โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ชีวิตทั้งชีวิตของใครสักคน แขวนอยู่กับเครื่องช่วยหายใจและการตัดสินใจของครอบครัว
วันนี้หมอเลยอยากชวนคุยกันเรื่อง
“การเจาะคอ (Tracheostomy)”
ในแบบที่เข้าใจง่าย อธิบายทั้งมุมการแพทย์ และมุมของ “หัวใจมนุษย์” ไปพร้อมกันครับ
⸻
1. Tracheostomy คืออะไร? ทำไปเพื่ออะไร?
Tracheostomy คือ การผ่าตัดเปิดรูเล็ก ๆ ที่บริเวณด้านหน้าลำคอ ตำแหน่งหลอดลม แล้วใส่ท่อหายใจเข้าไป (tracheostomy tube)
เพื่อช่วยให้คนไข้หายใจได้สะดวกขึ้น หรือเชื่อมต่อกับเครื่องช่วยหายใจในระยะยาว
มักพิจารณาในผู้ป่วยที่
• ใส่ท่อช่วยหายใจทางปาก (endotracheal tube) มานาน (อาจมากกว่า 10-14 วัน)
• ไอเอาเสมหะไม่ออกเอง
• กล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง (เช่น โรคทางระบบประสาท กล้ามเนื้อ)
• มีโอกาสต้องใช้เครื่องช่วยหายใจระยะยาว
• จำเป็นต้องป้องกันการสำลักซ้ำ ๆ
จุดสำคัญ คือ การเจาะคอ “ไม่ได้ทำให้โรคหาย”
แต่ช่วยให้การหายใจ การดูดเสมหะ การดูแลระยะยาว “สะดวกและปลอดภัยขึ้น” ในบางกรณี
⸻
2. ข้อบ่งชี้หลัก ๆ ที่แพทย์มักพิจารณาเจาะคอ
เวลาแพทย์แนะนำให้เจาะคอ ไม่ได้เกิดจากการตัดสินใจแบบง่าย ๆ แต่ผ่านการประเมินหลายด้าน ได้แก่
1. ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจระยะยาว
• ใส่ท่อช่วยหายใจทางปากนาน 10–14 วันขึ้นไป และยังไม่พร้อมถอดท่อ
• โรคปอดเรื้อรังระยะท้าย กล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง
2. ไอไม่ดี เสมหะเยอะ
• คนไข้ที่มีเสมหะมาก ไอไม่ออก ดูดเสมหะลำบาก
• การเจาะคอทำให้ดูดเสมหะได้ง่ายขึ้น ลดโอกาสปอดติดเชื้อบางส่วน
3. ป้องกันการสำลัก (Aspiration)
• คนไข้กลืนลำบาก สมองเสื่อมระยะท้าย อัมพาตรุนแรง
• บางรายแพทย์พิจารณาเจาะคอเพื่อง่ายต่อการดูดเสมหะ และลดโอกาสอุดกั้นทางเดินหายใจเฉียบพลัน
4. ลดภาระจากท่อทางปาก
• การคา “ท่อทางปาก” นาน ๆ ทำให้เจ็บ ระคายเคือง พูดไม่ได้เลย
• เจาะคออาจทำให้คนไข้สบายขึ้นในระยะยาว
⸻
3. ข้อดีของการเจาะคอ
3.1 ด้านร่างกาย (Physical)
• หายใจสะดวกขึ้น เมื่อเทียบกับท่อใหญ่ผ่านปาก
• ดูดเสมหะได้ง่าย ทำความสะอาดทางเดินหายใจได้ดีกว่าในบางกรณี
• ลดการบาดเจ็บของกล่องเสียงและหลอดลมส่วนบนที่อาจเกิดจากท่อทางปาก
• บางรายสามารถ ฝึกหายใจเอง และลดการพึ่งเครื่องช่วยหายใจทีละน้อย
3.2 ด้านความสบาย (Comfort)
• ลดอาการเจ็บคอ ระคายเคือง
• บางคนสามารถใช้ Speaking valve ช่วยให้ “เปล่งเสียงได้บ้าง” ทำให้สื่อสารกับคนรอบข้างได้
• ควบคุมการดูแลทางเดินหายใจได้ดีกว่าในระยะยาว (โดยเฉพาะในสถานพยาบาลที่มีทีมดูแลพร้อม)
⸻
4. ข้อเสียและภาระที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ
ไม่มีหัตถการทางการแพทย์ใด “ไม่มีด้านต้องแลก” การเจาะคอก็เช่นกันครับ
4.1 ภาวะแทรกซ้อนด้านกาย
• เลือดออก บวม ติดเชื้อบริเวณแผลเจาะคอ
• ท่อหลุด หรืออุดตันจากเสมหะ (ซึ่งอันตรายได้ หากไม่มีคนดูแลใกล้ชิด)
• ระยะยาวอาจเกิดเนื้อเยื่อพังผืด หลอดลมตีบ ฯลฯ
4.2 ภาระการดูแลระยะยาว
• ต้องมีคนคอยดูแลเรื่อง
• ดูดเสมหะ
• ทำความสะอาดท่อ
• เปลี่ยนท่าทาง ดูแลผิวหนังรอบแผล
• ญาติ/ผู้ดูแลต้องได้รับการฝึกอย่างดี ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นความกังวลและความเครียดอย่างมาก
4.3 ด้านจิตใจและศักดิ์ศรี (Psychological & Dignity)
• คนไข้หลายคนรู้สึกว่า “เจาะคอ = โรคหนักมาก”
• บางคนอาจรู้สึก “สูญเสียตัวตน” เมื่อมองเห็นท่อที่คอตัวเอง
• คนไข้บางรายไม่อยากให้คนที่รักจดจำภาพสุดท้ายของตนเองแบบมีท่อเต็มตัว
นี่คือเหตุผลว่าทำไม…
การเจาะคอจึงไม่ใช่แค่หัตถการทางการแพทย์ แต่เป็น “การตัดสินใจของทั้งชีวิตและหัวใจ”
⸻
5. การพูด การสื่อสาร หลังเจาะคอ
หลายครอบครัวกลัวมากว่า “เจาะคอแล้วจะพูดไม่ได้ตลอดไปไหม?”
คำตอบคือ “ไม่เสมอไป” ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น
• ชนิดของท่อเจาะคอ
• การใช้ Speaking Valve
• ความสามารถในการควบคุมกล่องเสียงของคนไข้
• แรงหายใจของผู้ป่วย
ในบางราย
• สามารถ พูดได้เบา ๆ เมื่อแพทย์และทีมปรับระบบท่อและวาล์วให้เหมาะสม
• แม้บางคนพูดไม่ได้ แต่ยังสื่อสารได้ด้วย การเขียน การพยักหน้า การใช้บอร์ดรูปภาพ
สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่ “เสียง” แต่คือการที่เขายังรู้สึกว่า “ตัวเองยังสื่อสารกับคนที่รักได้”
⸻
6. เมื่อการเจาะคออยู่บนเส้นแบ่งของ “การรักษา” และ “การประคับประคอง”
สำหรับผู้ป่วยบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ป่วยระยะท้ายของโรคร้ายแรง เช่น
• มะเร็งระยะสุดท้าย
• โรคระบบประสาทเสื่อมรุนแรง
• ผู้ป่วยสูงอายุมาก มีโรคเรื้อรังหลายโรค และคุณภาพชีวิตลดลงมาก
คำถามสำคัญคือ
“การเจาะคอครั้งนี้ เพื่ออะไร?”
6.1 ถ้าเป้าหมายคือ “ยืดชีวิตออกไปอีกหน่อย” แต่ทุกวันเต็มไปด้วยความทรมาน
เราจำเป็นต้องถามตัวเองและครอบครัวว่า
• การยืดชีวิตด้วยท่อช่วยหายใจและการเจาะคอ “สอดคล้องกับความต้องการของคนไข้ไหม?”
• เคยคุยกันไหมว่า “ถ้าโรคมาถึงระยะนี้…อยากให้ทำแค่ไหน?”
• เรากำลังรักษาโรค…หรือเรากำลังยืดความเจ็บปวด?
6.2 ถ้าเป้าหมายคือ “ให้เขาสบายขึ้น”
ในบางเคสที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่แล้ว การเจาะคออาจ
• ลดการทรมานจากท่อทางปาก
• ง่ายต่อการดูแลทางเดินหายใจ
• ช่วยให้คนไข้สื่อสารและนั่งตัวตรงได้มากขึ้น
ตรงนี้ต้องใช้ “หัวใจ” ฟังควบคู่ไปกับ “ข้อมูลทางการแพทย์”
⸻
7. ต้องเจาะคอไหม? สำหรับผู้ป่วยระยะท้าย
คำถามนี้ ไม่มีคำตอบเดียวที่ใช้ได้ทุกครอบครัวครับ
แต่หมออยากฝาก แนวคิด 3 ข้อ สำหรับใช้ร่วมกันพิจารณา
7.1 ถามถึง “คุณภาพชีวิต” ไม่ใช่แค่ “ระยะเวลาชีวิต”
• ถ้าเจาะคอแล้วต้องอยู่กับเครื่องเยอะขึ้น เจ็บมากขึ้น ใช้ชีวิตไม่ได้เลย
นั่นอาจไม่ใช่คำตอบที่ผู้ป่วยต้องการ
• แต่ถ้าเจาะคอแล้วช่วยลดความทรมาน ให้เขาหายใจโล่งขึ้น สามารถใช้ช่วงเวลาสุดท้ายกับครอบครัวอย่างสงบ
นั่นอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
7.2 ฟัง “เสียงของผู้ป่วย” ให้มากที่สุด
• ถ้าเขายังสื่อสารได้ ควรถามเขาโดยตรงอย่างซื่อสัตย์และอ่อนโยน
• ถ้าเขาพูดไม่ได้แล้ว ให้ย้อนกลับไปนึกถึง
• สิ่งที่เขาเคยเล่า
• ค่านิยมและความเชื่อของเขา
• วิธีที่เขามอง “ศักดิ์ศรีของตัวเอง”
7.3 ใช้ทีมสหวิชาชีพช่วยพิจารณา
• แพทย์ / พยาบาล / นักสังคมสงเคราะห์ / นักจิตวิทยา / ทีม Palliative Care
• ช่วยกันอธิบายเป็นภาษาคนธรรมดา
• ไม่เร่ง ไม่กดดัน ให้เวลาแก่ครอบครัวในการทำใจ และตัดสินใจอย่างรู้เท่าทัน
⸻
8. เทคนิคการให้ความรู้กับญาติและบุคลากร
8.1 กับญาติและครอบครัว
• อธิบายด้วยภาพหรือแผ่นพับ ว่า เจาะคอคืออะไร?
• เล่า ข้อดี–ข้อเสียแบบซื่อสัตย์ ไม่ขายความหวังเกินจริง
• เปิดโอกาสให้ถามคำถามซ้ำ ๆ เพราะในภาวะเครียด คนเราฟังไม่ค่อยเข้าหูในครั้งแรก
• ยอมรับความรู้สึกผิด ความกลัว และน้ำตาของเขา
• บอกเขาว่า
“การถามซ้ำ การลังเล ไม่ได้แปลว่าคุณรักเขาน้อยลง แต่มันแปลว่าคุณอยากทำให้ดีที่สุด”
8.2 กับทีมบุคลากรทางการแพทย์
• สื่อสารให้ทีมเข้าใจ “เป้าหมายการรักษา” ชัดเจน
• เรากำลังเน้น Curative (รักษาเต็มที่) หรือ Palliative (ประคับประคอง)
• ให้ทีมเข้าใจว่า การเจาะคอไม่ใช่แค่ “หัตถการ” แต่เกี่ยวกับจิตใจของทุกคน
• สนับสนุนให้ทีมเปิดพื้นที่ฟังเสียงของคนไข้และครอบครัว
ไม่ใช่เพียงแจ้งข้อมูล “เชิงเทคนิค” อย่างเดียว
⸻
9. มุมจิตใจและสังคม: เมื่อการเจาะคอเป็นเรื่องของทั้งครอบครัว
สำหรับผู้ป่วยระยะท้าย การเจาะคอมักมาพร้อมคำถามในใจของลูกหลานว่า
• “ถ้าไม่ยอมให้เจาะคอ แปลว่าเราใจร้ายไหม?”
• “ถ้าเจาะคอ แล้วเขาทรมานกว่าเดิม เราจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตไหม?”
หมออยากบอกทุกครอบครัวว่า
การตัดสินใจทุกอย่างในช่วงนี้
ไม่ได้วัดกันที่ “เราทำเยอะแค่ไหน”
แต่วัดกันที่ “เราพยายามเคารพหัวใจและศักดิ์ศรีของเขามากแค่ไหน”
บางครั้ง
• การยอม “ไม่ทำอะไรเพิ่ม”
แต่ดูแลให้เขาสบายที่สุด
อาจเป็น “ของขวัญชิ้นสุดท้าย” ที่คุณให้เขาได้
บางครั้ง
• การตัดสินใจ “เจาะคอ” เพื่อให้เขาหายใจโล่งขึ้น ลดการทรมาน
ก็อาจเป็นการตัดสินใจที่เต็มไปด้วยความรักเช่นกัน
ไม่มีคำตอบไหนที่ถูก 100% หรือผิด 100%
มีแต่คำตอบที่ “ซื่อตรงกับหัวใจของคนไข้และครอบครัว” มากที่สุด ณ เวลานั้น
⸻
10. หมอขอสรุป
• การเจาะคอ คือเครื่องมือทางการแพทย์ ที่ช่วยเรื่องการหายใจและการดูแลระยะยาว
• มันมีทั้งข้อดี ข้อเสีย ภาระ และผลต่อจิตใจ
• ในผู้ป่วยระยะท้าย คำถามสำคัญไม่ใช่
“ทำได้ไหม?”
แต่คือ
“ควรทำเพื่ออะไร? และสอดคล้องกับความปรารถนาของเขาไหม?”
สุดท้ายนี้…
หมออยากเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องไอซียู
ที่ต้องตัดสินใจเรื่อง “เจาะคอหรือไม่เจาะคอ”
จำไว้นะครับว่า
ไม่มีใครเป็นลูกที่ดีโดยไม่เคยลังเล
และไม่มีใครเป็นหมอที่ดีโดยไม่เคยตั้งคำถามกับการรักษาของตัวเอง
ถ้าเราตัดสินใจด้วย “ข้อมูลที่ครบถ้วน”
ผสมกับ “หัวใจที่อยากให้เขาสบายและมีศักดิ์ศรีที่สุด”
ไม่ว่าคำตอบจะเป็นแบบไหน
มันก็คือ “คำตอบที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น” แล้วจริง ๆ ครับ
ด้วยความห่วงใยจากหัวใจ
นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ (หมอเก่ง)
อายุรแพทย์
โรงพยาบาลผู้สูงอายุและศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู Chersery Home International
CR
https://www.facebook.com/share/1EUfAik7Fe/?mibextid=wwXIfr
“คุณหมอ…จำเป็นต้องเจาะคอไหมคะหมอ?” คำถามนี้หมอได้ยินบ่อยมากในหอผู้ป่วยวิกฤตและหอผู้ป่วยผู้สูงอายุ
วันนี้หมอเลยอยากชวนคุยกันเรื่อง
“การเจาะคอ (Tracheostomy)”
ในแบบที่เข้าใจง่าย อธิบายทั้งมุมการแพทย์ และมุมของ “หัวใจมนุษย์” ไปพร้อมกันครับ
⸻
1. Tracheostomy คืออะไร? ทำไปเพื่ออะไร?
Tracheostomy คือ การผ่าตัดเปิดรูเล็ก ๆ ที่บริเวณด้านหน้าลำคอ ตำแหน่งหลอดลม แล้วใส่ท่อหายใจเข้าไป (tracheostomy tube)
เพื่อช่วยให้คนไข้หายใจได้สะดวกขึ้น หรือเชื่อมต่อกับเครื่องช่วยหายใจในระยะยาว
มักพิจารณาในผู้ป่วยที่
• ใส่ท่อช่วยหายใจทางปาก (endotracheal tube) มานาน (อาจมากกว่า 10-14 วัน)
• ไอเอาเสมหะไม่ออกเอง
• กล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง (เช่น โรคทางระบบประสาท กล้ามเนื้อ)
• มีโอกาสต้องใช้เครื่องช่วยหายใจระยะยาว
• จำเป็นต้องป้องกันการสำลักซ้ำ ๆ
จุดสำคัญ คือ การเจาะคอ “ไม่ได้ทำให้โรคหาย”
แต่ช่วยให้การหายใจ การดูดเสมหะ การดูแลระยะยาว “สะดวกและปลอดภัยขึ้น” ในบางกรณี
⸻
2. ข้อบ่งชี้หลัก ๆ ที่แพทย์มักพิจารณาเจาะคอ
เวลาแพทย์แนะนำให้เจาะคอ ไม่ได้เกิดจากการตัดสินใจแบบง่าย ๆ แต่ผ่านการประเมินหลายด้าน ได้แก่
1. ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจระยะยาว
• ใส่ท่อช่วยหายใจทางปากนาน 10–14 วันขึ้นไป และยังไม่พร้อมถอดท่อ
• โรคปอดเรื้อรังระยะท้าย กล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง
2. ไอไม่ดี เสมหะเยอะ
• คนไข้ที่มีเสมหะมาก ไอไม่ออก ดูดเสมหะลำบาก
• การเจาะคอทำให้ดูดเสมหะได้ง่ายขึ้น ลดโอกาสปอดติดเชื้อบางส่วน
3. ป้องกันการสำลัก (Aspiration)
• คนไข้กลืนลำบาก สมองเสื่อมระยะท้าย อัมพาตรุนแรง
• บางรายแพทย์พิจารณาเจาะคอเพื่อง่ายต่อการดูดเสมหะ และลดโอกาสอุดกั้นทางเดินหายใจเฉียบพลัน
4. ลดภาระจากท่อทางปาก
• การคา “ท่อทางปาก” นาน ๆ ทำให้เจ็บ ระคายเคือง พูดไม่ได้เลย
• เจาะคออาจทำให้คนไข้สบายขึ้นในระยะยาว
⸻
3. ข้อดีของการเจาะคอ
3.1 ด้านร่างกาย (Physical)
• หายใจสะดวกขึ้น เมื่อเทียบกับท่อใหญ่ผ่านปาก
• ดูดเสมหะได้ง่าย ทำความสะอาดทางเดินหายใจได้ดีกว่าในบางกรณี
• ลดการบาดเจ็บของกล่องเสียงและหลอดลมส่วนบนที่อาจเกิดจากท่อทางปาก
• บางรายสามารถ ฝึกหายใจเอง และลดการพึ่งเครื่องช่วยหายใจทีละน้อย
3.2 ด้านความสบาย (Comfort)
• ลดอาการเจ็บคอ ระคายเคือง
• บางคนสามารถใช้ Speaking valve ช่วยให้ “เปล่งเสียงได้บ้าง” ทำให้สื่อสารกับคนรอบข้างได้
• ควบคุมการดูแลทางเดินหายใจได้ดีกว่าในระยะยาว (โดยเฉพาะในสถานพยาบาลที่มีทีมดูแลพร้อม)
⸻
4. ข้อเสียและภาระที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ
ไม่มีหัตถการทางการแพทย์ใด “ไม่มีด้านต้องแลก” การเจาะคอก็เช่นกันครับ
4.1 ภาวะแทรกซ้อนด้านกาย
• เลือดออก บวม ติดเชื้อบริเวณแผลเจาะคอ
• ท่อหลุด หรืออุดตันจากเสมหะ (ซึ่งอันตรายได้ หากไม่มีคนดูแลใกล้ชิด)
• ระยะยาวอาจเกิดเนื้อเยื่อพังผืด หลอดลมตีบ ฯลฯ
4.2 ภาระการดูแลระยะยาว
• ต้องมีคนคอยดูแลเรื่อง
• ดูดเสมหะ
• ทำความสะอาดท่อ
• เปลี่ยนท่าทาง ดูแลผิวหนังรอบแผล
• ญาติ/ผู้ดูแลต้องได้รับการฝึกอย่างดี ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นความกังวลและความเครียดอย่างมาก
4.3 ด้านจิตใจและศักดิ์ศรี (Psychological & Dignity)
• คนไข้หลายคนรู้สึกว่า “เจาะคอ = โรคหนักมาก”
• บางคนอาจรู้สึก “สูญเสียตัวตน” เมื่อมองเห็นท่อที่คอตัวเอง
• คนไข้บางรายไม่อยากให้คนที่รักจดจำภาพสุดท้ายของตนเองแบบมีท่อเต็มตัว
นี่คือเหตุผลว่าทำไม…
การเจาะคอจึงไม่ใช่แค่หัตถการทางการแพทย์ แต่เป็น “การตัดสินใจของทั้งชีวิตและหัวใจ”
⸻
5. การพูด การสื่อสาร หลังเจาะคอ
หลายครอบครัวกลัวมากว่า “เจาะคอแล้วจะพูดไม่ได้ตลอดไปไหม?”
คำตอบคือ “ไม่เสมอไป” ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น
• ชนิดของท่อเจาะคอ
• การใช้ Speaking Valve
• ความสามารถในการควบคุมกล่องเสียงของคนไข้
• แรงหายใจของผู้ป่วย
ในบางราย
• สามารถ พูดได้เบา ๆ เมื่อแพทย์และทีมปรับระบบท่อและวาล์วให้เหมาะสม
• แม้บางคนพูดไม่ได้ แต่ยังสื่อสารได้ด้วย การเขียน การพยักหน้า การใช้บอร์ดรูปภาพ
สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่ “เสียง” แต่คือการที่เขายังรู้สึกว่า “ตัวเองยังสื่อสารกับคนที่รักได้”
⸻
6. เมื่อการเจาะคออยู่บนเส้นแบ่งของ “การรักษา” และ “การประคับประคอง”
สำหรับผู้ป่วยบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ป่วยระยะท้ายของโรคร้ายแรง เช่น
• มะเร็งระยะสุดท้าย
• โรคระบบประสาทเสื่อมรุนแรง
• ผู้ป่วยสูงอายุมาก มีโรคเรื้อรังหลายโรค และคุณภาพชีวิตลดลงมาก
คำถามสำคัญคือ
“การเจาะคอครั้งนี้ เพื่ออะไร?”
6.1 ถ้าเป้าหมายคือ “ยืดชีวิตออกไปอีกหน่อย” แต่ทุกวันเต็มไปด้วยความทรมาน
เราจำเป็นต้องถามตัวเองและครอบครัวว่า
• การยืดชีวิตด้วยท่อช่วยหายใจและการเจาะคอ “สอดคล้องกับความต้องการของคนไข้ไหม?”
• เคยคุยกันไหมว่า “ถ้าโรคมาถึงระยะนี้…อยากให้ทำแค่ไหน?”
• เรากำลังรักษาโรค…หรือเรากำลังยืดความเจ็บปวด?
6.2 ถ้าเป้าหมายคือ “ให้เขาสบายขึ้น”
ในบางเคสที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่แล้ว การเจาะคออาจ
• ลดการทรมานจากท่อทางปาก
• ง่ายต่อการดูแลทางเดินหายใจ
• ช่วยให้คนไข้สื่อสารและนั่งตัวตรงได้มากขึ้น
ตรงนี้ต้องใช้ “หัวใจ” ฟังควบคู่ไปกับ “ข้อมูลทางการแพทย์”
⸻
7. ต้องเจาะคอไหม? สำหรับผู้ป่วยระยะท้าย
คำถามนี้ ไม่มีคำตอบเดียวที่ใช้ได้ทุกครอบครัวครับ
แต่หมออยากฝาก แนวคิด 3 ข้อ สำหรับใช้ร่วมกันพิจารณา
7.1 ถามถึง “คุณภาพชีวิต” ไม่ใช่แค่ “ระยะเวลาชีวิต”
• ถ้าเจาะคอแล้วต้องอยู่กับเครื่องเยอะขึ้น เจ็บมากขึ้น ใช้ชีวิตไม่ได้เลย
นั่นอาจไม่ใช่คำตอบที่ผู้ป่วยต้องการ
• แต่ถ้าเจาะคอแล้วช่วยลดความทรมาน ให้เขาหายใจโล่งขึ้น สามารถใช้ช่วงเวลาสุดท้ายกับครอบครัวอย่างสงบ
นั่นอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
7.2 ฟัง “เสียงของผู้ป่วย” ให้มากที่สุด
• ถ้าเขายังสื่อสารได้ ควรถามเขาโดยตรงอย่างซื่อสัตย์และอ่อนโยน
• ถ้าเขาพูดไม่ได้แล้ว ให้ย้อนกลับไปนึกถึง
• สิ่งที่เขาเคยเล่า
• ค่านิยมและความเชื่อของเขา
• วิธีที่เขามอง “ศักดิ์ศรีของตัวเอง”
7.3 ใช้ทีมสหวิชาชีพช่วยพิจารณา
• แพทย์ / พยาบาล / นักสังคมสงเคราะห์ / นักจิตวิทยา / ทีม Palliative Care
• ช่วยกันอธิบายเป็นภาษาคนธรรมดา
• ไม่เร่ง ไม่กดดัน ให้เวลาแก่ครอบครัวในการทำใจ และตัดสินใจอย่างรู้เท่าทัน
⸻
8. เทคนิคการให้ความรู้กับญาติและบุคลากร
8.1 กับญาติและครอบครัว
• อธิบายด้วยภาพหรือแผ่นพับ ว่า เจาะคอคืออะไร?
• เล่า ข้อดี–ข้อเสียแบบซื่อสัตย์ ไม่ขายความหวังเกินจริง
• เปิดโอกาสให้ถามคำถามซ้ำ ๆ เพราะในภาวะเครียด คนเราฟังไม่ค่อยเข้าหูในครั้งแรก
• ยอมรับความรู้สึกผิด ความกลัว และน้ำตาของเขา
• บอกเขาว่า
“การถามซ้ำ การลังเล ไม่ได้แปลว่าคุณรักเขาน้อยลง แต่มันแปลว่าคุณอยากทำให้ดีที่สุด”
8.2 กับทีมบุคลากรทางการแพทย์
• สื่อสารให้ทีมเข้าใจ “เป้าหมายการรักษา” ชัดเจน
• เรากำลังเน้น Curative (รักษาเต็มที่) หรือ Palliative (ประคับประคอง)
• ให้ทีมเข้าใจว่า การเจาะคอไม่ใช่แค่ “หัตถการ” แต่เกี่ยวกับจิตใจของทุกคน
• สนับสนุนให้ทีมเปิดพื้นที่ฟังเสียงของคนไข้และครอบครัว
ไม่ใช่เพียงแจ้งข้อมูล “เชิงเทคนิค” อย่างเดียว
⸻
9. มุมจิตใจและสังคม: เมื่อการเจาะคอเป็นเรื่องของทั้งครอบครัว
สำหรับผู้ป่วยระยะท้าย การเจาะคอมักมาพร้อมคำถามในใจของลูกหลานว่า
• “ถ้าไม่ยอมให้เจาะคอ แปลว่าเราใจร้ายไหม?”
• “ถ้าเจาะคอ แล้วเขาทรมานกว่าเดิม เราจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตไหม?”
หมออยากบอกทุกครอบครัวว่า
การตัดสินใจทุกอย่างในช่วงนี้
ไม่ได้วัดกันที่ “เราทำเยอะแค่ไหน”
แต่วัดกันที่ “เราพยายามเคารพหัวใจและศักดิ์ศรีของเขามากแค่ไหน”
บางครั้ง
• การยอม “ไม่ทำอะไรเพิ่ม”
แต่ดูแลให้เขาสบายที่สุด
อาจเป็น “ของขวัญชิ้นสุดท้าย” ที่คุณให้เขาได้
บางครั้ง
• การตัดสินใจ “เจาะคอ” เพื่อให้เขาหายใจโล่งขึ้น ลดการทรมาน
ก็อาจเป็นการตัดสินใจที่เต็มไปด้วยความรักเช่นกัน
ไม่มีคำตอบไหนที่ถูก 100% หรือผิด 100%
มีแต่คำตอบที่ “ซื่อตรงกับหัวใจของคนไข้และครอบครัว” มากที่สุด ณ เวลานั้น
⸻
10. หมอขอสรุป
• การเจาะคอ คือเครื่องมือทางการแพทย์ ที่ช่วยเรื่องการหายใจและการดูแลระยะยาว
• มันมีทั้งข้อดี ข้อเสีย ภาระ และผลต่อจิตใจ
• ในผู้ป่วยระยะท้าย คำถามสำคัญไม่ใช่
“ทำได้ไหม?”
แต่คือ
“ควรทำเพื่ออะไร? และสอดคล้องกับความปรารถนาของเขาไหม?”
สุดท้ายนี้…
หมออยากเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องไอซียู
ที่ต้องตัดสินใจเรื่อง “เจาะคอหรือไม่เจาะคอ”
จำไว้นะครับว่า
ไม่มีใครเป็นลูกที่ดีโดยไม่เคยลังเล
และไม่มีใครเป็นหมอที่ดีโดยไม่เคยตั้งคำถามกับการรักษาของตัวเอง
ถ้าเราตัดสินใจด้วย “ข้อมูลที่ครบถ้วน”
ผสมกับ “หัวใจที่อยากให้เขาสบายและมีศักดิ์ศรีที่สุด”
ไม่ว่าคำตอบจะเป็นแบบไหน
มันก็คือ “คำตอบที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น” แล้วจริง ๆ ครับ
ด้วยความห่วงใยจากหัวใจ
นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ (หมอเก่ง)
อายุรแพทย์
โรงพยาบาลผู้สูงอายุและศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู Chersery Home International
CR https://www.facebook.com/share/1EUfAik7Fe/?mibextid=wwXIfr