JJNY : ปชน.จี้รัฐบาลแก้สารพิษในแม่น้ำให้ไว│พริษฐ์จี้ชะลอขยายทางด่วน│งัดความจริงโต้เขมร│“ฮุน เซน” ตั้งเป้าผลิตอาวุธส่งออก

ปชน.จี้รัฐบาลแก้สารพิษในแม่น้ำให้ไว แนะจัดงบเพิ่มความถี่ตรวจสอบ บี้เช็ก ‘ข้าว’ ปนเปื้อนหรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5460167
.
.
‘พรรคประชาชน’ จี้ ‘รัฐบาล’ สางปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก หลังพบสารพิษในแม่น้ำโขง-สาละวินแล้ว แนะจัดสรรงบเพิ่มความถี่ตรวจสอบน้ำ-ข้าว พร้อมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมพหุภาคี จีน-เมียนมา-ลาว หารือจัดการ ตรวจสอบห่วงโซ่การทำเหมือง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
.
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีสารพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบต่อสุขภาพของประชาชนซึ่งตอนนี้มีความรุนแรงเรื้อรังกว้างขวางขึ้น มีการค้นพบใน จ.เชียงราย จำนวน 18 หมู่บ้าน มีสารตะกั่วเกินมาตรฐานในน้ำประปา และอีก 4 หมู่บ้าน พบสารหนูเกินมาตราฐาน ในมุมของการเกษตรข้าวนาปีที่มีการใช้น้ำจากแหล่งน้ำเหล่านี้เริ่มมีการเก็บเกี่ยวแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่มีการตรวจว่าข้าวมีการปนเปื้อนหรือไม่ ส่วนมิติของการท่องเที่ยวที่มีความเกี่ยวข้องกับแม่น้ำ โดยเฉพาะแม่น้ำกกที่มีประเพณีเกี่ยวกับแม่น้ำมากมายนั้นต้องปิดตัวลงไปเพราะปัญหาดังกล่าว
.
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นเกือบ 1 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างครบถ้วน และมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ ล่าสุดปัญหาดัวกล่าวได้ลุกลามไปถึงแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาละวินที่เป็นปลายทางของแม่น้ำอีกหลายสายแล้ว ปัญหานี้เราไม่ได้ก่อ แต่ต้องรับกรรม เพราะคาดว่าต้นตอมาจากเหมืองแร่ในประเทศพื้นบ้าน
.
นายพริษฐ์กล่าวว่า พรรคประชาชนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกระดับการดำเนินการภายในประเทศในการแก้ไขผลกระทบต่อประชาชน โดยรัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อควบคุมความถี่ในการตรวจสอบสารพิษ รวมถึงจัดสรรงบประมาณในการตรวจข้าวที่ใช้แหล่งน้ำที่มีปัญหาในการทำการเกษตรว่ามีการปนเปื้อนหรือไม่ พร้อมทั้งจัดสรรแหล่งน้ำทดแทนให้กับประชาชนในพื้นที่ที่รับผลกระทบ และเปิดเผยข้อมูลสื่อสารประชาชนอย่างชัดเจนเพื่อให้ตระหนักถึงปัญหา เพื่อไม่ให้ตระหนกเพราะสามารถเข้าถึงข้อมูลจากทางภาครัฐ
.
นายพริษฐ์กล่าวว่า ในส่วนเวทีระหว่างประเทศต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอผ่านการเจรจาระดับนานาชาติ รัฐบาลควรเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในการประชุมพหุภาคีเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว อย่างน้อยต้องมีเมียนมาและลาว เนื่องจากเป็นประเทศต้นน้ำ รวมถึงจีนที่ปัจจุบันครองตลาดแร่ส่วนใหญ่ของโลก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อเสนอ หาข้อสรุปถึงมาตรการที่ต้องดำเนินการ รวมถึงการศึกษาร่วมกันว่าสามารถใช้กฎหมายของประเทศใดได้บ้างเพื่อแก้ปัญหามลพิษจากแหล่งกำเนิด
.
ในเมื่อปัจจุบันนายกฯอยู่ที่จีนแล้วควรเร่งหารือกับเพื่อนัดถกเจรจา โดยอ้างถึงกลไกความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม Lancang-Mekong Environmental Cooperation Center (LMEC) ที่จีนมีส่วนร่วมอยู่แล้ว พร้อมทั้งหารือกับรัฐบาลจีนในการออกกฎระเบียบบริหารจัดการและตรวจสอบห่วงโซ่การทำเหมืองเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
.
“หากรัฐบาลรักชาติจริงควรทำงานหนักและเร็วกว่านี้ในการปกป้องแม่น้ำและทรัพยากรธรรมชาติของชาติที่กำลังถูกคุกคามจากมลพิษที่ถูกปล่อยให้ไหลจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทย และส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของคนไทย” นายพริษฐ์กล่าว
.

.
พริษฐ์ ย้ำ 3 ข้อกังวล จี้รัฐบาลชะลอขยายทางด่วน Double Deck
https://www.matichon.co.th/politics/news_5460171
.
พริษฐ์ ย้ำ 3 ข้อกังวล เรียกร้อง ‘รัฐบาล’ ออกมายืนยัน ไม่ตัดสินใจเดินหน้าขยายสัมปทานให้กับเอกชนพ่วงโครงการ ‘Double Deck’ ชี้ หากยังเร่งรัดเดินหน้าต่อก่อนการเลือกตั้ง อาจเจอข้อครหา เป็นโอกาสที่พลาดไม่ได้ในการเก็บสะสมกระสุน เพื่อใช้ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
.
เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงสัมปทานทางด่วนข้ามทศวรรษ ที่พรรคประชาชน ย้ำมาเสมอว่า รัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่ขณะนี้ เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ เฉพาะกาล ตั้งแต่การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาล ตนก็ย้ำชัดในที่ประชุมสภาว่า แม้รัฐบาลจะอยู่สั้น แต่รัฐบาลจะต้องไม่ดําเนินการอะไรที่เสียหายระยะยาว
.
หนึ่งปัญหาที่เรามีความกังวล ว่ารัฐบาลจะเร่งดําเนินการ และสร้างความเสียหายให้กับคนไทยข้ามทศวรรษ คือเรื่องการขยายสัมปทานทางด่วนให้กับเอกชนไปอีก 20 กว่าปี จากเดิมที่จะต้องสิ้นสุดในปี 2578 มีความพยายามจะขยายไปถึง ปี 2601 ซึ่งอาจพ่วงมากับสิทธิ์ในการก่อสร้างโครงการทางด่วนชั้นที่สอง (Double Deck)
.
โดยเรามี 3 ข้อกังวลหลักเกี่ยวกับความพยายามในส่วนนี้ คือ 1. การขยายสัมปทานให้กับเอกชนเจ้าเดิม จะทําให้เราเสียโอกาสในการบริหารจัดการ หรือออกแบบมาตรการเรื่องทางด่วน ที่อาจตอบโจทย์ประชาชนได้มากกว่าเดิม เช่น หากรัฐบาลมีการเปิดสัมปทานใหม่อีกหนึ่งรอบ แทนที่จะไปจ่ายสัมปทานให้กับเจ้าเดิม ก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้เอกชนมาแข่งขันกัน ว่าจะมีข้อเสนออะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด หรือหากรัฐบาลต้องการคิดค้นทางเลือกทางนโยบายใหม่ อย่างการลดค่าทางด่วน แม้กระทั่งการให้ขึ้นทางด่วนฟรีในเวลากลางคืน เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน แต่ปัจจุบันจะยังทําไม่ได้หากยังถูกปิดล็อกกับสัญญาสัมปทานเดิม
.
2. การเดินหน้าโครงการ Double Deck  จะทําให้พี่น้องประชาชนคนไทย ต้องเสียภาษีไปกับโครงการที่ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะในมุมนึงเราเห็นว่ามูลค่าการลงทุนในโครงการนี้สูงถึง 34,800 ล้านบาท แต่ยังคงมีหลายฝ่ายออกมาทักท้วงว่า โครงการดังกล่าว อาจไม่สามารถแก้ไขปัญหารถติดบนทางด่วนได้จริง เนื่องจากไม่ได้เชื่อมโยงกับพื้นราบโดยตรง ซึ่งจะทําให้คอขวดนั้นดํารงอยู่อยู่ดี
.
และ 3. การปรับเงื่อนไขสัมปทานครั้งนี้ จะถูกตั้งคําถามเรื่องความไม่โปร่งใส และทําให้ประชาชนสูญเสียสิทธิ์ในการตัดสินใจ เราเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคือการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ปัจจุบันก็ยังไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดโครงการดังกล่าวให้สภาและประชาชนได้ตรวจสอบ ก่อนที่จะเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หาก ครม.อนุมัติไปแล้วก่อนมีการเปิดเผย หมายถึงประชาชนไม่มีโอกาสร่วมตัดสินใจหรือทักท้วง ก่อนที่ ครม.จะมีการเดินหน้าเลย
ยิ่งไปกว่านั้น เราเห็นว่า รัฐบาลเฉพาะกิจไม่ควรเร่งตัดสินใจเรื่องนี้ แต่ควรรอให้พรรคการเมืองต่างๆ ที่กําลังจะเข้าสู่สนามเลือกตั้งเสนอจุดยืนและนโยบายของตัวเอง ว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจผ่านคูหาเลือกตั้ง
.
ดังนั้น ตนขอย้ำถึงข้อเสนออีกครั้งว่า เราเรียกร้องให้รัฐบาลออกมายืนยันว่า จะไม่ตัดสินใจเดินหน้าขยายสัมปทานให้กับเอกชนพ่วงโครงการ Double Deck แต่จะปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดถัดไป หากรัฐบาลชุดนี้ยังคงเร่งรัดเดินหน้าเรื่องนี้ต่อก่อนการเลือกตั้ง ก็อาจจะเจอข้อครหาว่า สาเหตุที่รัฐบาลเร่งรีบนั้น ไม่ใช่ว่าโครงการนี้มีประโยชน์ต่อประชาชนมหาศาล จนไม่สามารถรอรัฐบาลชุดถัดไปมาตัดสินใจได้ แต่อาจเป็นเพราะว่าโครงการนี้ คือโอกาสที่พลาดไม่ได้ของรัฐบาลชุดนี้ ในการเก็บสะสมกระสุน เพื่อใช้ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
.

.
ทภ.2 งัดความจริงโต้เขมร หลังยก “เชลยฮีโร” กลับแนวหน้า พิษสุราเรื้อรัง-มีสุขภาพจิต ส่อละเมิดหลักมนุษยธรรมฯ
.
กองทัพภาคที่ 2 งัดความจริงโต้กลับกัมพูชา หลังยก “ซึม ซ็อมแอง” 1 ในเชลยที่สื่อกัมพูชายกย่องให้เป็นฮีโร ข้อเท็จจริง เจ้าตัวมีอาการพิษสุราเรื้อรัง เป็นบุคคลที่มีภาวะปัญหาสุขภาพจิต แต่กลับไปอยู่แนวหน้าอีกครั้ง ส่อเข้าข่ายการละเมิดหลักมนุษยธรรมฯ ย้ำ ก่อนไทยส่งตัวกลับได้ทำเอกสารสัญญาแล้วว่าจะไม่เข้าทำการรบอีก
.
ตามที่ปรากฏภาพข่าวของสำนักข่าว Fresh News Daily ว่า คุณยังจำฮีโรทหารของเราชื่อ "ซึม ซ็อมแอง" ได้หรือไม่???  เขาคือคนที่ถูกทหารไทยจับกุมและได้รับการปล่อยตัว และตอนนี้ได้ฟื้นตัวกลับมาอยู่แนวหน้าอีกครั้งแล้ว "นี่คือจิตวิญญาณความกล้าหาญที่แข็งแกร่งที่สุดของฮีโร่ทหารกัมพูชา ผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ภายใต้สถานการณ์ใดๆ "
.
ความจริง คือ... ร.ต.ซึม ซ็อมแอง  คือ เชลยศึกที่ถูกฝ่ายไทยเราควบคุมตัวไว้ในช่วงการสู้รบ ห้วงวันที่ 24 -28 กรกฎาคม 2568  ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนที่ทางการไทยจะปล่อยตัวกลับไปก่อน 2 ราย เนื่องจากอาการป่วยหนักและมีอาการทางระบบประสาท หรือ จิตเวช เราจึงได้ส่งตัวกลับไปเพื่อให้เข้ารับการรักษาต่อในประเทศกัมพูชา จึงมีเชลยศึกที่ถูกฝ่ายไทยควบคุมตัวเหลืออยู่ 18 ราย
.
ร.ต.ซึม ซ็อมแอง  เป็นบุคคลที่มีอาการพิษสุราเรื้อรัง และเสียสติจากความเครียดในระหว่างการทำการรบ โดยก่อนส่งตัวกลับ ร.ต.ซึม ซ็อมแอง ได้ทำเอกสารสัญญาว่า.....จะไม่เข้าทำการรบอีก ตามที่เขาลงนามเอาไว้ ระหว่างการถูกควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ฯของไทย ได้จัดหารองเท้าให้ใส่อยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ยอมใส่ จนฝ่ายกัมพูชามีการไปออกข่าวบิดเบือนว่าเรากลั่นแกล้งไม่ให้ใส่รองเท้าอีกด้วย
.
"การที่กัมพูชามีการนำบุคคลที่มีอาการทางจิตเวช เสียสติ หรือ สภาพจิตใจไม่ปกติมาเข้าทำการรบ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง....และการกระทำเยี่ยงนี้ยิ่งเป็นที่ย้ำชัดเลยว่า การปล่อยตัวเชลยศึกที่เหลืออีก 18 ราย ไม่สามารถกระทำได้จนกว่าความเป็นปรปักษ์จะสิ้นสุดต่อกัน"
.
หลักการสากลที่เกี่ยวข้อง
.
1. อดีตเชลยศึกไม่ควรถูกบังคับกลับเข้าสู่การรบโดยทันที หลังการปล่อยตัว ตามอนุสัญญาเจนีวา
.
2. บุคคลที่มีภาวะปัญหาสุขภาพจิตหรือสงสัยว่ามีอาการ PTSD ถือว่าเป็นผู้เปราะบาง (Vulnerable person)
.
3. การนำผู้ป่วยหรือผู้สงสัยว่าป่วยทางจิตเข้าสู่สนามรบโดยไม่ผ่านการรักษาและประเมินความพร้อม ถือเป็นการเสี่ยงต่อชีวิตและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
.
4. การใช้งานทหารหรือบุคคลในสภาพ ไม่พร้อมรบทางกายหรือทางจิตใจ อาจเข้าข่าย การละเมิดหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน
.
ตามมาตรฐานสากลด้านความมั่นคงและมนุษยธรรม การนำบุคคลที่มีภาวะผิดปกติทางจิตหรือสงสัยว่ามีอาการ PTSD กลับไปปฏิบัติการรบ โดยไม่ได้รับการรักษาและประเมินความพร้อมอย่างเป็นทางการ ถือเป็นแนวปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม และอาจเข้าข่ายไม่เป็นมนุษยธรรม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่