หนังดีที่ต้องดู! สัมผัสหัวใจอบอุ่น ปมในใจคน ดราม่าปนฮา ที่จบแล้วอิ่มเอม
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีที่อยากจะมาป้ายยากันอีกเรื่องครับ ชื่อเรื่องว่า "Green Book" ครับ พอได้ยินชื่อเรื่องอาจจะงงๆ หน่อยว่าเกี่ยวกับอะไรกันแน่ แต่รับรองว่าพอได้ดูแล้วจะเข้าใจหัวใจของหนังเรื่องนี้เลยครับ ผมดูจบแล้วรู้สึกประทับใจมากๆ เลยอยากจะมาแชร์ความรู้สึกให้เพื่อนๆ ได้ฟังกันครับ
"Green Book" เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงนะครับ เล่าเรื่องราวของ Tony Vallelonga หรือที่รู้จักกันในนาม Tony Lip (แสดงโดย Viggo Mortensen) หนุ่มอิตาเลียน-อเมริกัน ที่ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในย่าน The Bronx นิวยอร์ก ในช่วงยุค 60s ชีวิตของเขาก็เป็นไปตามประสาคนธรรมดาทั่วไป คือต้องทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว มีปากเสียงกับภรรยาบ้าง เป็นพ่อที่รักลูก แต่ก็มีมุมที่หัวแข็งและอคติกับคนต่างชาตินิดๆ หน่อยๆ ตามประสาคนยุคนั้น
ทีนี้เรื่องราวก็พลิกผัน เมื่อ Tony ได้รับโอกาสให้ไปขับรถให้กับ Dr. Don Shirley (แสดงโดย Mahershala Ali) นักเปียโนผิวสีระดับโลก ที่กำลังจะออกทัวร์คอนเสิร์ตในภาคใต้ของอเมริกา ซึ่งเป็นยุคที่การแบ่งแยกสีผิวยังคงรุนแรงและอันตรายมากๆ
แค่ได้ยินพล็อตก็พอจะเดาได้แล้วใช่ไหมครับว่ามันจะต้องมีความท้าทายอะไรเกิดขึ้นบ้าง? ใช่เลยครับ! การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเดินทางธรรมดา แต่เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ความไม่เข้าใจ และการเผชิญหน้ากับอคติที่ฝังรากลึก
สิ่งที่ทำให้ผมชอบ "Green Book" มากที่สุด คือการถ่ายทอดความสัมพันธ์ของตัวละครหลักทั้งสองคนครับ Tony ผู้มาก่อนมาตา แต่มีหัวใจที่อบอุ่นและตรงไปตรงมา กับ Dr. Shirley ผู้มีการศึกษา มีรสนิยมสูงส่ง แต่กลับต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวและถูกแบ่งแยกจากสังคมเพียงเพราะสีผิว
การที่ทั้งสองคนต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานๆ ในรถคันเดียวกัน มันทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่น่าสนใจมากๆ ครับ เราจะได้เห็นการปะทะคารม การเรียนรู้ซึ่งกันและกัน การปรับมุมมองของแต่ละคนที่มีต่อโลกและต่อเพื่อนมนุษย์
Viggo Mortensen ที่รับบท Tony Lip นี่สุดยอดมากครับ เขาถ่ายทอดความเป็นคนบ้านๆ ที่มีเสน่ห์ มีมุกตลก แต่ก็มีความซื่อสัตย์และปกป้องคนที่เขารักได้ดีมากๆ การแสดงของเขาเป็นธรรมชาติจนเราเชื่อว่านี่คือ Tony ตัวจริง ส่วน Mahershala Ali ในบท Dr. Shirley ก็ถ่ายทอดความสง่างาม ความฉลาด และความเจ็บปวดที่อยู่ลึกๆ ในใจออกมาได้อย่างลึกซึ้งมากๆ ครับ การแสดงของทั้งคู่ส่งเสริมกันและกัน ทำให้เคมีของพวกเขาเข้ากันได้อย่างลงตัว
ชื่อเรื่อง "Green Book" นี่ก็มีความหมายสำคัญนะครับ มันคือคู่มือสำหรับคนผิวดำในการเดินทางในยุคที่การแบ่งแยกสีผิวยังรุนแรง โดยบอกว่าที่พัก ที่ร้านอาหาร หรือปั๊มน้ำมันที่ไหนที่คนผิวดำสามารถเข้าใช้บริการได้อย่างปลอดภัย การมีคู่มือเล่มนี้ก็เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจตลอดเวลาว่าการเดินทางของ Dr. Shirley นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีฉากแอ็คชั่นหวือหวา หรือสเปเชียลเอฟเฟกต์อลังการ แต่สิ่งที่หนังมอบให้เราคือความรู้สึกที่หลากหลายครับ มีทั้งช่วงเวลาที่หัวเราะตาม Tony มีช่วงที่รู้สึกตื้นตันใจกับความดีงามของมนุษย์ และก็มีช่วงที่รู้สึกเจ็บปวดกับความอยุติธรรมที่ตัวละครต้องเผชิญ
"Green Book" สอนให้เราเห็นว่า แม้เราจะแตกต่างกันแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ฐานะ หรือการศึกษา ถ้าเราเปิดใจเรียนรู้และทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน เราก็สามารถที่จะก้าวข้ามอคติและสร้างมิตรภาพที่งดงามได้
ผมชอบวิธีการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้มากๆ ครับ มันไม่ได้ยัดเยียดประเด็นสังคมจนเกินไป แต่สอดแทรกเข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านการกระทำและบทสนทนาของตัวละคร ทำให้คนดูค่อยๆ ซึมซับและคิดตามไปกับมัน
ฉากหลายๆ ฉากในหนังทำออกมาได้กินใจมากๆ ครับ เช่น ฉากที่ Tony พยายามช่วยเหลือ Dr. Shirley เมื่อเผชิญหน้ากับอุปสรรค หรือฉากที่ Dr. Shirley สอน Tony เกี่ยวกับดนตรีและศิลปะ มันแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวละครทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน
พอหนังจบ ผมรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอมในหัวใจครับ เหมือนได้เดินทางไปพร้อมๆ กับ Tony และ Dr. Shirley ได้เห็นการเติบโตของพวกเขา ได้เห็นว่ามิตรภาพสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกรูปแบบ และสามารถทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นได้อย่างไร
ถ้าใครกำลังมองหาหนังที่ดูแล้วรู้สึกดี มีข้อคิด ที่สำคัญคือสนุกและไม่เครียดจนเกินไป ผมแนะนำ "Green Book" เลยครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน มันเป็นหนังที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยจริงๆ ครับ
ผมขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ หวังว่าเพื่อนๆ จะสนใจและไปหา "Green Book" มาดูกันนะครับ แล้วถ้าใครดูแล้วก็แวะมาคุยกันได้นะครับ ผมอยากรู้ว่าเพื่อนๆ รู้สึกอย่างไรกับหนังเรื่องนี้บ้าง!
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ!
"Green Book" หนังดีที่ต้องดู! สัมผัสหัวใจอบอุ่น ปมในใจคน ดราม่าปนฮา ที่จบแล้วอิ่มเอม
หนังดีที่ต้องดู! สัมผัสหัวใจอบอุ่น ปมในใจคน ดราม่าปนฮา ที่จบแล้วอิ่มเอม
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Pantip ทุกท่าน วันนี้ผมมีหนังดีที่อยากจะมาป้ายยากันอีกเรื่องครับ ชื่อเรื่องว่า "Green Book" ครับ พอได้ยินชื่อเรื่องอาจจะงงๆ หน่อยว่าเกี่ยวกับอะไรกันแน่ แต่รับรองว่าพอได้ดูแล้วจะเข้าใจหัวใจของหนังเรื่องนี้เลยครับ ผมดูจบแล้วรู้สึกประทับใจมากๆ เลยอยากจะมาแชร์ความรู้สึกให้เพื่อนๆ ได้ฟังกันครับ
"Green Book" เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงนะครับ เล่าเรื่องราวของ Tony Vallelonga หรือที่รู้จักกันในนาม Tony Lip (แสดงโดย Viggo Mortensen) หนุ่มอิตาเลียน-อเมริกัน ที่ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ในย่าน The Bronx นิวยอร์ก ในช่วงยุค 60s ชีวิตของเขาก็เป็นไปตามประสาคนธรรมดาทั่วไป คือต้องทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว มีปากเสียงกับภรรยาบ้าง เป็นพ่อที่รักลูก แต่ก็มีมุมที่หัวแข็งและอคติกับคนต่างชาตินิดๆ หน่อยๆ ตามประสาคนยุคนั้น
ทีนี้เรื่องราวก็พลิกผัน เมื่อ Tony ได้รับโอกาสให้ไปขับรถให้กับ Dr. Don Shirley (แสดงโดย Mahershala Ali) นักเปียโนผิวสีระดับโลก ที่กำลังจะออกทัวร์คอนเสิร์ตในภาคใต้ของอเมริกา ซึ่งเป็นยุคที่การแบ่งแยกสีผิวยังคงรุนแรงและอันตรายมากๆ
แค่ได้ยินพล็อตก็พอจะเดาได้แล้วใช่ไหมครับว่ามันจะต้องมีความท้าทายอะไรเกิดขึ้นบ้าง? ใช่เลยครับ! การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเดินทางธรรมดา แต่เป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ความไม่เข้าใจ และการเผชิญหน้ากับอคติที่ฝังรากลึก
สิ่งที่ทำให้ผมชอบ "Green Book" มากที่สุด คือการถ่ายทอดความสัมพันธ์ของตัวละครหลักทั้งสองคนครับ Tony ผู้มาก่อนมาตา แต่มีหัวใจที่อบอุ่นและตรงไปตรงมา กับ Dr. Shirley ผู้มีการศึกษา มีรสนิยมสูงส่ง แต่กลับต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวและถูกแบ่งแยกจากสังคมเพียงเพราะสีผิว
การที่ทั้งสองคนต้องมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานๆ ในรถคันเดียวกัน มันทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่น่าสนใจมากๆ ครับ เราจะได้เห็นการปะทะคารม การเรียนรู้ซึ่งกันและกัน การปรับมุมมองของแต่ละคนที่มีต่อโลกและต่อเพื่อนมนุษย์
Viggo Mortensen ที่รับบท Tony Lip นี่สุดยอดมากครับ เขาถ่ายทอดความเป็นคนบ้านๆ ที่มีเสน่ห์ มีมุกตลก แต่ก็มีความซื่อสัตย์และปกป้องคนที่เขารักได้ดีมากๆ การแสดงของเขาเป็นธรรมชาติจนเราเชื่อว่านี่คือ Tony ตัวจริง ส่วน Mahershala Ali ในบท Dr. Shirley ก็ถ่ายทอดความสง่างาม ความฉลาด และความเจ็บปวดที่อยู่ลึกๆ ในใจออกมาได้อย่างลึกซึ้งมากๆ ครับ การแสดงของทั้งคู่ส่งเสริมกันและกัน ทำให้เคมีของพวกเขาเข้ากันได้อย่างลงตัว
ชื่อเรื่อง "Green Book" นี่ก็มีความหมายสำคัญนะครับ มันคือคู่มือสำหรับคนผิวดำในการเดินทางในยุคที่การแบ่งแยกสีผิวยังรุนแรง โดยบอกว่าที่พัก ที่ร้านอาหาร หรือปั๊มน้ำมันที่ไหนที่คนผิวดำสามารถเข้าใช้บริการได้อย่างปลอดภัย การมีคู่มือเล่มนี้ก็เหมือนเป็นเครื่องเตือนใจตลอดเวลาว่าการเดินทางของ Dr. Shirley นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีฉากแอ็คชั่นหวือหวา หรือสเปเชียลเอฟเฟกต์อลังการ แต่สิ่งที่หนังมอบให้เราคือความรู้สึกที่หลากหลายครับ มีทั้งช่วงเวลาที่หัวเราะตาม Tony มีช่วงที่รู้สึกตื้นตันใจกับความดีงามของมนุษย์ และก็มีช่วงที่รู้สึกเจ็บปวดกับความอยุติธรรมที่ตัวละครต้องเผชิญ
"Green Book" สอนให้เราเห็นว่า แม้เราจะแตกต่างกันแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ฐานะ หรือการศึกษา ถ้าเราเปิดใจเรียนรู้และทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน เราก็สามารถที่จะก้าวข้ามอคติและสร้างมิตรภาพที่งดงามได้
ผมชอบวิธีการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้มากๆ ครับ มันไม่ได้ยัดเยียดประเด็นสังคมจนเกินไป แต่สอดแทรกเข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านการกระทำและบทสนทนาของตัวละคร ทำให้คนดูค่อยๆ ซึมซับและคิดตามไปกับมัน
ฉากหลายๆ ฉากในหนังทำออกมาได้กินใจมากๆ ครับ เช่น ฉากที่ Tony พยายามช่วยเหลือ Dr. Shirley เมื่อเผชิญหน้ากับอุปสรรค หรือฉากที่ Dr. Shirley สอน Tony เกี่ยวกับดนตรีและศิลปะ มันแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวละครทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน
พอหนังจบ ผมรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอมในหัวใจครับ เหมือนได้เดินทางไปพร้อมๆ กับ Tony และ Dr. Shirley ได้เห็นการเติบโตของพวกเขา ได้เห็นว่ามิตรภาพสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกรูปแบบ และสามารถทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้นได้อย่างไร
ถ้าใครกำลังมองหาหนังที่ดูแล้วรู้สึกดี มีข้อคิด ที่สำคัญคือสนุกและไม่เครียดจนเกินไป ผมแนะนำ "Green Book" เลยครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน มันเป็นหนังที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยจริงๆ ครับ
ผมขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ หวังว่าเพื่อนๆ จะสนใจและไปหา "Green Book" มาดูกันนะครับ แล้วถ้าใครดูแล้วก็แวะมาคุยกันได้นะครับ ผมอยากรู้ว่าเพื่อนๆ รู้สึกอย่างไรกับหนังเรื่องนี้บ้าง!
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ!