ข่าวดี้ดี 4.0 เอม-โอ๊ค เยี่ยมพ่อ เผยทักษิณ เสียใจ-เจ็บช้ำ อสส.ยื่นอุทธรณ์ คดี 112 พร้อมสู้คดีต่อ

กระทู้ข่าว
โอ๊ค เอม ติ๊ก ภรรยาของนายพานทองแท้ เยี่ยมทักษิณ หลังอัยการสูงสุด พลิกอุทธรณ์สั่งฟ้องคดี 112 เสียใจและรู้สึกเจ็บช้ำ ยอมรับครอบครัวไม่ได้รับความยุติธรรม ก็ต้องสู้ต่อ ทนายวิญญัติ ยืนยันเดินหน้าคัดสำเนาความเห็นคณะกรรมการกลั่นกรองคดีมาตรา 112
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ เรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นครั้งที่ 17 แล้ว สำหรับการเข้าเยี่ยม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีสมาชิกครอบครัวที่เป็นตัวแทนเดินทางมาเยี่ยมในครั้งนี้ นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายคนโตของนายทักษิณ น.ส.ณัฐฐิญา ปวงคำ ภรรยาของนายพานทองแท้ ซึ่งเดินทางมาเยี่ยมเป็นครั้งแรก และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม บุตรสาวคนกลาง การปรากฏตัวครั้งนี้ของภรรยานายพานทองแท้ ถือเป็นครั้งแรกที่เดินทางมายังเรือนจำกลางคลองเปรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้ง 3 คน ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ปรากฏความเครียด ความวิตกกังวลแต่อย่างใด


เมื่อขบวนรถของครอบครัวชินวัตรมาถึง นายพานทองแท้ น.ส.ณัฐฐิญา และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ได้ลงจากรถ ยกมือไหว้ทักทายสื่อมวลชนและมวลชน และมวลชนคนเสื้อแดงที่มารอต้อนรับและให้กำลังใจ ก่อนเดินเข้าไปด้านในเรือนจำฯ พร้อมกับนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวของนายทักษิณ เพื่อเตรียมเยี่ยมนายทักษิณ อย่างไรก็ดี มวลชนคนเสื้อแดงได้เตรียมป้ายไวนิลรูปภาพของนายทักษิณ ซึ่งมีไดอารี่หัวใจสีแดงหลายแผ่นพร้อมข้อความถ้อยคำร้อยเรียงความรัก ความศรัทธา กำลังใจของคนเสื้อแดงที่มีต่ออดีตนายกรัฐมนตรีผู้เป็นที่รัก และเตรียมมอบให้กับครอบครัวชินวัตรในช่วงขาออกจากเรือนจำฯ โดยยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์สืบมาชวนแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามการเข้าเยี่ยมนายทักษิณในวันนี้ทางครอบครัวชินวัตร ได้มีการเปลี่ยนกำหนดการครั้งแรก จากเดิมที่มักจะเข้าเยี่ยมในช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00-10.00 น. มาเป็นช่วง 13.00 น. นอกเหนือจากนี้ยังมีประเด็นล่าสุดที่เกิดขึ้นเนื่องจากนายอิทธิพร แก้วทิพย์ ได้ใช้อำนาจอัยการสูงสุด ให้สั่งฟ้องนายทักษิณ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เเละความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 2560 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อทีวีประเทศเกาหลีใต้ โดยมีเนื้อหากระทบสถาบัน ก่อนจะครบกรอบขยายเวลาอุทธรณ์ต่อศาลอาญาในวันที่ 21 พฤศจิกายนอีกด้วย
ต่อมาเวลา 13.35 น. น.ส.พินทองทา เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้เข้าเยี่ยมคุณพ่อด้านใน คุณพ่อดูเสียใจ และคุณพ่อก็เสียใจจริง ๆ ท่านรู้สึกเจ็บช้ำ ส่วนหลังจากนี้คุณพ่อจะมีวิธีการเตรียมสู้หรือชี้แจงอย่างไรนั้น ก็คงจะต้องมีการวางแผน ซึ่งก็ต้องสู้ เพราะถ้าเรายังไม่ได้รับความยุติธรรม เราก็ต้องสู้ต่อค่ะ แต่ว่าในจุดนี้เราก็ห่วงเรื่องของความรู้สึกคุณพ่อ เนื่องด้วยท่านก็อยู่ข้างในนี้ ไม่ได้มีใครอยู่กับท่านเลยค่ะ (น้ำเสียงสั่นเครือ) ก็พวกเราได้แต่ส่งกำลังใจ และอันนี้มันก็เพิ่งวันนี้เอง เราก็ยังโชคดีที่ได้เข้ามาเยี่ยมคุณพ่อ

เมื่อถามว่าเรื่องวันนี้มันเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจของครอบครัวอย่างมากใช่หรือไม่ เพราะคุณทักษิณเองก็ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว แต่อัยการสูงสุดกลับให้สั่งฟ้องนายทักษิณ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งปรากฏว่า น.ส.พินทองทา ได้ยิ้มเบา ๆ รับฟังคำถามผู้สื่อข่าว ก่อนเม้มปากหลายครั้ง กระพริบตาถี่ มีน้ำตาคลอ ไม่ได้ตอบคำถาม จนนายพานทองแท้ตอบผู้สื่อข่าวแทนว่า ก็เป็นเรื่องที่ทำให้จิตตกพอสมควร แต่ว่าเราก็ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กับครอบครัวเรา ก่อนที่ น.ส.พินทองทา นายพานทองแท้ และ น.ส.ณัฐฐิญา จะยกมือไหว้ขอบคุณสื่อมวลชน และยุติการให้สัมภาษณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ทั้งหมดจะขึ้นรถยนต์ส่วนบุคคลเดินทางกลับนั้น ได้มี นางผุสดี กลิ่นทอง หรืออาจารย์เป้า แดงสิงห์บุรี ได้เป็นตัวแทนมอบป้ายไวนิลรูปภาพของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งภายในมีไดอารี่หัวใจสีแดงหลายแผ่นพร้อมข้อความถ้อยคำร้อยเรียงความรัก ความศรัทธา กำลังใจของคนเสื้อแดงที่มีต่ออดีตนายกรัฐมนตรีผู้เป็นที่รัก มอบให้กับ น.ส.พินทองทา ได้เก็บเอาไว้ และกล่าวว่า “เราจะสู้ไปด้วยกัน เราจะสู้เพื่อท่าน“ โดย น.ส.พินทองพา ได้ยิ้มรับไวนิลพร้อมยกมือไหว้กล่าวขอบคุณ

ด้านนายวิญญัติ เปิดเผยว่า การเข้าเยี่ยมนายทักษิณในวันนี้ พบว่าท่านก็ได้กำลังใจดี ๆ จากลูก ๆ ของท่าน ซึ่งวันนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่นายพานทองแท้ ได้เข้าเยี่ยมพร้อมกับภรรยา ซึ่งก็ยิ่งสร้างกำลังใจให้กับท่าน รวมถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออิ๊งค์ และ น.ส.พินทอง ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม ได้เข้าเยี่ยมคุณทักษิณอยู่เรื่อย ๆ ก็เป็นกำลังใจที่ดีของท่าน พร้อมกับประชาชนที่ส่งกำลังใจให้ท่านตลอด ซึ่งท่านรับรู้ที่คนเสื้อแดงคอยจัดกิจกรรมด้านหน้าเรือนจำฯ ขอบคุณที่ยังนึกถึงท่าน และนึกถึงคุณูปการที่ท่านได้ทำเพื่อประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้ท่านเจ็บปวดเสียใจที่กระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจผ่านกระบวนการยุติธรรมหรืออำนาจใด ๆ ที่พยายามจะกลั่นแกล้งท่าน ตนขอใช้คำว่า ท่านเองก็ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่านมีความเสียใจจากสิ่งที่เกิดขึ้น
นายวิญญัติ เปิดเผยอีกว่า ส่วนกระบวนการต่อสู้หรือการยื่นอุทธรณ์หลังจากนี้นั้น ตนขอบอกว่าสู้แน่นอน เพราะท่านทักษิณเป็นนักสู้ และยิ่งท่านไม่ได้ผิดอะไร ไม่ได้เจตนาที่จะกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ท่านจะสู้ให้ถึงที่สุด เรื่องนี้ก็ขอให้สังเกตว่าอัยการสูงสุดที่มีความเห็นแย้งกับมติของคณะทำงานที่ท่านเองก็อ้างว่าไม่ใช่คณะทำงานที่มาดูแลหรือสั่งคดีนี้ หมายความว่า คณะทำงานที่เกิดขึ้นในสมัยอดีตอัยการสูงสุดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งตนได้ยินมาว่ามีมติ 7:2 หรือบ้างก็ 8:2 ที่มีความเห็นว่าไม่สมควรอุทธรณ์ แต่มตินั้นก็หายไป 1 มติ คือ เป็นประธานคณะทำงานหรือไม่ เพราะหลังจากนั้นก็มาดำรงตำแหน่งเป็นอัยการสูงสุดต่อหรือไม่ จึงเป็นเหตุที่ทำให้เห็นว่าควรจะพลิกฝืนจากมติเดิมหรือไม่ ทั้งนี้ มติจะเป็นอย่างไรก็ถือเป็นมติองค์กรของพวกท่าน ซึ่งเป็นองค์กรอัยการ แต่ตนในฐานะทนายความ ทำคดี สู้คดีมาทุกคดี ไม่มีคดีใดง่าย และเราสู้สุดทุกคดี เเละเนื้อหาในคดีนี้เราก็ยืนยันมาตลอดว่าท่านไม่มีเจตนาที่จะกล่าวถึงเบื้องสูง และถ้อยคำที่ชัดเจนก็บอกมาตั้งแต่ชั้นอัยการที่มีความเห็นในชุดแรก ๆ ว่าไม่เห็นสมควรอุทธรณ์ อีกทั้งศาลชั้นต้น (ศาลอาญารัชดาภิเษก) ก็ได้ยกฟ้อง มันก็ชัดเจนแล้วว่าไม่มีถ้อยคำใดที่จะกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์

นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นแผนสกัดไม่ให้คุณทักษิณ ได้ออกมาหรือไม่ เพราะคุณสมบัติของคุณทักษิณ เองก็มีอายุ 70 ปี และมีอาการเจ็บป่วย อาจเข้าโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษฯ แต่เมื่อมีคดีมาต่อเช่นนี้ อาจไม่ได้รับการพิจารณานั้น ตนมองว่า ข้อสังเกตของคุณชูวิทย์ก็เป็นข้อสังเกตหนึ่งที่ควรรับฟังในฐานะคนไทยที่เราฟังความเห็นของบุคคลต่าง ๆ อยู่แล้ว แต่ความเห็นของคุณชูวิทย์ ตนขออนุญาตไม่แสดงความเห็นใด ๆ แต่ถ้าหากเป็นเช่นคุณชูวิทย์ตั้งข้อสังเกตจริง ก็ขอให้ประชาชนคิดตามว่าการใช้อำนาจและการแทรกแซงต่าง ๆ รวมถึงอาจแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในชั้นอัยการหรือไม่นั้น มีจริงหรือไม่ เพราะในอดีตที่ผ่านมาพวกเราก็เรียนรู้กันได้ แต่ในฐานะทนายความ ยืนยันว่าท่านทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ ในอนาคตจะมีการพิจารณาร้องเอาผิดอัยการสูงสุดคนปัจจุบันในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่เราต้องดูในอนาคตว่าเป็นอย่างไร ร้องหรือไม่ร้องตนยังไม่ได้คิด ก็ต้องดูเนื้อหากันไป ท่านก็ใช้อำนาจของท่าน และอำนาจของอัยการสูงสุดในประเทศนี้ตนก็เห็นมาเยอะแล้วว่ามีอะไรพิสดารอยู่เรื่อย ๆ ทำให้นึกถึงคำว่าอภินิหารทางกฎหมาย เพราะก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว จะเกิดขึ้นในยุคนี้อีกครั้งก็ไม่รู้สึกแปลกใจแต่เสียใจ



**********************************************
คุณสมบัติของคุณทักษิณ เองก็มีอายุ 70 ปี และมีอาการเจ็บป่วย อาจเข้าโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษฯ แต่เมื่อมีคดีมาต่อเช่นนี้ อาจไม่ได้รับการพิจารณานั้น
*********************************************8

ขอมอบ เพลงนี้ให้ทั่นแม้ว นักโทษอันดับ หนึ่ง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่