ถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง เผยผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2568
กำไรลดลงมากกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนสาหร่ายปี 2567 ที่ราคาสูงสุดในรอบ 30 ปี
และภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นจากการสิ้นสุดสิทธิประโยชน์ BOI
นางสาวอรพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)
หรือ TKN เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ ทำรายได้จากการ
ขาย 1,291.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.5 และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 112.2 ล้านบาท ลดลง
ร้อยละ 16.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
แต่บริษัทฯ ยังคงเห็นสัญญาณบวกที่สำคัญ จากตลาดภายในประเทศที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้
จากการขายสูงถึง 587.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการทำ
กิจกรรมการตลาดที่สม่ำเสมอและเข้าถึงผู้บริโภค รวมถึงนำเสนอสินค้าใหม่ ๆ
ส่วนตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 704.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อน สาเหตุหลักจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัวในตลาดหลักอย่าง จีน สหรัฐอเมริกา และอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นสัญญานการฟื้นตัวในประเทศจีนมากขึ้น หลังบริษัทฯ มุ่งเน้นทำตลาดในช่องทางออนไลน์
เช่น Tmall และ Taobao มากขึ้น และจัดแคมเปญใหญ่กระตุ้นการบริโภค และนำแบรนด์แอมบาสเดอร์ซีและ
นุนิวมาโปรโมทในช่องทางออนไลน์
ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้จากการขาย 3,931.6 ล้านบาท
ลดลง ร้อยละ 7.3 และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 297.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 57.4 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนสาหร่ายปี 2567 ที่ราคาสูงที่สุดในรอบ 30 ปี และภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นจากการสิ้นสุดสิทธิประโยชน์ BOI
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3 กำไรขั้นต้นมีทิศทางดีขึ้นและพ้นจากจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากเริ่มทยอยใช้สาหร่ายฤดูกาล
ใหม่ที่มีราคาถูกกว่าปีก่อนร้อยละ 5-10 ควบคู่กับการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
ซึ่งจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรในไตรมาสถัดไปชัดเจน
"เถ้าแก่น้อย" กำไร 9 เดือนวูบ 57% ต้นทุนสาหร่ายพุ่งรอบ 30 ปี
กำไรลดลงมากกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนสาหร่ายปี 2567 ที่ราคาสูงสุดในรอบ 30 ปี
และภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นจากการสิ้นสุดสิทธิประโยชน์ BOI
นางสาวอรพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)
หรือ TKN เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ ทำรายได้จากการ
ขาย 1,291.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.5 และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 112.2 ล้านบาท ลดลง
ร้อยละ 16.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
แต่บริษัทฯ ยังคงเห็นสัญญาณบวกที่สำคัญ จากตลาดภายในประเทศที่เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้
จากการขายสูงถึง 587.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการทำ
กิจกรรมการตลาดที่สม่ำเสมอและเข้าถึงผู้บริโภค รวมถึงนำเสนอสินค้าใหม่ ๆ
ส่วนตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 704.6 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อน สาเหตุหลักจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัวในตลาดหลักอย่าง จีน สหรัฐอเมริกา และอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นสัญญานการฟื้นตัวในประเทศจีนมากขึ้น หลังบริษัทฯ มุ่งเน้นทำตลาดในช่องทางออนไลน์
เช่น Tmall และ Taobao มากขึ้น และจัดแคมเปญใหญ่กระตุ้นการบริโภค และนำแบรนด์แอมบาสเดอร์ซีและ
นุนิวมาโปรโมทในช่องทางออนไลน์
ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้จากการขาย 3,931.6 ล้านบาท
ลดลง ร้อยละ 7.3 และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 297.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 57.4 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนสาหร่ายปี 2567 ที่ราคาสูงที่สุดในรอบ 30 ปี และภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นจากการสิ้นสุดสิทธิประโยชน์ BOI
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3 กำไรขั้นต้นมีทิศทางดีขึ้นและพ้นจากจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากเริ่มทยอยใช้สาหร่ายฤดูกาล
ใหม่ที่มีราคาถูกกว่าปีก่อนร้อยละ 5-10 ควบคู่กับการบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
ซึ่งจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรในไตรมาสถัดไปชัดเจน