จากเพจ
ทนายนอกศาล
ไขข้อข้องใจ: "ล็อกห้อง" ผู้เช่า... ทำไมเจ้าของบ้านถึงกลายเป็น "ผู้กระทำผิด" เสียเอง?
เมื่อผู้เช่าผิดสัญญา (ไม่จ่ายค่าเช่า, ขนของหนี) เจ้าของบ้านหลายคนมักเลือกใช้วิธี "ล็อกห้อง" หรือ "ตัดน้ำตัดไฟ" เพราะคิดว่าตนเป็น "เจ้าของกรรมสิทธิ์" ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและอันตรายอย่างยิ่งในทางกฎหมาย
"กรรมสิทธิ์" (Ownership) vs. "สิทธิ์ครอบครอง" (Possession)
นี่คือหัวใจของเรื่องนี้:
"เจ้าของบ้าน" มี "กรรมสิทธิ์" (เป็นเจ้าของ)
แต่เมื่อคุณทำ "สัญญาเช่า" คุณได้ "โอนสิทธิ์ในการครอบครอง" ให้แก่ผู้เช่าแล้วตามระยะเวลาในสัญญา
"ผู้เช่า" จึงเป็นผู้มีสิทธิ์ครอบครองพื้นที่นั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้เขาจะค้างค่าเช่าก็ตาม
การ "ล็อกห้อง" คือ "การบุกรุก"
ป.อาญา มาตรา 362: การที่เจ้าของบ้านเข้าไปในห้องเช่า หรือทำการล็อกห้องโดยที่ผู้เช่ายังไม่สิ้นสุดสิทธิ์ครอบครอง (ยังไม่หมดสัญญา หรือยังไม่ย้ายออกโดยสมบูรณ์) ถือเป็นการ "บุกรุก" ที่รโหฐาน
โทษ: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กระบวนการที่ "ถูกต้อง" ในการเอาห้องคืน
กฎหมายไม่ได้ปล่อยให้เจ้าของบ้านเสียเปรียบ แต่กำหนด "ขั้นตอน" ที่ถูกต้องไว้ให้แล้ว ซึ่งไม่ใช่การใช้กำลังหรืออำนาจส่วนตัว แต่คือการใช้ "อำนาจศาล"
1. การบอกเลิกสัญญา (Termination)
ต้องส่งหนังสือบอกกล่าวให้ผู้เช่าชำระหนี้หรือออกจากพื้นที่ โดยให้เวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน (ตาม ป.พ.พ. ม.560)
2. การฟ้องร้อง (Lawsuit)
เมื่อครบกำหนดแล้วผู้เช่ายังเพิกเฉย เจ้าของบ้านต้องยื่น "ฟ้องขับไล่"
เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถใช้ "กรมบังคับคดี" เป็นผู้ดำเนินการบังคับให้ผู้เช่าย้ายออกได้
บทสรุป
กฎหมายไม่อนุญาตให้มีการ "ศาลเตี้ย" หรือการบังคับใช้สิทธิ์ด้วยตนเอง
การ "ล็อกห้อง" คือการข้ามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งจะทำให้คุณกลายเป็นฝ่ายผิดคดีอาญาทันทีครับ
https://www.facebook.com/Lawyerinthailand/posts/pfbid0hVFUaRwZtf7cQ7VuYZzKHJhm6jpChAqEzJnRDFcef6Lmiy6vZ7dqpanikMrsvNVUl

ภาพ จากกูเกิ้ล
ไขข้อข้องใจ: "ล็อกห้อง" ผู้เช่า... ทำไมเจ้าของบ้านถึงกลายเป็น "ผู้กระทำผิด" เสียเอง
ไขข้อข้องใจ: "ล็อกห้อง" ผู้เช่า... ทำไมเจ้าของบ้านถึงกลายเป็น "ผู้กระทำผิด" เสียเอง?
เมื่อผู้เช่าผิดสัญญา (ไม่จ่ายค่าเช่า, ขนของหนี) เจ้าของบ้านหลายคนมักเลือกใช้วิธี "ล็อกห้อง" หรือ "ตัดน้ำตัดไฟ" เพราะคิดว่าตนเป็น "เจ้าของกรรมสิทธิ์" ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและอันตรายอย่างยิ่งในทางกฎหมาย
"กรรมสิทธิ์" (Ownership) vs. "สิทธิ์ครอบครอง" (Possession)
นี่คือหัวใจของเรื่องนี้:
"เจ้าของบ้าน" มี "กรรมสิทธิ์" (เป็นเจ้าของ)
แต่เมื่อคุณทำ "สัญญาเช่า" คุณได้ "โอนสิทธิ์ในการครอบครอง" ให้แก่ผู้เช่าแล้วตามระยะเวลาในสัญญา
"ผู้เช่า" จึงเป็นผู้มีสิทธิ์ครอบครองพื้นที่นั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้เขาจะค้างค่าเช่าก็ตาม
การ "ล็อกห้อง" คือ "การบุกรุก"
ป.อาญา มาตรา 362: การที่เจ้าของบ้านเข้าไปในห้องเช่า หรือทำการล็อกห้องโดยที่ผู้เช่ายังไม่สิ้นสุดสิทธิ์ครอบครอง (ยังไม่หมดสัญญา หรือยังไม่ย้ายออกโดยสมบูรณ์) ถือเป็นการ "บุกรุก" ที่รโหฐาน
โทษ: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กระบวนการที่ "ถูกต้อง" ในการเอาห้องคืน
กฎหมายไม่ได้ปล่อยให้เจ้าของบ้านเสียเปรียบ แต่กำหนด "ขั้นตอน" ที่ถูกต้องไว้ให้แล้ว ซึ่งไม่ใช่การใช้กำลังหรืออำนาจส่วนตัว แต่คือการใช้ "อำนาจศาล"
1. การบอกเลิกสัญญา (Termination)
ต้องส่งหนังสือบอกกล่าวให้ผู้เช่าชำระหนี้หรือออกจากพื้นที่ โดยให้เวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน (ตาม ป.พ.พ. ม.560)
2. การฟ้องร้อง (Lawsuit)
เมื่อครบกำหนดแล้วผู้เช่ายังเพิกเฉย เจ้าของบ้านต้องยื่น "ฟ้องขับไล่"
เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถใช้ "กรมบังคับคดี" เป็นผู้ดำเนินการบังคับให้ผู้เช่าย้ายออกได้
บทสรุป
กฎหมายไม่อนุญาตให้มีการ "ศาลเตี้ย" หรือการบังคับใช้สิทธิ์ด้วยตนเอง การ "ล็อกห้อง" คือการข้ามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งจะทำให้คุณกลายเป็นฝ่ายผิดคดีอาญาทันทีครับ
https://www.facebook.com/Lawyerinthailand/posts/pfbid0hVFUaRwZtf7cQ7VuYZzKHJhm6jpChAqEzJnRDFcef6Lmiy6vZ7dqpanikMrsvNVUl
ภาพ จากกูเกิ้ล