JJNY : ทูตไทยสวนเขมร│‘สุดารัตน์’ ห่วงชายแดนใต้เดือด│เชื่อ“คีมหนีบ”ทำให้กัมพูชาอยู่ไม่สุข│พบแถบ ‘สาหร่าย’ ยักษ์กลางทะเล

ทูตไทยสวนเขมร กล่าวหาไทยรุกรานกลางเวทีโลก ชี้เคยช่วยให้ที่พักพิง ไม่ควรถูกตอบแทนแบบนี้
.
.
ทูตไทยสวนเขมร! กล่าวหาไทยรุกรานชายแดนสระแก้ว กลางเวที UNHCR ExCom ชี้ไทยไม่ควรถูกตอบแทนแบบนี้เคยช่วยเขมรให้ที่พักพิงหนีภัยสงคราม
.
วันที่ 11 ต.ค.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ น.ส.ปรารถนา ดิษยทัต อัครราชทูต รองผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา ชี้แจงต่อถ้อยแถลงผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ในเวทีการประชุมคณะกรรมการบริหารของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR ExCom) สมัยที่ 76 ณ นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
.
หลังฝ่ายกัมพูชากล่าวหาไทยละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติและอนุสัญญาเจนีวา ซึ่งห้ามการย้ายถิ่นของพลเรือนโดยใช้กำลัง การทำลายทรัพย์สิน และการลงโทษหมู่ รวมทั้งกล่าวหาว่าไทยรุกล้ำทำให้ประชาชนต้องพลัดถิ่น ทำลายบ้านเรือนในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ทั้งที่อาศัยมาหลายชั่วอายุคน
.
ทั้งนี้ น.ส.ปรารถนา ได้กล่าวชี้แจง พร้อมความเสียใจอย่างยิ่งที่ประเทศไทยต้องใช้สิทธิ์ในการพูดเพื่อตอบต่อถ้อยแถลงของกัมพูชา ทั้งที่เวทีพหุภาคีเช่นนี้ไม่ควรถูกใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อกล่าวหาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
.
น.ส.ปรารถนา กล่าวว่า ประเทศไทยขอยืนยันว่าหมู่บ้านที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างถึงนั้นตั้งอยู่ในดินแดนของไทย จากการที่ไทยตัดสินใจเปิดพรมแดนเพื่อให้ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หลบหนีสงครามกลางเมืองในประเทศตัวเองเข้ามาพักพิงในไทย อันเป็นการตัดสินใจที่เกิดจากความเห็นอกเห็นใจและหลักมนุษยธรรม ซึ่งเป็นรากฐานของธรรมเนียมปฏิบัติด้านมนุษยธรรมอันยาวนานของไทย
.
หมู่บ้านเหล่านี้เริ่มแรกเป็นเพียงที่พักพิงชั่วคราวในช่วงปี 1980 (พ.ศ.2523) สำหรับชาวกัมพูชาที่หลบหนีการสู้รบผ่านการคัดกรองโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เพื่อรอการตั้งถิ่นฐานใหม่ในประเทศที่ 3
.
แต่หลังจากความขัดแย้งในกัมพูชาสิ้นสุดลงที่พักพิงชั่วคราวก็ปิดตัวลงแล้ว แต่กลับมีชาวกัมพูชาบางส่วนเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว และขยายการตั้งถิ่นฐานออกไปอีก แม้ประเทศไทยจะได้ประท้วงหลายครั้งต่อการรุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทย แต่รัฐบาลกัมพูชาไม่เคยตอบสนองหรือดำเนินการรับผิดชอบใดๆ ในทางกลับกันไม่นานมานี้ กองทัพกัมพูชาได้ระดมชาวกัมพูชา ทั้งเด็ก สตรี และพระภิกษุ เดินทางเข้ามาในพื้นที่ เพื่อยั่วยุประเทศไทย ซึ่งมีเจตนาเพื่อเพิ่มความตึงเครียด
.
นี่จึงเป็นการละเมิดอธิปไตยและกฎหมายภายในของประเทศไทยอย่างร้ายแรง และเป็นการละเมิดพันธกรณีภายใต้กรอบความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของกัมพูชาในการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและอนุสัญญาเจนีวาการกระทำของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของมนุษยธรรมและความเป็นมิตรที่ดีต่อเพื่อนบ้าน ไม่ควรถูกตอบแทนจากกัมพูชาในลักษณะเช่นนี้
.
ส่วนประเด็นที่เกี่ยวกับเชลยศึก ประเทศไทยขอย้ำว่า เชลยศึกจำนวน 18 คนถูกจับกุมได้ระหว่างการสู้รบที่กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ยืนยันว่าบุคคลเหล่านี้ได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยและมนุษยธรรมอย่างครบถ้วนตามกฎหมาย
.
ทั้งนี้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ได้เข้าเยี่ยมเชลยศึกเหล่านี้เป็นประจำ และอำนวยความสะดวกในการติดต่อกับครอบครัวของพวกเขา การคุมขังของพวกเขาไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกนำกลับไปเข้าร่วมการสู้รบอีก พวกเขาจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศเมื่อการสู้รบสิ้นสุดลง
.
อย่างไรก็ตามจนถึงปัจจุบัน กัมพูชายังคงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และพยายามทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องระหว่างประเทศ แทนที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่ได้ตกลงไว้
.

.
‘สุดารัตน์’ ห่วงชายแดนใต้เดือด จี้รัฐแก้ปัญหาเชิงรุก-ปรับแผนความมั่นคง เยียวยาผู้สูญเสียอย่างเท่าเทียม
.
“สุดารัตน์” ห่วงชายแดนใต้เดือด จี้รัฐต้องแก้ปัญหาเชิงรุก–เร่งปรับแผนความมั่นคงและเยียวยาผู้สูญเสียอย่างเท่าเทียม
.
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย(ทสท.) กล่าวว่า มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังคงเกิดเหตุความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปล้นและการก่อการร้าย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงสร้างความหวาดวิตกต่อขวัญและกำลังใจของผู้คนในพื้นที่
.
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า พรรคไทยสร้างไทยขอส่งกำลังใจไปยังพี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่ทหารทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ พร้อมย้ำว่าพรรคจะทำหน้าที่เป็นปากเสียงแทนประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อผลักดันให้รัฐบาลเร่งปรับแผนการรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์สถานการณ์จริงมากขึ้น
.
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลและฟื้นฟูความมั่นคงในพื้นที่ โดยเน้นการป้องกันเหตุรุนแรงไม่ให้เกิดซ้ำ พร้อมจัดระบบเยียวยาที่เป็นธรรมและทั่วถึงแก่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต้องเผชิญความสูญเสียจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่ยืดเยื้อมานาน
.
ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เมื่อไม่นานมานี้ คุณหญิงสุดารัตน์เสนอให้รัฐบาลพิจารณาปรับเพิ่มอัตราการเยียวยาความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ ให้เท่าเทียมกับกรณีการสูญเสียจากเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อสร้างความเป็นธรรมและขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่และผู้ได้รับผลกระทบ
.
คุณหญิงสุดารัตน์ย้ำว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องเปลี่ยนแนวทางการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้จากเชิงรับเป็นเชิงรุก เพื่อฟื้นฟูความสงบสุข ความมั่นคง และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในพื้นที่ว่าทุกชีวิตมีคุณค่าและได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมจากรัฐอย่างแท้จริง
.

.
อาจารย์รัฐศาสตร์ เชื่อ ยุทธศาสตร์ “คีมหนีบ” ของไทย ทำให้กัมพูชาอยู่ไม่สุขแน่นอน
.
“วันวิชิต”  ชี้ การใช้ยุทธศาสตร์ “คีมหนีบ” โดยใช้เศรษฐกิจเป็นเครื่องมือกดดัน และการทูตเชิงรุกมากขึ้น ทำให้กัมพูชาอยู่ไม่สุขแน่นอน บีบให้ต้องปฏิบัติตามข้อตกลง 4 ข้อ ย้ำทหารต้องรักษาจุดได้เปรียบ พยายามรักษาการเจรจาแบบสองฝ่าย
.
วันนี้ (11 ต.ค.68) ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย–กัมพูชาในช่วงนี้ว่า ไทยกำลังพยายามใช้เกมทางการทูต ซึ่งเคยเป็นจุดอ่อนในรัฐบาลก่อน ให้กลับมาเป็นจุดแข็งในรัฐบาลนี้ เพื่อสื่อสารกับกัมพูชาและประชาคมโลกถึงจุดยืนของไทย ว่าจริง ๆ แล้วไทยไม่ได้ปิดใจในการเจรจา ตรงกันข้าม ไทยเคารพในเงื่อนไข และกัมพูชาก็ต้องกลับมาอยู่ในเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศต่างยึดแนวทางนี้อย่างชัดเจน เป็นจุดยืนที่แข็งกร้าวและมีเหตุผล ล่าสุดชาติมหาอำนาจก็รับทราบท่าทีของไทยแล้ว
.
ถือเป็นการใช้การทูตเพื่อเพิ่มแต้มต่อทางการเมืองระหว่างประเทศ หลังจากที่ไทยตั้งรับมานาน โดยเฉพาะการที่กองทัพ    ภาคที่ 1 ใช้ยุทธวิธีแบบเดียวกับที่กัมพูชาเคยใช้ในอดีต คือเมื่อจะดำเนินการใด ๆ มักมีคณะผู้สังเกตการณ์หรือกิจกรรมร่วมทางสังคมมาประกอบด้วย เช่น การที่ทหารไทยนำทีมเก็บกู้วัตถุระเบิดในพื้นที่ชายแดน พร้อมแจ้งเตือนกัมพูชาล่วงหน้าผ่านสื่อมวลชน แสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในการดำเนินงาน
.
ขณะเดียวกัน ไทยยังได้ยื่นแผนขอให้กัมพูชาพาพลเรือนของตนที่ลักลอบเข้ามาอาศัยในบ้านหนองจาน ซึ่งเป็นพื้นที่ของไทย ออกจากพื้นที่ ถือเป็นการเดินเกมเชิงสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยกำลังขยับหมากทางการทูตอย่างเป็นระบบ
.
ผศ.ดร.วันวิชิต ระบุว่า รัฐบาลไทยเป็นผู้ให้ไฟเขียวกับกองทัพในการดำเนินการตามแผนดังกล่าว โดยอยู่ในกรอบของหลักการสากล และย้ำว่า “ไทยต้องไม่ทำตัวเป็นรัฐอันธพาล แต่สามารถดำเนินการอย่างมั่นคงและชอบธรรมได้” ไทยกำลังใช้ยุทธศาสตร์ “คีมหนีบ” โดยใช้เศรษฐกิจเป็นเครื่องมือกดดัน ไม่เปิดช่องทางการค้าชายแดนเพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็ใช้เทคนิคการทูตเชิงรุกมากขึ้น เพื่อบังคับให้กัมพูชากลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงทั้ง 4 ข้อที่นายกรัฐมนตรีไทยเสนอไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้ไทยไม่ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับอีกต่อไป แต่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ของประเทศในสายตานานาชาติได้อย่างสมดุล
.
หลายคนอาจมองว่าเราหน่อมแน้ม แต่ทางกัมพูชา อยู่ไม่สุขแน่นอน การที่มีประชาชนกัมพูชาทะลักล้นเข้ามาในไทย สะท้อนว่าเศรษฐกิจกัมพูชาไม่สามารถรองรับประชาชนของตนเองได้ และแท้จริงแล้ว กัมพูชายังต้องพึ่งพาไทยอย่างมาก นี่คือเกมกดดัน ทางผู้นำกัมพูชาอาจต้องการใช้ไทยปลุกกระแสรักชาติในประเทศ แต่ประชาชนของเขาเริ่มไม่เอาด้วยแล้ว เราจึงเห็นความร้อนรนของผู้นำกัมพูชาปรากฏให้เห็นมาตลอด
.
จากนี้ ไทยเพียงต้องรักษาจุดได้เปรียบเหล่านี้ไว้ และพยายามรักษาการเจรจาแบบสองฝ่ายเอาไว้ เพราะหากนานาชาติเข้ามาร่วมวง จะเข้าเหลี่ยมกัมพูชาทันที เนื่องจากเป็นประเทศเล็กกว่า มักจะได้รับความเห็นใจมากกว่า จะเห็นว่าในแนวปะทะหลายพื้นที่ กัมพูชาจัดเด็ก สตรี และคนชรามาอยู่แนวหน้า หากฝ่ายไทยใจร้อนจนเกิดภาพการทุบตีขึ้น จะกลายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเป็นภาพลบในสายตานานาชาติ ซึ่งสุดท้ายจะเป็นการเปิดช่องให้ชาติอื่นเข้ามาร่วมวงความขัดแย้งไทย–กัมพูชาได้ แบบนั้นไทยจะเสียเปรียบ และนี่คือสิ่งที่ไทยต้องหลีกเลี่ยง ซึ่งตอนนี้ไทยก็กำลังทำได้ดีอยู่แล้ว ตอนนี้ เราต้องบีบกัมพูชา ให้มายอมรับเงื่อนไขเรา ซึ่งคิดว่า เราได้เห็นความสำเร็จแน่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่