💡เคยรู้สึกไหมว่าการแนะนำตัวในที่ประชุมหรืองานสังสรรค์เป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัด? คุณอาจเคยเป็นคนนั้นที่พูดติดๆ ขัดๆ "สวัสดีครับ ผม...เอ่อ...ชื่อนาย...อะไรนะ? ผม...ชอบ...อะไรก็ได้?" แล้วคุณก็ถูกลืมไปในเสี้ยววินาที
.
Alessia Fransisca นักจิตวิทยาพฤติกรรมที่ได้ศึกษาเรื่อง "Halo Effect" หรือผลกระทบรัศมี ระบุชัดว่าคนส่วนใหญ่ตัดสินคนอื่นจากความประทับใจแรกภายในไม่กี่วินาที และความประทับใจนั้นจะอยู่กับพวกเขาไปอีกนาน
.
เธอเล่าประสบการณ์ตรงว่า "ฉันเคยแนะนำตัวแย่มากในงานประชุมครั้งหนึ่ง ไม่มีใครจำฉันได้เลย" แต่ปัจจุบัน เธอใช้เทคนิค 1 นาที ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นแฟนคลับได้ ซึ่งวิธีการนี้มีพื้นฐานมาจากการวิจัยทางประสาทวิทยาที่พบว่า เรื่องเล่าและรายละเอียดแปลกๆ สามารถติดอยู่ในความทรงจำได้นานกว่าถึง 5 เท่า (Journal of Experimental Psychology)
.
แล้วอะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้คุณสร้างความประทับใจแรกได้อย่างทรงพลัง? มาดู 3 ขั้นตอนที่จะเปลี่ยนคุณจากคนที่ถูกลืมให้กลายเป็นน่าสนใจ ได้ในครั้งแรกที่เจอ
.
1. เริ่มต้นด้วยเรื่องราวที่น่าดึงดูด ไม่ใช่แค่ชื่อของคุณ
.
เปลี่ยนจาก "สวัสดี ฉันชื่อน้ำ ทำงานด้านการตลาด" เป็น "ฉันเคยส่งมีมแมวให้ลูกค้า 10,000 คนโดยไม่ตั้งใจ ตอนนี้ฉันสอนบริษัทต่างๆ ให้หลีกเลี่ยงความผิดพลาดแบบฉัน"
.
ทำไมวิธีนี้ถึงได้ผล? เพราะเรื่องเล่ากระตุ้นสมองให้เข้าสู่ "โหมดภาพยนตร์" ทำให้คุณน่าจดจำมากขึ้น เรื่องเล่าที่มีความเป็นเอกลักษณ์จะเชื่อมโยงกับอารมณ์ของผู้ฟังผ่านเซลล์กระจกเงา (Mirror Neurons) ซึ่งทำให้พวกเขา "รู้สึก" ถึงการแนะนำตัวของคุณ และสร้างการเชื่อมต่อทางอารมณ์ได้ดีกว่า
.
2. เพิ่มรายละเอียดแปลกๆ ที่ทำให้คนตกใจ
.
แทนที่จะพูดว่า "ฉันชอบเดินป่า" ลองเปลี่ยนเป็น "ฉันเคยปีนเขาใส่รองเท้าแตะเพื่อพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าแม่คิดผิด"
.
รายละเอียดแปลกๆ แบบนี้จะติดอยู่ในความทรงจำคนฟังได้นานกว่า และทำให้พวกเขาอยากรู้เรื่องราวของคุณมากขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องโกหกหรือแต่งเรื่อง แค่เลือกจุดที่น่าสนใจจริงๆ ในชีวิตของคุณมาเล่า
.
3. ปิดท้ายด้วยการโยนคำถามกลับไปหาพวกเขา
.
หลีกเลี่ยงการจบด้วย "ยินดีที่ได้รู้จักนะ" แต่ลองใช้คำถามที่ชวนให้คิดแทน เช่น "คุณเคยลองงานอดิเรกแปลกๆ อะไรบ้างไหม?"
.
นี่เป็นการใช้ประโยชน์จาก Recency Bias ที่ทำให้คนจดจำสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาได้ยินได้ดีที่สุด คำถามจะบังคับให้สมองของพวกเขามีส่วนร่วม และพวกเขาจะเชื่อมโยงคุณกับความอยากรู้อยากเห็น
.
ตัวอย่างจากชีวิตจริง
Before : "ผมชื่อเอ็กซ์ ทำงานด้านข้อมูล ผมชอบอ่านหนังสือ" → ถูกลืมภายใน 10 วินาที
.
After : "ผมใช้เวลา 3 ปีติดตามวิธีการแปรงฟันของคน 500 คน ตอนนี้บริษัทต่างๆ จ่ายเงินให้ผมแก้ไขนิสัยแปลกๆ คุณมีนิสัยอะไรที่อยากเลิกบ้างไหม?" → ผลลัพธ์: "เฮ้! คุณคือหมอฟันข้อมูลนั่นเอง!"
.
เหตุผลที่ว่า ทำไมวิธีนี้ถึงได้ผล (ตามหลักวิทยาศาสตร์สมอง) คือ
๐ โดปามีน: ความประหลาดใจกระตุ้นการหลั่งโดปามีน ทำให้สมองชอบคุณโดยอัตโนมัติ
๐ เซลล์กระจกเงา: เรื่องเล่าทำให้คนรู้สึกเหมือนกำลังมีประสบการณ์ร่วมกับคุณ
๐ อคติแห่งความเพิ่งเกิด: การจบด้วยคำถามทำให้คุณเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาจดจำ
.
การแนะนำตัวแบบเดิมๆ ทำให้คุณเป็นแค่อีกคนที่ถูกลืม แต่การปรับเพื่อ 1 นาทีใหม่นี้ จะช่วยให้คนอื่นๆ สามารถจดจำคุณได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
.
.
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
———
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน
CR
https://www.facebook.com/share/1AQcE6JRZa/?mibextid=wwXIfr
💡แค่ 60 วินาทีแรก ที่คนจะจำคุณ ได้ตลอดไป💡
.
Alessia Fransisca นักจิตวิทยาพฤติกรรมที่ได้ศึกษาเรื่อง "Halo Effect" หรือผลกระทบรัศมี ระบุชัดว่าคนส่วนใหญ่ตัดสินคนอื่นจากความประทับใจแรกภายในไม่กี่วินาที และความประทับใจนั้นจะอยู่กับพวกเขาไปอีกนาน
.
เธอเล่าประสบการณ์ตรงว่า "ฉันเคยแนะนำตัวแย่มากในงานประชุมครั้งหนึ่ง ไม่มีใครจำฉันได้เลย" แต่ปัจจุบัน เธอใช้เทคนิค 1 นาที ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นแฟนคลับได้ ซึ่งวิธีการนี้มีพื้นฐานมาจากการวิจัยทางประสาทวิทยาที่พบว่า เรื่องเล่าและรายละเอียดแปลกๆ สามารถติดอยู่ในความทรงจำได้นานกว่าถึง 5 เท่า (Journal of Experimental Psychology)
.
แล้วอะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้คุณสร้างความประทับใจแรกได้อย่างทรงพลัง? มาดู 3 ขั้นตอนที่จะเปลี่ยนคุณจากคนที่ถูกลืมให้กลายเป็นน่าสนใจ ได้ในครั้งแรกที่เจอ
.
1. เริ่มต้นด้วยเรื่องราวที่น่าดึงดูด ไม่ใช่แค่ชื่อของคุณ
.
เปลี่ยนจาก "สวัสดี ฉันชื่อน้ำ ทำงานด้านการตลาด" เป็น "ฉันเคยส่งมีมแมวให้ลูกค้า 10,000 คนโดยไม่ตั้งใจ ตอนนี้ฉันสอนบริษัทต่างๆ ให้หลีกเลี่ยงความผิดพลาดแบบฉัน"
.
ทำไมวิธีนี้ถึงได้ผล? เพราะเรื่องเล่ากระตุ้นสมองให้เข้าสู่ "โหมดภาพยนตร์" ทำให้คุณน่าจดจำมากขึ้น เรื่องเล่าที่มีความเป็นเอกลักษณ์จะเชื่อมโยงกับอารมณ์ของผู้ฟังผ่านเซลล์กระจกเงา (Mirror Neurons) ซึ่งทำให้พวกเขา "รู้สึก" ถึงการแนะนำตัวของคุณ และสร้างการเชื่อมต่อทางอารมณ์ได้ดีกว่า
.
2. เพิ่มรายละเอียดแปลกๆ ที่ทำให้คนตกใจ
.
แทนที่จะพูดว่า "ฉันชอบเดินป่า" ลองเปลี่ยนเป็น "ฉันเคยปีนเขาใส่รองเท้าแตะเพื่อพิสูจน์ให้แม่เห็นว่าแม่คิดผิด"
.
รายละเอียดแปลกๆ แบบนี้จะติดอยู่ในความทรงจำคนฟังได้นานกว่า และทำให้พวกเขาอยากรู้เรื่องราวของคุณมากขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องโกหกหรือแต่งเรื่อง แค่เลือกจุดที่น่าสนใจจริงๆ ในชีวิตของคุณมาเล่า
.
3. ปิดท้ายด้วยการโยนคำถามกลับไปหาพวกเขา
.
หลีกเลี่ยงการจบด้วย "ยินดีที่ได้รู้จักนะ" แต่ลองใช้คำถามที่ชวนให้คิดแทน เช่น "คุณเคยลองงานอดิเรกแปลกๆ อะไรบ้างไหม?"
.
นี่เป็นการใช้ประโยชน์จาก Recency Bias ที่ทำให้คนจดจำสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาได้ยินได้ดีที่สุด คำถามจะบังคับให้สมองของพวกเขามีส่วนร่วม และพวกเขาจะเชื่อมโยงคุณกับความอยากรู้อยากเห็น
.
ตัวอย่างจากชีวิตจริง
Before : "ผมชื่อเอ็กซ์ ทำงานด้านข้อมูล ผมชอบอ่านหนังสือ" → ถูกลืมภายใน 10 วินาที
.
After : "ผมใช้เวลา 3 ปีติดตามวิธีการแปรงฟันของคน 500 คน ตอนนี้บริษัทต่างๆ จ่ายเงินให้ผมแก้ไขนิสัยแปลกๆ คุณมีนิสัยอะไรที่อยากเลิกบ้างไหม?" → ผลลัพธ์: "เฮ้! คุณคือหมอฟันข้อมูลนั่นเอง!"
.
เหตุผลที่ว่า ทำไมวิธีนี้ถึงได้ผล (ตามหลักวิทยาศาสตร์สมอง) คือ
๐ โดปามีน: ความประหลาดใจกระตุ้นการหลั่งโดปามีน ทำให้สมองชอบคุณโดยอัตโนมัติ
๐ เซลล์กระจกเงา: เรื่องเล่าทำให้คนรู้สึกเหมือนกำลังมีประสบการณ์ร่วมกับคุณ
๐ อคติแห่งความเพิ่งเกิด: การจบด้วยคำถามทำให้คุณเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาจดจำ
.
การแนะนำตัวแบบเดิมๆ ทำให้คุณเป็นแค่อีกคนที่ถูกลืม แต่การปรับเพื่อ 1 นาทีใหม่นี้ จะช่วยให้คนอื่นๆ สามารถจดจำคุณได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
.
.
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
———
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน
CR https://www.facebook.com/share/1AQcE6JRZa/?mibextid=wwXIfr