ช่อง 3 กับธุรกิจใหม่ ที่ต้องก้าวข้ามผ่านความเป็น “โทรทัศน์”

ช่อง 3 กับธุรกิจใหม่ ที่ต้องก้าวข้ามผ่านความเป็น “โทรทัศน์”
https://marketeeronline.co/archives/444889

[img]https://i0.wp.com/marketeeronline.co/wp-content/uploads/2025/11/Picture-BEC-Web2.jpg?fit=816%2C427&ssl=1[/img]
Date: 21/11/2025Author: Marketeer Team

ไตรมาส 3/2568 ไม่ใช่ช่วงที่ง่ายสำหรับ BEC (ช่อง 3) รายได้โฆษณายังลดลงต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจและการย้ายงบไปแพลตฟอร์มออนไลน์ ขณะที่ต้นทุนหลายด้านขยับขึ้นสวนกับรายได้ ผลลัพธ์คือกำไรสุทธิลดลงกว่า 20% เหลือเพียง 36.7 ล้านบาท แม้หลายเรื่องละครจะทำเรตติ้งดี แต่แรงส่งไม่พอจะดึงตลาดโฆษณากลับมา
.
ทว่าในอีกด้านหนึ่ง ธุรกิจใหม่ๆ อย่างลิขสิทธิ์ต่างประเทศ เพลง–ศิลปิน อีเวนต์ และภาพยนตร์ กลับเริ่มพยุงผลประกอบการได้ชัดเจนขึ้น เหมือนกำลังบอกว่าช่อง3 อาจต้องเดินหน้าด้วย “โมเดลธุรกิจใหม่” มากกว่ารอให้ตลาดโฆษณาฟื้นเหมือนอดีต.
เมื่อมองตัวเลขในรายงานอย่างละเอียด สิ่งที่เห็นเด่นชัดคือ “ช่องทีวีโตได้ยากแล้ว” รายได้โฆษณาไตรมาสนี้อยู่ที่ 709 ล้านบาท ลดลง 13% และเป็นการลดลงต่อเนื่องหลายไตรมาสติดกัน เพราะทั้งกำลังซื้อที่ชะลอ และความนิยมของแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ดึงงบโฆษณาไปแทบทั้งหมด
.
ขณะเดียวกันต้นทุนบางด้านยังขยับขึ้น ทั้งต้นทุนกิจกรรม ต้นทุนการผลิตร่วม รวมถึงภาระ SG&A ที่ไม่ลดตามรายได้ ทำให้กำไรสุทธิหดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ด้านที่น่าสังเกตยิ่งกว่า คือธุรกิจที่ “ไม่ใช่โฆษณา” กลับเติบโตแทบทุกหมวด รายได้จากลิขสิทธิ์ต่างประเทศเพิ่มขึ้นเกือบ 20% ระบบดิจิทัลเติบโตขึ้นกว่า 7% รายได้จากศิลปิน–อีเวนต์เพิ่มกว่า 20% และภาพยนตร์อย่าง “ธี่หยด 2–3” กลายเป็นรายได้ใหม่ที่ไม่เคยมีในโครงสร้างธุรกิจเดิมของ BEC มาก่อน รายได้กลุ่มนี้รวมกัน แม้ยังไม่ใหญ่เท่าโฆษณา แต่กำลังเป็น “ฐานรายได้ที่เติบโตจริง” ในขณะที่รายได้โฆษณายังหดตัวต่อเนื่อง
สิ่งที่เห็นคือโครงสร้างรายได้กำลังเปลี่ยนไปแบบมีนัยสำคัญ ช่อง 3 ไม่ได้พึ่งโฆษณาเหมือนอดีตอีกต่อไป แต่กำลังค่อยๆ เคลื่อนตัวสู่ Media & Entertainment Company แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจเป็นทิศทางที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในยุคที่ทีวี “ไม่ใช่ศูนย์กลางของสื่อไทย” อีกต่อไปแล้ว

10 ประเด็นสำคัญ : ธุรกิจใหม่กำลังกลายเป็นคำตอบของ BEC

รายได้โฆษณายังตกแรง
ตัวเลขลดลง 13% เหลือ 709 ล้านบาท เพราะภาพรวมเศรษฐกิจชะลอ และแบรนด์ย้ายงบไปออนไลน์ต่อเนื่อง แม้ละครเรตติ้งดีหลายเรื่อง แต่ไม่ได้ช่วยพยุงตลาดโฆษณาได้มากพอ

กำไรสุทธิลดลงเหลือ 36.7 ล้านบาท
กำไรหายไปกว่า –20% เพราะรายได้ลดเร็วกว่า การควบคุมต้นทุนยังตามไม่ทัน แม้ต้นทุนการออกอากาศลดลง แต่ต้นทุนกิจกรรมและ SG&A ยังสูง

คอนเทนต์ยังแข็ง แต่รายได้ไม่แข็งตาม
ไลน์อัปละครเด่น เช่น “———” และ “——-” ทำเรตติ้งดี แต่รายได้โฆษณาไม่ได้ดีขึ้นตามความนิยมของคอนเทนต์


ลิขสิทธิ์ต่างประเทศเติบโตกว่า 19%
เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่อง และสะท้อนศักยภาพของละครไทยในตลาดต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย เวียดนาม หรือจีน

รายได้ดิจิทัลขยับขึ้น 7.7%
แพลตฟอร์มออนไลน์ช่วยสร้างฐานผู้ชมใหม่ และทำให้ช่อง 3 มีรายได้จากคอนเทนต์รูปแบบ On-demand มากขึ้นเรื่อยๆ

อีเวนต์–ศิลปินเป็นธุรกิจที่โตเร็วที่สุดของ BEC
รายได้กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากแฟนมีต งานกิจกรรม และคอนเทนต์เชิงไลฟ์ เหมาะกับยุคที่ผู้ชมต้องการประสบการณ์มากกว่าการดูอย่างเดียว


ภาพยนตร์คือรายได้แบบใหม่ที่ช่วยพยุงบริษัท
หลัง “ธี่หยด” ประสบความสำเร็จ BEC ขยายสู่โมเดลสตูดิโอมากขึ้น ซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่ผูกกับตลาดโฆษณาไทย

ต้นทุนผลิตบางส่วนลดลง แต่ยังไม่ลงพอที่จะเปลี่ยนเกม
แม้ต้นทุนออกอากาศลด แต่ต้นทุนการจัดงานและกิจกรรมเพิ่มขึ้นตามธุรกิจใหม่ ทำให้กำไรยังถูกกดดัน.

SG&A ยังสูงตามการลงทุนในธุรกิจใหม่
ปีนี้ BEC ลงทุนในกิจกรรม–ศิลปิน–การตลาดมากขึ้น เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ให้ไปต่อได้ ผลคือต้นทุนเริ่มสูงในระยะสั้น แต่ให้ผลในรายได้ระยะยาว.

โครงสร้างรายได้เริ่มเปลี่ยน—และเป็นสัญญาณที่ดี
เมื่อรายได้จากลิขสิทธิ์ อีเวนต์ ศิลปิน ดิจิทัล และภาพยนตร์ เติบโตพร้อมกันหลายหมวด ทำให้เห็นชัดว่าบริษัทกำลังเดินสู่การเป็น “ค่ายบันเทิงเต็มรูปแบบ” มากกว่า “สถานีโทรทัศน์”

มุมมองตลาดสื่อไทย – เกมนี้ต้องชนะด้วย “ธุรกิจใหม่” ไม่ใช่โฆษณา
ภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมทีวีกำลังชัดขึ้นกว่าที่เคย โมเดลโฆษณาแบบเดิมไม่สามารถพาธุรกิจโตได้อีกต่อไป เพราะคนดูไม่ได้อยู่เฉพาะบนทีวีและเม็ดเงินโฆษณาก็เคลื่อนไปออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คอนเทนต์ไทยมีศักยภาพส่งออก และประสบการณ์แบบแฟนมีต–อีเวนต์มีดีมานด์สูงกว่าที่คาด ธุรกิจใหม่เหล่านี้กำลังกลายเป็น “เส้นเลือดใหญ่” ที่จะพาธุรกิจสื่อไทยไปต่อได้
สำหรับ BEC นี่คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งสำคัญ หากสร้าง Ecosystem ใหม่ให้ธุรกิจเหล่านี้โตได้ต่อเนื่อง ช่อง 3 อาจไม่ได้วัดความสำเร็จด้วยเรตติ้งอีกต่อไป แต่ด้วย “รายได้จากหลายธุรกิจ” เหมือนค่ายบันเทิงระดับโลก

อ้างอิง :
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่