานำข้อมูลของลูกค้าออกไปโดยที่ธนาคารไม่อนุญาต นำข้อมูลทางการเงินของลูกค้าไปให้กับพวกมิจฉาชีพขึ้นมาความเสียหายจะเกิดขึ้นกับลูกค้าโดยตรงคำถามนี้น่าคิดมากโปรดคิดตามความเห็นนี้

2. เมื่อลูกค้าไม่รับสายเจ้าหน้าที่เทเลเซลฯ ก็จะกระทำการเสับเปลี่ยนหมายเลขโทรมาเพื่อต้องการให้ลูกค้ารับสายให้ได้เหตุเพราะต้องการเสนอขายประกันเจ้าหน้าที่กำลังทำตัวเหมือนพวกคลอเซ็นเตอร์ด้วยวิธีการเดียวกันกับพวกมิจฉาชีพด้วยการสับขาหลอกเปลี่ยนหมายเลขโทรหาลูกค้า่เพื่อให้ลุกค้ารับสายให้ได้มันทำให้ลูกค้าเกิดความสับสน และต้องยอมรับสายในที่สุด จะด้วยเหตุผลเพราะอยากรู้ใครโทรมาบ่อยๆ หรือเป็นการตัดความรำคาญก็ตามแต่

3. การกระทำแบบนี้ไม่ทราบเป็นนโยบายของธนาคารโดยตรงหรือคำสั่งของผู้บริหารที่ออกกฎมาให้เจ้าหน้าที่เทเลเซลทุกคนต้องจี้ขายประกันลูกค้าให้ได้ด้วยการขายทางโทรศัพท์แบบจู่โจมกระหน่ำโทรเปลี่ยนเบอร์ไปเรื่อยๆ จนกว่าลูกค้าจะรับสาย มันกำลังจะบ่งบอกอะไรหรือว่าเจ้าหน้าที่ต้องเร่งสรุปยอดทำยอดหรือมีแรงจูงใจเมื่อขายประกันได้ มันจะส่งผลต่อโบนัสประจำปี เจ้าหน้าที่จึงได้โทรกระหน่ำโดยไม่สนใจว่าลูกค้าจะเกิดความความกลัวหวาดระแวงว่าจะเป๋นมิจฉาชีพหรือไม่ ถ้ากดรับสายแลัวให้กดลิ้งค์ต่างๆ ก็อาจจะโดนดูดเงินในบัญชี ทุกคนลองคิดดูว่าถ้าคนที่มีการศึกษาน้อยตาสีตาสาเขาจะรู้เรื่องไหมตามทันกับมุขของมิจฉาชีพทันหรือปล่าว อันไหนจริงหรือปลอมถ้าพวกนี้สวมรวยช่องว่างนี้เป๋นเจ้าหน้าที่เทเลเซลธนาคารเข้าถึงลูกค้าด้วยการโทรหาแบบนี้ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับลูกค้า ใครจะรับผิดชอบเพราะการกระทำแบบนี้ด้วยการตามโทรจี้จู่โจมเปลี่ยนหมายเลขโทรหาลูกค้ามันไม่สมควรทำเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลผู้บริหารธนาคารฯรับรู้เรื่องนี้หรือปล่าวที่พนักงานเทเลเซลของธนาคารทำเกินกว่าเหตุ

4. ทั้งที่สื่อทุกสื่อมีการประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนทั่วไป เกี่ยวกับการรู้เท่าทันเหลี่ยมกลโกงพวกมิจฉาชีพ โดยไม่กดรับสายเบอร์แปลก ไม่กดลิ้งค์ ไม่เข้าแอปต่างๆที่สุ่มเสียงต่อการโดนโจรกรรมทางการเงิน แล้วว่าด้วยหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจก็ไม่มีนโยบายโทรหาเข้าถึงลูกค้าโดยตรงทั้งที่สื่อต่างๆมีการรณรงค์ประชาสมัพันธืเตือนภัยเรื่องดังกล่าว แต่ตอนนี้ธนาคารกรุงไทย(เทเลเซล)มาทำเสียเอง

5. กรณีนี้ผลกระทบที่ผมได้รับ จึงได้ตัดสินใจโทรเข้าหาสำนักงานใหญ่เมื่อคืนวันที่26/11/2568 ได้ร้องเรียนเรื่องนี้และขอเช็คเบอร์6หมายเลขดังกล่าวที่โทรหาผมมาตอลด16 วันธนาคารรับเบอร์ไปตรวจสอบตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเบอร์ของธนาคารกรุงไทยแผนกเทเลเซลจริง  ประเด็นก็คือผลที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ธนาคารแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เพียงแค่ เจ้าหน้าที่ธนาคารเอ่ยปากแค่เพียงว่า..ทางธนาคารขออภัยในความไม่สะดวกต่อเหตุการณ์ที่ลูกค้าได้รับ ที่ทางธนาคารได้โทรมาเสนอขายประกันฯและยังบอกว่า ถ้าลูกค้าไม่ต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารมาเสนอขายผลิตภัณฑ์อีกวิธีแก้ก็คือ

............********.โปรดจงฟังเจ้าหน้าที่ธนาคารและลูกค้าของธนาคารคือ******...................

โดยให้ลูกค้าเข้าแอปกรุงไทยเน็กที่สมัครไว้ให้เข้าไปแก้ไขข้อมูลในแอปให้ทำการแก้ไขปฎิเสธไม่ยอมรับเงื่อนไขกับการที่ธนาคารจะใช้สิทธิ์เข้าถึงลูกค้าโดยตรงด้วยการขายผลิตภัณฑ์ โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าผมยินยอมรับการเสนอขายผลิตภัณฑ์ทุกชนริดของธนาคารไว้แล้ว ตั้งแต่ติดตั้งแอปครั้งแรกสำเร็จแล้ว..พระเจ้ากล้วยทอด...นี่เป้นความผิดของลูกค้างั้นหรือ..ทำไมให้ลูกค้ามาแก้ที่ปลายเหตุ  ต้นเหตุที่เกิดขึ้นมาจากธนาคารโดยตรงที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมากๆ อยากให้เจ้าหน้าที่และลูกค้าธนาคารเข้าไปที่พันทิป/ของธนาคารกรุงไทย ทุกคนจะได้เห็นว่าลูกค้าที่ได้รับผลกระทบเรื่องนี้จำนวนมากตั้งกระทู้และคอมเม้นต์ร้องเรียนธนาคารกันจำนวนมากและนานมากแล้วก็ยังไม่ด้รับการแก้ไข แล้วทำไมธนาคารยังทำอยู่และทำต่ออีกไปเรื่อยๆเหมือนไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับเหมือนกับว่าฉันจะทำต่อใครจะทำไม ถ้าใครไม่อยากได้รับผลกระทบก็ไม่ต้องงเสื....รับสายที่ธนาคารโทรเข้ามาประมาณนั้น

6. อันนี้สำคัญ....เรื่องแอปกรุงไทยเน็กเราเข้าไปกดไม่ยอมรับหรือปฎิเสธหรือปรับแต่งอะไรไม่ได้เลย หรือได้ก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ในการที่แอปจะเข้าถึงข้อมูลของเราลูกค้าจะต้องอนุญาตยินยอมทุกอย่างเพื่อให้แอปใช้งานได้ปกติถูกต้องไหม...ลูกค้าไม่ยอมรับอะไรได้ที่ไหนถูกต้องไหม..เพราะแอปกรุงไทยเน็กนี่อ่อนไหวมากอะไรนิดก็เออเร่อ ให้อัปเดตบ่อยมาก และให้ลูกค้าถอนการติดตั้งใหม่บ่อยมาก และให้ลงแอปใหม่อยู่เรื่อยๆ  เมื่อลงแอปใหม่แล้วลูกค้าต้องไปผจญกับการสแกนหน้านับ1ใหม่เริ่มทำธุรกรรมตั้งแต่1บาทขึ้นไปจนกว่าระบบในแอปจะจดจำใบหน้าเราได้ มันก็จะไม่ถามหาสแกนหน้าอีกต่อไป มันจะเป็นแบบนี้วนไปมาผมเคยโทรคุยปัญหานี้เพราะเกิดความสงสัยกับรหัสเออเร่อที่ขึ้นบนหน้าจอของแอปความหมายคืออะไร ทำไมถึงให้ถอนการติดตั้งแอปออกถี่ยิบขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย ฝ่ายเทคนิดที่รับผิดชอบเกี่ยวกับแอปกรุงไทยเน็กนี้โดยตรง ธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ เขาตอบว่าเป็นระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดกับให้ลูกค้าเพื่อความปลอดภัย (จริงเหรอหรือว่าแอปไม่ดีพอไม่มีความสเถียรกันแน่ ลูกค้าหลายท่านก็คงคิดเช่นกัน)ยกตัวอย่างปัญหาที่ให้ถอนการติดตั้งแอปออกจากโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่บอกว่าเพียงแค่ลูกค้าเดินเฉียดกรายสุ่มสี่สุ่มห้าไปจุดไหนทุกพื้นที่เมื่อเดินผ่านเสาสัญญาณอะไรก็ตามที่สุ่มเสี่ยงแอปจะปิดตัวเองทันที(ทั้งที่แอปธนาคารอื่นไม่เกิดเหตุการณ์อัปเดตถอนการติดตั้งและให้ติดตั้งแอปใหม่บ่อยมาก/เป็นเฉพาะกรุงไทย มันน่าคิดหรือระบบรักษาความปลอดภัยของธนาคารพิเศษโดดเด่นกว่าที่อื่น)ที่ต้องพูดเรื่องนี้เพราะว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ให้ผมแก้ปัญหาด้วยตัวเองด้วยการเข้าไปแก้ไขในแอปของธนาคาร..เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวพนักงานธนาคารจะได้ไม่ต้องโทรเข้ามาขายผติภัณฑ์ต่างๆได้อีก  ก็แล้วในเมื่อแอปธนาคารมันอ่อนไหวขนาดนั้น ถ้าเราไปแก้ไขอะไรด้วยความไม่รู้เท่าไม่ถึงการณ์เอง แอปมันก็จะส่งผลกระทบต่อการใช้แอปทำให้ใช้เราใช้งานไม่ได้อีก  ไม่มีใครหรอกที่อยากไปแก้ไขอะไรในแอป ปัญหามันต้องแก้ที่ต้นทางคือธนาคารไม่ใช่ที่ปลายทางคือลูกค้า

7. ช่องทางประชาสัมพันธ์,ขายหุ้นกู้,ลงทุน,นำเสนอขายผลิตภัณฑ์ทุกชนิดฯลฯทางธนาคาร  ที่ผ่านมาธนาคารฯ ก็นำเสนอขายลูกค้าเข้าถึงลุกค้าทุกวันอยู่แล้ววันละหลายๆครั้ง ในLINE Krungthai Connext  Krungthai Care ไม่ใช่เหรอ  หรือว่า  ยังไม่พอธนาคารต้องเข้าถึงตัวลูกค้าให้ได้มากที่สุดแล้วทางธนาคารยังใช้สิทธิ์เข้าถึงเบอร์ส่วนตัวลูกค้าอีกอย่างน้นหรือ  สรุปก็คือธนาคารจะเอาให้ได้ทุกช่องทางการขายเพราะต้องการเข้าถึงลูกค้าโดยตรง ผมตั้งคำถามธนาคาร ตรงนี้ที่ทำอยู่นี้มันผิดจรรยาบรรณวิชาชีพนี้หรือปล่าว  มันส่งผลกระทบให้กับลูกค้า มันเป็นผลกระทบในวงกว้างที่ลูกค้าของธนาคารได้รับกับเหตุการณ์นี้เป็นจำนวนมาก(กรุณาถ่างลูกนัยต์ตาไปอ่านในพันทิปดูบ้าง)  คำถามต่อไปคือ ธนาคารจะดำเนินการต่อหรือยุติบทบาทโครงการนโยบายนี้ในการเข้าถึงลูกค้าด้วยการเสนอขายฯลฯมายังเบอร์ส่วนตัวของลูกค้าโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต

8. การที่ลูกค้าจะเข้าหาธนาคารเพื่อสอบถามทุกเรื่องด้วยการโทรเข้าไป ํธนาคารกรุงไทย สนงญ.021111111มันก็มีค่าใช้จ่ายไม่ใช่โทรฟรีลูกค้าก็ต้องมารับภาระเสียค่าโทรศัพท์ ยกตัวอย่าง..ในกรณีของผมที่โทรเข้าไปร้องเรียนเมื่อคืนวันที่26/11ใช้เวลาคุยกับเจ้าหน้าที่ธนาคารประมาณ38 นาที โดนค่าโทรศัพท์ไป 15.50 บาท (โทรศัพท์เป็นระบบเติมเงินไม่มีโปรโมชั่นโทรฟรีอะไรด้วยซ้ำไป) ธนาคารจะรับผิดชอบกับค้าใช้จ่ายตรงนี้ไหม..ก็ปล่าวเลย ลูกค้าเป็นฝ่ายโทรเองธนาคารไม่ได้ขอให้โทรฯ ก็รับภาระค่าโทรศัพท์เองแล้วกัน.. ผมถึงกล่าวตามข้างต้นทั้งหมดงัยว่า  ธนาคารจะเข้าถึงลูกค้าให้ได้ทุกช่องทางแบบเรียกว่าล้ำเส้นละเมิดสิทธิ์ก็ว่าได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรให้กับลูกค้า  แต่ถ้าลูกค้าจะเข้าถึงธนาคาร กลับต้องเสียค่าใช้จ่าย(เช่นในกรณีลูกค้าโทรศัพทฺ์เข้าไปแจ้งเรื่องร้องเรียนดังกล่าว)

โปรดพิจารณาให้ละเอียดอย่างรอบคอบอย่าลืมว่าสถาบันการเงินในประเทศไทยไม่ใช่มีแต่ธนาคารกรุงไทย1 เดียวเท่านั้นลูกค้ามีสิทธิ์ฝากเงินสินทรัพย์ให้ความไว้วางใจกับสถาบันการเงินที่ใดก้ได้..ที่สามารถรักษาผลประโยชน์ให้กับลูกค้าได้ธนาคารจะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าลูกค้าจะได้รับความสบายใจและไว้วางใจไม่มีเรื่องวุ่นวายใจที่ธนาคารกระทำกับลูกค้าเหมือนเช่นกรณีนี้เราก็เห็นกันอยู่เดี๋ยวนี้ประชาชนทั่วไปหันไปลงทุนอย่างอื่นกันหมดแล้วการฝากเงินกินดอกเบี้ย มันหมดยุคสมัยแล้ว ปัจจุบันธนาคารแทบจะไม่เป็นทางเลือกแรก ของการลงทุนของประชาชนอีกแล้ว ผลตอบแทนมันน้อยนิดแม้กระทั่งดอกเบี้ยที่ตอบแทนลูกค้าก็ปรับลดลง..ถ้าประชาชนเขาจะเลือกคงเป็นเงินเหลือจากการลงทุนประเภทอื่นๆ สิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำ ก็คือเอาเงินมาฝากธนาคารกินดอกเบี้ย..
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
จขกท. เป็นเพียงแค่ 1 ใน 10,000,000 รายที่ลงทุนเขียนขนาดนี้ เพื่อช่วยธนาคารกรุงไทยปรับปรุงการให้บริการ นับถือๆ...
และหวังว่าจะได้รับการบริการที่ดีขึ้นนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่