สวัสดีครับทุกท่าน หายหน้าหายตากันไปนาน สุดท้ายช่วงเวลาแห่งการลุ้นอากาศหนาวก็เวียนมาถึงอีกจนได้ ปีนี้ดูเหมือนว่าลมหนาวกำลังแรงจะมาถึงภาคกลางตอนล่างได้ไวกว่าหลายๆปี เลยกลายเป็นว่าสัปดาห์นี้แม้แต่กทม.อาจมีตัวเลขต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียสให้เห็นกันบ้างในบางพื้นที่ได้แล้ว ไม่แน่ใจว่าเรามีลมหนาวที่มาเร็ว และแรงยังงี้ตั้งแต่กลางพฤศจิกายนครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่น่าจะร่วมๆ 20 ปีแล้ว ซึ่งก็ถือว่าเป็น“ฤกษ์”ดี ที่ปีนี้อย่างน้อยก็ไม่ใช่ปีที่จะกร่อย และไร้ลมหนาวมาหาเป็นที่แน่แท้แล้ว (ฮา)
[ปี 2561 เป็นตัวอย่างของปีประเภทนั้นที่ไม่มีลมหนาวมาเยือนเลยสักแอะ]
คำถามสำคัญจึงมาอยู่ที่ว่า แล้วมันจะมีลมหนาวมาอีกมั้ย ปีนี้หน้าหนาวโดยรวมเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ใช่มันจะมาแล้วหายต๋อมไปเลยแบบปี 2562 ที่มาแรงรอบเดียวเป็นอาทิตย์แล้วจบเลยใช่มั้ย(วะ) (ฮาปนโฮ)
โดยทังหมดนี้จะพยายาม(เสนอหน้า)มาอรรถาธิบาย พร้อมแสดงเหตุผลสนับสนุนความเป็นไปได้ในแต่ละฉากทัศน์ ขอให้ท่านผู้อ่านได้โปรดพิจารณากันได้เลยครับ
***หากท่านผู้อ่านต้องการสรุปความอย่างย่อ กรุณาเลื่อนไปอ่านได้ที่ความเห็น 2 ได้เลยครับ***
***อนึ่ง เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำซ้อนกับเนื้อหาในกระทู้เก่าๆ และรายละเอียดเชิงเทคนิกในแต่ละหัวข้อ ท่านที่ต้องการอ่านรายละเอียดของกระบวนการที่เคยเขียนไว้แล้ว สามารถอ่านได้จากลิงก์กระทู้เก่าด้านล่างนี้ได้เลยครับ***
https://pantip.com/topic/43088764
https://pantip.com/topic/43119410
เช่นเดิม เริ่มต้นด้วยการดูสภาพท้องทะเลในปีนี้กันก่อน ดูๆแล้วในภาพกว้างของมหาสมุทรแปซิฟิกปีนี้แทบไม่ต่างกับของปีที่แล้วเท่าใดนัก คือตลอดบริเวณกลางแปซิฟิกเย็นโดยทั่วกัน (ลักษณะของลานีญา)บริเวณทะเลโอคอตซ์ ลากผ่านทะเลแบริ่ง ยันอลาสก้ามีลักษณะเย็นโดยทั่วกันเช่นกัน ในขณะที่แถบทะเลญี่ปุ่น และทิศตะวันออกของทะเลญี่ปุ่นก็ร้อนกว่าปกติโดยทั่วกัน ซึ่งของปีนี้จะร้อนน้อยกว่าของปีที่แล้วอยู่พอสมควร และจะค่อยๆเย็นกว่าปกติเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวทางดาราศาสตร์เต็มตัวในเดือนมกราคมต่อไป
ด้วยประการดังที่กล่าวมาทำให้พออนุมานได้คร่าวๆว่าลักษณะของลมกรดบริเวณไต้หวันถึงญี่ปุ่นในปีนี้น่าจะมีลักษณะค่อนไปทางเชิดหัวขึ้นขั้วโลกเหนือได้โดยง่ายไม่ต่างไปจากของปีที่แล้ว(หากเฝส MJO เป็นใจ) แต่เนื่องด้วยลักษณะความลาดของอุณหภูมิน้ำทะเล (Sea Surface Temperature Gradient) ในปีนี้ไม่ชันเท่าของปีแล้ว ความแรง และทิศของลมกรดอาจไม่แรงหรือเชิดได้เท่าจึงทำให้ทิศของการแผ่ความกดอากาศสูงอาจจะมีแนวโน้ม“เบ้”ไปทางฟิลิปปินส์มากกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย อย่างไรก็ดีเมื่อทะเลจีนใต้โดยรวมเย็นลงพอสมควรแล้ว ปีนี้ควรจะเป็นปีลมหนาวไหลตรงมาบ้านเราโดยง่ายไม่ต่างกับปีที่แล้วโดยมีนัยสำคัญมากนัก (เฮ 1)
ดัชนี IOD คือเทียบอุณหภูมิผิวน้ำระหว่างมหาสมุทรอินเดียงฝั่งตะวันตก และตะวันออกกำลังมีค่าลบค่อนข้างมาก
ซูมเอาท์มาดูตรงบริเวณ มหาสมุทรอินเดียกันมั่ง ปีนี้ทางฝั่งตะวันตกติดกับทวีปอัฟฟริกาทะเลค่อนข้างเย็นมาก ในขณะที่ทางตะวันออกติดกับแหลมมลายู และอินโดนีเซีย ค่อนข้างร้อนกว่าปกติโดยทั่วกัน ลักษณะนี้ก็เช่นเดิมละม้ายกับของปีที่แล้วมาก และปีนี้ความต่างมันชัดยิ่งกว่าของปีที่แล้วเสียอีก ซึ่งมีผลทำให้อากาศแถวภาคภาคพื้นทวีปและสมุทรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asian Maritime Continent) มีลักษณะเป็นอากาศยกตัวโดยง่าย ซึ่งหมายถึง
1. MJO เฝส 5-6 ที่เป็นเฝสที่เหมาะแก่การแผ่ลมหนาวมากที่สุดจะคาอยู่ตรงนี้ได้นานไม่ต่างกับของปีที่แล้ว เพราะลมหนาวมันจะโดนดูดเข้าหาบ้านเรา(เฮ 2)
MJO ปีนี้มีสิทธิ์คล้ายปีแล้ว คือ น่าจะคาอยู่ที่เฝสที่ยอดเยี่ยมอย่างเฝส 5-6 ได้นาน และอาจวิ่งเลยเฝสสุดห่วยอย่างเฝส 7 แป๊บๆ และวนกลับมาเฝสที่ดีใหม่ในเดือนถัดไป
2. พายุแถวฟิลิปปินส์จะมีสิทธิ์ก่อตัวได้ไม่ยาก โดยที่เนื่องจากลมหนาวที่ลงมาแรงตังแต่ต้นฤดูกาลจนน้ำทะเลแถวทะเลจีนใต้กำลังเย็นตัวลงเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว ช่วงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้มันจึงไม่มีทางที่จะมีพายุกำลังแรงจนสามารถมุดมาถึงชายฝั่งปักษ์ใต้ฝั่งตะวันออก ที่นอกจะทำให้ทั้งประเทศไม่หนาวแล้วยังสร้างความวายป่วง ปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับชาวบ้านภาคใต้อีก หรือจะพูดง่ายๆก็คือนอกจากชาวฟิลิปปินส์ที่ยังมีสิทธิ์ที่จะโดนพายุเล่นงานจนอ่วมไปจนสิ้นปี บ้านเราอาจได้อานิสงค์ของพายุบีบให้ลมหนาวมันพัดมาแรงได้มากกว่าปกติอย่างของปี 2560 และปี 2562 ที่หนาวกันเลขตัวเดียวตลอดทั่วภาคเหนือและอีสาน โดยที่ผลเชิงลบจากพายุหมุนแปซิฟิกน่าจะไม่มีแล้วนั่นเองครับ (เฮ 3)
ฉากทัศน์ที่ 1-1 และ 1-2 จึงมีสิทธิออกได้สูงมากปีนี้ คือ อาจไม่ต้องแรงจัดเป็นประวัติการณ์แต่ก็มีลมหนาวไหลหาเราได้เรื่อยๆ
ด้วยเหตุปัจจัยนี้แล้วจึงไม่แปลกเลยที่จะเห็นได้ว่าเกือบทุกโมเดลลงความเห็นตรงกันหมดว่าต้นฤดูหนาวคือเดือน ธันวาคมนี้ อากาศบ้านเราน่าจะหนาวกว่าปกติโดยทั่วกัน (เฮ)
แต่ละค่ายดูเหมือนจะลงความเห็นว่าหนาวกว่าปกติแน่พรรคพวก โดยเฉพาะพี่ JMA จากแดนปลาดิบที่กดเอาซะสีน้ำเงินเข้มกันเลยทีเดียว หนาวระดับประวัติการณ์แน่นอน คือ หนาวแบบปลายปี 2556 เป็นอย่างน้อย สูสีกับปี 2542 ที่มีวันที่หนาวสุดในประวัติศาสตร์การจดบันทึกมา หรือแม้แต่ปี 2518 ที่ทั้งหนาวยาว และหนาวมาก แหม่ถ้าได้ยังงี้ก็เรี่ยมสิ (ฮา)
เอ ชักจะเหมือนฝันเกินไปแล้ว มันจะเป็นตามนั้นกันจริงๆน่ะหรือ????
จุดนี้เป็นจุดสำคัญก็เพราะโมเดลทังหมดมันไม่เคย และไม่สามารถคำนวณเหตุการณ์ชั้นสตราโตสเฟียร์ร้อนเฉียบพลัน (Sudden Stratospheric Warming) และผลของมันที่รู้จักกันดีภายใต้ชื่อ Polar Vortex Disruption หรือก็คือ ลมวนขั้วโลกแตก ที่หากเกิดเมื่อใด ก็จะทำให้สภาพอากาศพลิกกลับขั้วได้โดยง่าย และโดยสถิติสำหรับบ้านเราไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่หากลมวนขั้วโลกมันแตกไปแล้ว ความกดอากาศสูงกำลังแรงจะสามารถสะสมตัว และแผ่มาหาบ้านเราได้อย่างต่อเนื่องได้เลย หรือก็คือ เจ้าลมวนขั้วโลกแตกนี้เองที่จะเป็นตัวดับฝันของชาวลุ้นหนาวกันหมดเลยครับ (โฮ)
แล้วลักษณะของปีนี้เป็นอย่างไร?
ก็ต้องบอกว่า โหงวเฮ้งปีนี้เยี่ยมจริงๆ พับผ่าสิ คือ โอกาสที่ลมวนขั้วโลกจะแตกมันสูงมากๆ ไล่มาตั้งแต่ ทะเลที่ร้อนแถวตะวันออกของเกาะญี่ปุ่น (เช็ค 1) เป็นปีลานีญา (เช็ค 2) ปีนี้ลมที่ชันสตราโตสเฟียร์แถวเส้นศูนย์สูตรมันไหลจากตะวันออกไปตะวันตก หรือเรียกว่า QBO เป็นลบ (เช็ค 3) แถมอันสุดท้ายปีนี้พระอาทิตย์ก็ช่างขยันทำงานไม่ต่างกับของปีที่แล้ว และปีก่อน (เช็ค 4) ยิ่งเพิ่มโอกาสให้มีโอกาสที่ลมวนขั้วโลกมันจะยวบยาบ และดีไม่ดีอาจเกิดเหตุการณ์ที่ชั้นสตราโตสเฟียร์ร้อนเฉียบพลันจนลมวนขั้วโลกแตกได้ง่ายมากๆนั่นเองครับ
โหงวเฮ้งปีนี้ยอดเยี่ยมขนาดนี้จึงไม่แปลกที่ว่าตอนนี้ลมวนขั้วโลกชั้นสตราโตสเฟียร์มันกำลังอ่อนระทวยมาก และมีสิทธิ์แตกมันตังแต่ต้นเดือนหน้า ซึ่งถ้าตามนั้นจริงก็โบกมือลาหน้าหนาวได้เลยครับ ชาวกทม. มันจะมาได้สุดแค่รอบต้นเดือนหน้าเป็นอย่างมากก็เท่านั้น ให้รีบกอบโกยความรู้สึกเย็นๆนี้ไว้ให้ได้มากที้สุด (ฮาปนโฮ) ความเร็วลมมันแตะ 0 หรือไปยันติดลบเมื่อไหร่ก็แตกแน่ๆล่ะครับลมวนขั้วโลกปีนี้ ไปซะตั้งแต่หัวฤดูเลย ตอนนี้โอกาสแทบจะ 50-50 เข้าไปแล้ว ก็ต้องเอาใจช่วยให้มันกลับมาหมุนแรงได้ตามเดิม ซึ่งดูตามเส้นก็เหมือนว่าถ้าเลยช่วงวันพ่อไปแล้วกลับมาได้ ยกแรกเราอาจจะเข้าวิน รอดแพ้น็อคได้อย่างฉิวเฉียด ต้องไปรอลุ้นยกถัดๆไปต่อ [ซึ่งดูทรงแล้วคงมีอีก 5-6 ยกจนกว่าจะหมดเดือนมกราฯ โหงวเฮ้งลมวนขั้วโลกมันอยากแพ้น็อคเสียเหลือเกินสำหรับปีนี้]
อย่างไรก็ดี QBO- หรือลมชั้นสตราโตสเฟียร์แถวเส้นศูนยสูตรที่ไหลจากตะวันออกไปตะวันตก มักส่งผลให้ลมกรดกึ่งเขตร้อนโฉบลงต่ำกว่าปกติเมื่อเทียบกับแบบ QBO+ อย่างปีแล้ว ประกอบกับมหาสมุทรอินเดียฝั่งตะวันตกที่ค่อนข้างเย็น นี่จึงทำให้มีความเป็นไปได้ว่าลมกรดกึ่งเขตร้อนอาจโฉบต่ำและลากเอาความชื้นจากเมาะตะมะได้มากกว่าปีที่แล้ว และยังทำให้จุดโฟกัสของอากาศหนาวปีนี้มีสิทธิ์เบี่ยงมาทางภาคเหนือมากกว่าปีที่แล้วที่เป็น QBO+ ภาคเหนือน่าจะหนาวง่ายกว่าปีที่แล้วด้วยน่ะครับ รวมไปถึงต่อให้หากลมวนขั้วโลกแตก ลมตะวันตกก็น่าจะเทียวพาอากาศหนาวมาหาภาคเหนือได้ไม่ยากเย็นนักในปีนี้หากไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลง (ปัจจัยประหลาดอย่างผลของภูเขาไฟ Hunga Tonga เมื่อ 3 ปีที่แล้วน่าจะหมดลงเสียที”สภาวะโลกเดือด“น่าจะได้จากเราไปแล้ว)
สภาพทะเลที่เย็นลงค่อนมากจากจุดสูงสุด โดยอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกก็กำลังลดต่ำลงตามมาเช่นกัน สภาวะร้อนแบบบโลกเดือดกำลังจะจากเราไปแล้ว
***หากท่านใดสนใจเกี่ยวกับหัวข้อของ QBO สามารถอ่านได้จากลิงก์ด้านล่างนี้***
https://pantip.com/topic/43472247/comment23
อากาศ และความเป็นไปได้ของลักษณะอากาศประจำฤดูหนาว 2568-2569
[ปี 2561 เป็นตัวอย่างของปีประเภทนั้นที่ไม่มีลมหนาวมาเยือนเลยสักแอะ]
คำถามสำคัญจึงมาอยู่ที่ว่า แล้วมันจะมีลมหนาวมาอีกมั้ย ปีนี้หน้าหนาวโดยรวมเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ใช่มันจะมาแล้วหายต๋อมไปเลยแบบปี 2562 ที่มาแรงรอบเดียวเป็นอาทิตย์แล้วจบเลยใช่มั้ย(วะ) (ฮาปนโฮ)
โดยทังหมดนี้จะพยายาม(เสนอหน้า)มาอรรถาธิบาย พร้อมแสดงเหตุผลสนับสนุนความเป็นไปได้ในแต่ละฉากทัศน์ ขอให้ท่านผู้อ่านได้โปรดพิจารณากันได้เลยครับ
***หากท่านผู้อ่านต้องการสรุปความอย่างย่อ กรุณาเลื่อนไปอ่านได้ที่ความเห็น 2 ได้เลยครับ***
***อนึ่ง เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำซ้อนกับเนื้อหาในกระทู้เก่าๆ และรายละเอียดเชิงเทคนิกในแต่ละหัวข้อ ท่านที่ต้องการอ่านรายละเอียดของกระบวนการที่เคยเขียนไว้แล้ว สามารถอ่านได้จากลิงก์กระทู้เก่าด้านล่างนี้ได้เลยครับ***
https://pantip.com/topic/43088764
https://pantip.com/topic/43119410
เช่นเดิม เริ่มต้นด้วยการดูสภาพท้องทะเลในปีนี้กันก่อน ดูๆแล้วในภาพกว้างของมหาสมุทรแปซิฟิกปีนี้แทบไม่ต่างกับของปีที่แล้วเท่าใดนัก คือตลอดบริเวณกลางแปซิฟิกเย็นโดยทั่วกัน (ลักษณะของลานีญา)บริเวณทะเลโอคอตซ์ ลากผ่านทะเลแบริ่ง ยันอลาสก้ามีลักษณะเย็นโดยทั่วกันเช่นกัน ในขณะที่แถบทะเลญี่ปุ่น และทิศตะวันออกของทะเลญี่ปุ่นก็ร้อนกว่าปกติโดยทั่วกัน ซึ่งของปีนี้จะร้อนน้อยกว่าของปีที่แล้วอยู่พอสมควร และจะค่อยๆเย็นกว่าปกติเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวทางดาราศาสตร์เต็มตัวในเดือนมกราคมต่อไป
ด้วยประการดังที่กล่าวมาทำให้พออนุมานได้คร่าวๆว่าลักษณะของลมกรดบริเวณไต้หวันถึงญี่ปุ่นในปีนี้น่าจะมีลักษณะค่อนไปทางเชิดหัวขึ้นขั้วโลกเหนือได้โดยง่ายไม่ต่างไปจากของปีที่แล้ว(หากเฝส MJO เป็นใจ) แต่เนื่องด้วยลักษณะความลาดของอุณหภูมิน้ำทะเล (Sea Surface Temperature Gradient) ในปีนี้ไม่ชันเท่าของปีแล้ว ความแรง และทิศของลมกรดอาจไม่แรงหรือเชิดได้เท่าจึงทำให้ทิศของการแผ่ความกดอากาศสูงอาจจะมีแนวโน้ม“เบ้”ไปทางฟิลิปปินส์มากกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย อย่างไรก็ดีเมื่อทะเลจีนใต้โดยรวมเย็นลงพอสมควรแล้ว ปีนี้ควรจะเป็นปีลมหนาวไหลตรงมาบ้านเราโดยง่ายไม่ต่างกับปีที่แล้วโดยมีนัยสำคัญมากนัก (เฮ 1)
ดัชนี IOD คือเทียบอุณหภูมิผิวน้ำระหว่างมหาสมุทรอินเดียงฝั่งตะวันตก และตะวันออกกำลังมีค่าลบค่อนข้างมาก
ซูมเอาท์มาดูตรงบริเวณ มหาสมุทรอินเดียกันมั่ง ปีนี้ทางฝั่งตะวันตกติดกับทวีปอัฟฟริกาทะเลค่อนข้างเย็นมาก ในขณะที่ทางตะวันออกติดกับแหลมมลายู และอินโดนีเซีย ค่อนข้างร้อนกว่าปกติโดยทั่วกัน ลักษณะนี้ก็เช่นเดิมละม้ายกับของปีที่แล้วมาก และปีนี้ความต่างมันชัดยิ่งกว่าของปีที่แล้วเสียอีก ซึ่งมีผลทำให้อากาศแถวภาคภาคพื้นทวีปและสมุทรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asian Maritime Continent) มีลักษณะเป็นอากาศยกตัวโดยง่าย ซึ่งหมายถึง
1. MJO เฝส 5-6 ที่เป็นเฝสที่เหมาะแก่การแผ่ลมหนาวมากที่สุดจะคาอยู่ตรงนี้ได้นานไม่ต่างกับของปีที่แล้ว เพราะลมหนาวมันจะโดนดูดเข้าหาบ้านเรา(เฮ 2)
MJO ปีนี้มีสิทธิ์คล้ายปีแล้ว คือ น่าจะคาอยู่ที่เฝสที่ยอดเยี่ยมอย่างเฝส 5-6 ได้นาน และอาจวิ่งเลยเฝสสุดห่วยอย่างเฝส 7 แป๊บๆ และวนกลับมาเฝสที่ดีใหม่ในเดือนถัดไป
2. พายุแถวฟิลิปปินส์จะมีสิทธิ์ก่อตัวได้ไม่ยาก โดยที่เนื่องจากลมหนาวที่ลงมาแรงตังแต่ต้นฤดูกาลจนน้ำทะเลแถวทะเลจีนใต้กำลังเย็นตัวลงเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว ช่วงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้มันจึงไม่มีทางที่จะมีพายุกำลังแรงจนสามารถมุดมาถึงชายฝั่งปักษ์ใต้ฝั่งตะวันออก ที่นอกจะทำให้ทั้งประเทศไม่หนาวแล้วยังสร้างความวายป่วง ปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับชาวบ้านภาคใต้อีก หรือจะพูดง่ายๆก็คือนอกจากชาวฟิลิปปินส์ที่ยังมีสิทธิ์ที่จะโดนพายุเล่นงานจนอ่วมไปจนสิ้นปี บ้านเราอาจได้อานิสงค์ของพายุบีบให้ลมหนาวมันพัดมาแรงได้มากกว่าปกติอย่างของปี 2560 และปี 2562 ที่หนาวกันเลขตัวเดียวตลอดทั่วภาคเหนือและอีสาน โดยที่ผลเชิงลบจากพายุหมุนแปซิฟิกน่าจะไม่มีแล้วนั่นเองครับ (เฮ 3)
ฉากทัศน์ที่ 1-1 และ 1-2 จึงมีสิทธิออกได้สูงมากปีนี้ คือ อาจไม่ต้องแรงจัดเป็นประวัติการณ์แต่ก็มีลมหนาวไหลหาเราได้เรื่อยๆ
ด้วยเหตุปัจจัยนี้แล้วจึงไม่แปลกเลยที่จะเห็นได้ว่าเกือบทุกโมเดลลงความเห็นตรงกันหมดว่าต้นฤดูหนาวคือเดือน ธันวาคมนี้ อากาศบ้านเราน่าจะหนาวกว่าปกติโดยทั่วกัน (เฮ)
แต่ละค่ายดูเหมือนจะลงความเห็นว่าหนาวกว่าปกติแน่พรรคพวก โดยเฉพาะพี่ JMA จากแดนปลาดิบที่กดเอาซะสีน้ำเงินเข้มกันเลยทีเดียว หนาวระดับประวัติการณ์แน่นอน คือ หนาวแบบปลายปี 2556 เป็นอย่างน้อย สูสีกับปี 2542 ที่มีวันที่หนาวสุดในประวัติศาสตร์การจดบันทึกมา หรือแม้แต่ปี 2518 ที่ทั้งหนาวยาว และหนาวมาก แหม่ถ้าได้ยังงี้ก็เรี่ยมสิ (ฮา)
เอ ชักจะเหมือนฝันเกินไปแล้ว มันจะเป็นตามนั้นกันจริงๆน่ะหรือ????
จุดนี้เป็นจุดสำคัญก็เพราะโมเดลทังหมดมันไม่เคย และไม่สามารถคำนวณเหตุการณ์ชั้นสตราโตสเฟียร์ร้อนเฉียบพลัน (Sudden Stratospheric Warming) และผลของมันที่รู้จักกันดีภายใต้ชื่อ Polar Vortex Disruption หรือก็คือ ลมวนขั้วโลกแตก ที่หากเกิดเมื่อใด ก็จะทำให้สภาพอากาศพลิกกลับขั้วได้โดยง่าย และโดยสถิติสำหรับบ้านเราไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่หากลมวนขั้วโลกมันแตกไปแล้ว ความกดอากาศสูงกำลังแรงจะสามารถสะสมตัว และแผ่มาหาบ้านเราได้อย่างต่อเนื่องได้เลย หรือก็คือ เจ้าลมวนขั้วโลกแตกนี้เองที่จะเป็นตัวดับฝันของชาวลุ้นหนาวกันหมดเลยครับ (โฮ)
แล้วลักษณะของปีนี้เป็นอย่างไร?
ก็ต้องบอกว่า โหงวเฮ้งปีนี้เยี่ยมจริงๆ พับผ่าสิ คือ โอกาสที่ลมวนขั้วโลกจะแตกมันสูงมากๆ ไล่มาตั้งแต่ ทะเลที่ร้อนแถวตะวันออกของเกาะญี่ปุ่น (เช็ค 1) เป็นปีลานีญา (เช็ค 2) ปีนี้ลมที่ชันสตราโตสเฟียร์แถวเส้นศูนย์สูตรมันไหลจากตะวันออกไปตะวันตก หรือเรียกว่า QBO เป็นลบ (เช็ค 3) แถมอันสุดท้ายปีนี้พระอาทิตย์ก็ช่างขยันทำงานไม่ต่างกับของปีที่แล้ว และปีก่อน (เช็ค 4) ยิ่งเพิ่มโอกาสให้มีโอกาสที่ลมวนขั้วโลกมันจะยวบยาบ และดีไม่ดีอาจเกิดเหตุการณ์ที่ชั้นสตราโตสเฟียร์ร้อนเฉียบพลันจนลมวนขั้วโลกแตกได้ง่ายมากๆนั่นเองครับ
โหงวเฮ้งปีนี้ยอดเยี่ยมขนาดนี้จึงไม่แปลกที่ว่าตอนนี้ลมวนขั้วโลกชั้นสตราโตสเฟียร์มันกำลังอ่อนระทวยมาก และมีสิทธิ์แตกมันตังแต่ต้นเดือนหน้า ซึ่งถ้าตามนั้นจริงก็โบกมือลาหน้าหนาวได้เลยครับ ชาวกทม. มันจะมาได้สุดแค่รอบต้นเดือนหน้าเป็นอย่างมากก็เท่านั้น ให้รีบกอบโกยความรู้สึกเย็นๆนี้ไว้ให้ได้มากที้สุด (ฮาปนโฮ) ความเร็วลมมันแตะ 0 หรือไปยันติดลบเมื่อไหร่ก็แตกแน่ๆล่ะครับลมวนขั้วโลกปีนี้ ไปซะตั้งแต่หัวฤดูเลย ตอนนี้โอกาสแทบจะ 50-50 เข้าไปแล้ว ก็ต้องเอาใจช่วยให้มันกลับมาหมุนแรงได้ตามเดิม ซึ่งดูตามเส้นก็เหมือนว่าถ้าเลยช่วงวันพ่อไปแล้วกลับมาได้ ยกแรกเราอาจจะเข้าวิน รอดแพ้น็อคได้อย่างฉิวเฉียด ต้องไปรอลุ้นยกถัดๆไปต่อ [ซึ่งดูทรงแล้วคงมีอีก 5-6 ยกจนกว่าจะหมดเดือนมกราฯ โหงวเฮ้งลมวนขั้วโลกมันอยากแพ้น็อคเสียเหลือเกินสำหรับปีนี้]
อย่างไรก็ดี QBO- หรือลมชั้นสตราโตสเฟียร์แถวเส้นศูนยสูตรที่ไหลจากตะวันออกไปตะวันตก มักส่งผลให้ลมกรดกึ่งเขตร้อนโฉบลงต่ำกว่าปกติเมื่อเทียบกับแบบ QBO+ อย่างปีแล้ว ประกอบกับมหาสมุทรอินเดียฝั่งตะวันตกที่ค่อนข้างเย็น นี่จึงทำให้มีความเป็นไปได้ว่าลมกรดกึ่งเขตร้อนอาจโฉบต่ำและลากเอาความชื้นจากเมาะตะมะได้มากกว่าปีที่แล้ว และยังทำให้จุดโฟกัสของอากาศหนาวปีนี้มีสิทธิ์เบี่ยงมาทางภาคเหนือมากกว่าปีที่แล้วที่เป็น QBO+ ภาคเหนือน่าจะหนาวง่ายกว่าปีที่แล้วด้วยน่ะครับ รวมไปถึงต่อให้หากลมวนขั้วโลกแตก ลมตะวันตกก็น่าจะเทียวพาอากาศหนาวมาหาภาคเหนือได้ไม่ยากเย็นนักในปีนี้หากไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลง (ปัจจัยประหลาดอย่างผลของภูเขาไฟ Hunga Tonga เมื่อ 3 ปีที่แล้วน่าจะหมดลงเสียที”สภาวะโลกเดือด“น่าจะได้จากเราไปแล้ว)
สภาพทะเลที่เย็นลงค่อนมากจากจุดสูงสุด โดยอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกก็กำลังลดต่ำลงตามมาเช่นกัน สภาวะร้อนแบบบโลกเดือดกำลังจะจากเราไปแล้ว
***หากท่านใดสนใจเกี่ยวกับหัวข้อของ QBO สามารถอ่านได้จากลิงก์ด้านล่างนี้***
https://pantip.com/topic/43472247/comment23