วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 เพจเฟซบุ๊ก
เรียนหมอ by หมอแกว หมอแนต ให้ความรู้เรื่องสุขภาพ เรื่องอาการปวดหัว ความว่า ปวดหัวแบบไหน ต้องมาหาหมอ
อาการปวดหัวส่วนใหญ่ไม่รุนแรง แต่มี “สัญญาณอันตราย (Red Flags)” ที่บ่งบอกว่าอาจเป็นภาวะเร่งด่วนทางการแพทย์
1. ปวดหัวเฉียบพลัน รุนแรงที่สุดในชีวิต
มักถูกบรรยายว่า “ปวดแบบฟ้าผ่า” (Thunderclap headache)
เสี่ยงเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง (Subarachnoid hemorrhage)
2. ปวดหัวร่วมกับ อาการทางระบบประสาท
• แขนขาอ่อนแรง
• พูดไม่ชัด
• ชา
• ชัก
อาจเป็นสัญญาณของ stroke หรือก้อนในสมอง
3. ปวดหัวร่วมกับ ไข้สูง คอแข็ง อาเจียนพุ่ง
เสี่ยงเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
4. ปวดหัวหลังการบาดเจ็บที่ศีรษะ
โดยเฉพาะถ้า
• หมดสติ
• สับสน
• อาเจียนซ้ำ
อาจเป็นเลือดคั่งในสมอง (Intracranial hemorrhage)
5. ปวดหัวรุนแรงในผู้ที่มี โรคประจำตัวเสี่ยง
• มะเร็ง
• HIV / ภูมิคุ้มกันต่ำ
• ตั้งครรภ์ (เสี่ยง preeclampsia)
อาจมีการติดเชื้อหรือความดันในกะโหลกผิดปกติ
6. ปวดหัวที่เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือเปลี่ยนรูปแบบชัดเจน
อาจเกี่ยวกับความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่ม (ICP สูง) หรือก้อนสมอง
7. ปวดหัวร่วมกับอาการทางตา
• มองเห็นซ้อน
• ตามัวกะทันหัน
เสี่ยงภาวะเส้นประสาทตาอักเสบ หรือมุมตาแคบเฉียบพลัน
ควรทำอย่างไร?
• ถ้ามี หนึ่งในอาการข้างต้น → รีบไปโรงพยาบาลทันที
• หากเป็นปวดหัวทั่วไป แต่เรื้อรังหรือรบกวนชีวิต ควรพบแพทย์เพื่อประเมินเพิ่มเติม
3 วัคซีนเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงวัย
ในกลุ่มผู้สูงอายุ ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเสื่อมถอยลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุจึงเป็นวิธีที่ดีช่วยลดความรุนแรงของโรคได้
เมื่ออายุมากขึ้น ความแข็งแรงและระบบภูมิคุ้มกันต่างๆในร่างกาย ก็เสื่อมถอยลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ดังนั้นการเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุจึงเป็นวิธีที่ดี นอกจากจะป้องกันการติดเชื้อโรคสำคัญๆ ยังช่วยลดความรุนแรงของโรคได้เช่นกัน
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีเกร็ดความรู้คำแนะนำวัคซีนสำคัญที่ผู้สูงอายุควรได้รับ ได้แก่
1.วัคซีนไข้หวัดใหญ่
เป็นวัคซีนที่ช่วยลดความรุนแรงของโรค ลดโอกาสการนอนโรงพยาบาลและลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต โดยวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประกอบด้วยไวรัสไข้หวัดใหญ่ 3 – 4 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ A จำนวน 2 สายพันธุ์ และสายพันธุ์ B จำนวน 1-2 สายพันธุ์
ควรได้รับวัคซีนทุกปี
องค์ประกอบของวัคซีนจะมีการปรับเปลี่ยนทุกปี ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อให้ตรงกับสายพันธุ์ไวรัสที่คาดว่าจะระบาดในแต่ละปี นอกจากนี้ภูมิคุ้มกันจากวัคซีนจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
วิธีการฉีด : ฉีด 1 เข็ม เป็นประจำทุกปี แนะนำให้ฉีดวัคซีนก่อนเข้าฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม) หรือก่อนเริ่มฤดูหนาว (เดือนตุลาคม) ซึ่งมักจะมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ โดยสามารถฉีดร่วมกับวัคซีนชนิดอื่นได้
กลุ่มที่ควรฉีดเป็นพิเศษ
ได้แก่ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคปอด ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ข้อควรระวัง
ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของวัคซีน
2.วัคซีนงูสวัด
ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคและความรุนแรงของอาการ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งโรคนี้อาจทำให้เกิดอาการปวดแสบร้อน หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตได้ ปัจจุบันมีวัคซีน 2 ชนิด คือ วัคซีนเชื้อตาย และวัคซีนเชื้อเป็น
วิธีการฉีด : (คำแนะนำการฉีดวัคซีน)
-สำหรับวัคซีนเชื้อตาย ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 2-6 เดือน สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
-สำหรับวัคซีนเชื้อเป็น ฉีด 1 เข็ม ครั้งเดียว ในผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป (ไม่สามารถฉีดในผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องได้)
ข้อควรระวัง
– ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของวัคซีน
– หากเคยเป็นงูสวัด ควรเว้นระยะอย่างน้อย 6 เดือนก่อนฉีด
– ควรปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
3.วัคซีนปอดอักเสบนิวโมค็อกคัส
เป็นวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมค็อกคัส (Streptococcus pneumoniae) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคปอดอักเสบและการติดเชื้อร้ายแรงอื่นๆ เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มในสมองอักเสบ การติดเชื้อในหู
ชนิดของวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบนิวโมค็อกคัส
-ชนิดคอนจูเกต หรือ PCV (Pneumococcal conjugate vaccine) มีชนิด 10 สายพันธุ์ (PCV10) และ 13 สายพันธุ์ (PCV13)
-ชนิดโพลีแซคคาไรด์ หรือ PPSV23 (Pneumococcal polysaccharide vaccine) มีชนิด 23 สายพันธุ์ (PPSV23) ใช้ในเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่
วิธีการฉีด : ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปและไม่เคยฉีดวัคซีนนิวโมค็อกคัสมาก่อน แนะนำให้ฉีดชนิด 13 สายพันธุ์ 1 เข็ม จากนั้นอาจพิจารณาฉีดชนิด 23 สายพันธุ์อีก 1 เข็ม ห่างกันอย่างน้อย 1 ปี
กลุ่มที่ควรฉีดเป็นพิเศษ
ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป, ผู้ป่วยเบาหวาน, ผู้ที่มีโรคปอดเรื้อรัง, ผู้ที่มีโรคหัวใจ, ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง, ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
ข้อควรระวัง
-ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของวัคซีน
-ระวังในผู้ที่มีประวัติแพ้วัคซีนคอตีบ (Diphtheria toxoid) สำหรับวัคซีน PCV
สำหรับวัคซีนอื่นๆ อาทิ วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สามารถพิจารณาฉีดได้ โดยปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
อาการข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปหลังฉีดวัคซีน
อาจมีอาการปวด บวม แดง หรือคันบริเวณที่ฉีด รวมถึงอาการไข้ วิงเวียน ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย หรือปวดเมื่อยตามตัว ซึ่งมักจะหายได้ภายใน 2-3 วัน
หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการผิดปกติ เช่น ผื่นขึ้นทั่วตัว แน่นหน้าอก หายใจลำบาก วูบ หรือเป็นลมซึ่งอาจเป็นสัญญาณของภาวะแพ้อย่างรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันท. สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/5327644
มี 2 เรื่อง 7 อาการปวดหัว สัญญาณอันตราย และ 3 วัคซีนเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงวัย
• พูดไม่ชัด
• ชา
• ชัก
• หมดสติ
• สับสน
• อาเจียนซ้ำ
• HIV / ภูมิคุ้มกันต่ำ
• ตั้งครรภ์ (เสี่ยง preeclampsia)
• ตามัวกะทันหัน
• หากเป็นปวดหัวทั่วไป แต่เรื้อรังหรือรบกวนชีวิต ควรพบแพทย์เพื่อประเมินเพิ่มเติม