JJNY : "ประชาคมแพทย์"ซัด"กัมพูชา"│เจ้าของปั๊มน้ำมันสุดชํ้า│น้ำท่วมอยุธยา จมน้ำเสียชีวิตแล้ว 20│สื่อปูด มะกันถกลับรัสเซีย

"ประชาคมแพทย์" ซัด "กัมพูชา" นำผู้ป่วยจิตเวชกลับเข้าสู่สนามรบ
.

.
"ประชาคมแพทย์" ซัด "กัมพูชา" นำผู้ป่วยจิตเวชกลับเข้าสู่สนามรบ ชี้ขัดต่ออนุสัญญาเจนีวา
.
จากกรณีกัมพูชานำอดีตเชลยศึกที่มีอาการทางจิตเวช กลับสู่สนามรบ ล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก ประชาคมแพทย์ แสดงความเห็นถึงประเด็นดังกล่าวว่า นี่ไม่ใช่เพียงการละเมิดข้อตกลง แต่เป็นการทำร้ายมนุษย์ที่มีความเปราะบางทางจิตใจอย่างร้ายแรงที่สุด
.
กรณีที่เพจ SMART Soldiers Strong ARMY รายงานว่า ซึม ซ็อมแอง เชลยศึกกัมพูชาซึ่งทางไทยช่วยชีวิต ดูแลรักษาและปล่อยตัวกลับไปตามหลักมนุษยธรรมเมื่อปี 2568 กลับไปปรากฏตัวในบังเกอร์พร้อมอาวุธในแนวรบอีกครั้ง ทั้งที่ได้ลงนาม Parole ยืนยันว่าจะไม่กลับเข้าสู่การรบ  

โดยระบุว่า
.
สิ่งนี้ ไม่ใช่เพียงการผิดข้อตกลง แต่เป็นปัญหามนุษยธรรม และจริยธรรมทางการแพทย์–สิทธิมนุษยชนที่รุนแรงมาก 
.
บุคคลรายนี้เป็นหนึ่งในเชลยผู้ที่ไทยส่งตัวกลับกัมพูชาเพราะมีอาการป่วยหนัก และมีอาการทางระบบประสาทหรือจิตเวช แต่กลับถูกนำไปใช้ในแนวรบ และถูกสื่อบางสำนักยกย่องเป็นวีรบุรุษทั้งที่ การนำผู้ป่วยจิตเวชกลับเข้าสู่สงคราม ถือเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมสากล อย่างโจ่งแจ้ง และขัดต่อ อนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3 ข้อ 21 – 22 ซึ่งกัมพูชาเป็นภาคีร่วมกับไทยด้วย
.
โดย ระบุว่า อดีตเชลยศึกต้องไม่ถูกบังคับกลับไปสู่การสู้รบทันที ต้องได้รับการคุ้มครองจากเหตุการณ์ที่เป็นภัยต่อชีวิต—รวมถึงสภาพจิตใจที่ไม่พร้อม การกลับไปปรากฏตัวพร้อมอาวุธหลังลงนาม เป็นหลักฐานว่าข้อตกลงไม่ถูกเคารพ
.
สำหรับหลักการทางการแพทย์และมนุษยธรรม จะถือว่า ผู้ป่วยจิตเวช คือ ผู้เปราะบาง ตามมาตรฐานสากล ทั้งผู้ป่วยที่มีภาวะความผิดปกติทางจิต PTSD ความผิดปกติทางระบบประสาท ล้วนเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการรักษา ประเมินซ้ำและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่ถูกส่งกลับเข้าสู่สถานการณ์คุกคามชีวิตเช่นนี้ ซึ่งเป็นการทำร้ายมนุษย์ที่ไร้ความสามารถในการตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล การส่งผู้ป่วยเข้าสนามรบครั้งนี้ จึงไม่แตกต่างกับการผลักให้เขาไปสู่สนามมรณะโดยแท้จริง
.
ประชาคมแพทย์ขอชี้อย่างหนักแน่นว่า การกระทำลักษณะนี้ เป็นความรุนแรงทางสิทธิมนุษยชน ในฐานะคนทำงานด้านแพทย์ เรารับไม่ได้กับการที่ผู้ป่วยถูกใช้เป็นอาวุธ แทนที่จะได้รับการรักษาจึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ตรวจสอบอย่างเป็นทางการ รวมถึงประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อยืนยันสถานะทางการแพทย์ของบุคคลดังกล่าว และประเมินการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้น และดำเนินการประท้วงอย่างจริงจัง
.
และขอให้คณะกรรมการกาชาดสากล (ICRC) ส่งทีมตรวจสอบภาคสนามโดยเฉพาะเรื่อง สภาพของอดีตเชลยศึก การละเมิด Geneva Convention การใช้ผู้ป่วยจิตเวชในกองกำลังรวมถึง ขอให้ UNHRC และ OHCHR ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเป็น precedent อันตราย ที่อาจเกิดซ้ำและเปิดช่องให้มีการ “ใช้ผู้ป่วยเป็นทรัพยากรสงคราม
.
ขอให้รัฐบาลกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบ และปฏิบัติตามพันธกรณี Geneva Conventionโดยเฉพาะหลักการคุ้มครองผู้ที่เปราะบางทางจิตใจและอดีตเชลยศึก ขอให้สื่อมวลชนทั้งสองประเทศรายงานบนพื้นฐานข้อเท็จจริง ไม่สร้างภาพฮีโร่บนความเจ็บป่วยของมนุษย์ เป็นการทำร้ายเขาซ้ำสอง
.
https://www.facebook.com/medical.civil.society/posts/pfbid025Druz7vnYRX9RcnpYDYgFhGJpmCawcCgpmxFiSEX2u89WzTR7Zu22Vgj67CpZM8dl
.

.
เจ้าของปั๊มน้ำมัน ‘ปตท.บ้านผือ’ สุดชํ้า ผ่านเกือบ 4 เดือนไร้เยียวยาจากภาครัฐ
https://www.dailynews.co.th/news/5315621/
.
เจ้าของปั๊มน้ำมัน "ปตท.บ้านผือ" จังหวัดศรีสะเกษ เสียหายหนักจากเหตุจรวด BM-21 ของเขมร กู้เงินสร้างใหม่แต่ลูกค้าลดฮวบ รอรัฐเยียวยาเกือบ 4 เดือน ยังไร้ความชัดเจน
.
เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านผือ ตำบลเมือง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุยิงปะทะของทหารกัมพูชา โดยลูกปืนใหญ่ได้ตกลงกลางร้านสะดวกซื้อภายในปั๊มเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 68 สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงจนต้องรื้อถอนอาคารทั้งหมด และก่อสร้างใหม่ด้วยเงินกู้จากธนาคาร เนื่องจากยังไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ จากภาครัฐ เหตุการณ์ครั้งนั้นก่อให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ มีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 ราย เป็นลูกค้าของร้านสะดวกซื้อ รวมทั้งผู้ปกครองและเด็กนักเรียนที่กำลังเข้ามาซื้อของเพื่อเตรียมไปโรงเรียน ความสูญเสียครั้งนี้ ยังคงสร้างบาดแผลให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและชาวบ้านในพื้นที่จนถึงปัจจุบัน
ซึ่งซากอาคารร้านสะดวกซื้อและส่วนของปั๊มน้ำมันที่ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด เจ้าของปั๊มยังคงเก็บรวบรวมไว้เป็นจุดๆ ในพื้นที่ด้านหลัง โดยยังไม่สามารถนำไปทำลายได้ เพราะต้องรอให้ภาครัฐลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ความเสียหาย หากมีการทำลายซากไปก่อน อาจกระทบต่อการประเมินวงเงินช่วยเหลือและสิทธิชดเชยที่ควรจะได้รับในอนาคต
.
เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกจัดว่าเป็น “เคสแรกของประเทศไทยที่ความเสียหายเกิดจากภัยทางอากาศในพื้นที่พลเรือน” ทำให้ยังไม่มีกฎหมายหรือระเบียบชัดเจนรองรับการช่วยเหลือหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ทำให้ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งผู้ประกอบการและชุมชนที่ได้รับผลกระทบต้องรอความคืบหน้าจากรัฐบาลโดยไม่มีคำตอบใด ๆ เช่นเดียวกับกรณีของ รพ.สต.ซำเม็ง ที่ถูกระเบิดจากเหตุปะทะเช่นกัน แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าหน่วยงานใดจะรับผิดชอบและจะมีการเยียวยาอย่างไร

นางกมนรัตน์ พลเศรษฐเลิศ เจ้าของปั๊มน้ำมัน ปตท. และร้านสะดวกซื้อ กล่าวว่า หลังจากรื้อร้านเดิมที่พังเสียหายทั้งหมด ก็ได้กู้เงินมาสร้างร้านใหม่ และเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 68 ที่ผ่านมา โดยมีลูกค้าทยอยกลับมาใช้บริการ แต่บรรยากาศยังไม่คึกคักเหมือนเดิม “ตอนนี้ยังไม่มีคอมเพลนในแง่ร้ายจากลูกค้าเลยค่ะ มีแต่ให้กำลังใจ ส่วนตัวเราก็พยายามสู้ เปิดร้านใหม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อให้บริการคนในพื้นที่” ซึ่งหลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนเมื่อไม่นานนี้ บรรยากาศกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง ทำให้ลูกค้าลดลงอย่างเห็นได้ชัด หลายครอบครัวที่ทำนาอยู่แนวชายแดนบางส่วน ต่างพากันรีบเกี่ยวข้าวออกจากพื้นที่ เพราะกังวลว่าอาจเกิดเหตุยิงปะทะซ้ำ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อร้านสะดวกซื้อและธุรกิจในชุมชนโดยตรง

นางกมนรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันยังไม่ได้รับเงินเยียวยาหรือชดเชยจากภาครัฐแม้แต่บาทเดียว ทั้งที่มีความเสียหายด้านโครงสร้าง พื้นที่ประกอบการ และการสูญเสียลูกค้าอย่างหนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ความช่วยเหลือที่ได้รับมีเพียง บริษัท ทิพยประกันภัย ที่จ่ายเงินช่วยเหลือแบบ “สินไหมกรุณา กรณีพิเศษ” และการช่วยสนับสนุนจาก ปตท. และซีพี ซึ่งดูแลในส่วนของธุรกิจเครือข่าย

แต่ในส่วนของรัฐบาล ยังไม่มีการลงพื้นที่ชี้แจงหรือให้รายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับขั้นตอนการเยียวยา แม้เหตุการณ์นี้จะถูกระบุว่าเป็นกรณีแรกของประเทศที่ต้องวางหลักเกณฑ์การชดเชยใหม่ทั้งหมดก็ตาม เข้าใจว่า เราเป็นเอกชนที่เสียภาษีให้รัฐบาลตลอด ถ้ามีเหตุการณ์ร้ายแรงแบบนี้ รัฐควรดูแลให้ชัดเจน ให้รวดเร็ว ไม่ใช่ปล่อยให้เรารอโดยไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ เท่าไหร่ หรือจะได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ แม้แต่ รพ.สต.ซำเม็ง ก็ยังไม่มีความชัดเจนเหมือนกัน
.
ทั้งนี้ สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนศรีสะเกษ ยังมีความตึงเครียดเป็นระยะ ขณะที่ผู้ประกอบการและประชาชนต่างจับตาว่าภาครัฐจะวางมาตรการเยียวยาอย่างไรต่อเหตุการณ์ความเสียหายจากภัยทางอากาศครั้งแรกของประเทศ ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อชีวิต ความเป็นอยู่ และเศรษฐกิจของชุมชนจนถึงวันนี้.
.

.
น้ำท่วมอยุธยา คนจมน้ำเสียชีวิตแล้ว 20 ราย ‘ท่าดินแดง’ จมทั้งตำบล กระทบกว่า 600 หลัง
https://www.matichon.co.th/region/news_5463561
.
น้ำท่วมอยุธยา คนจมน้ำเสียชีวิตแล้ว 20 ราย ‘ท่าดินแดง’ วิกฤต น้ำท่วมทั้งตำบล
.
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ทยอยปรับลดการระบายน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อน ล่าสุดอยู่ในอัตรา 2,688 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และคลองสาขาต่างๆ เริ่มลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงท่วมสูงในหลายชุมชน
.
สำนักงานป้องกันภัยและบรรเทาสาธารณภัย จ.พระนครศรีอยุธยา รายงานสรุปพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จำนวน 11 อำเภอ 136 ตำบล 899 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 63,176 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 20 ราย โรงเรียนถูกน้ำท่วม 33 แห่ง ต้องปิดการเรียนการสอน สอนในระบบออนไลน์แทน วัดถูกน้ำท่วม 38 วัด มัสยิด 2 แห่ง สถานที่ราชการ 8 แห่ง
.
ที่ชุมชม ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ติดกับแม่น้ำน้อยและคลองสาขา รับน้ำมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา ถูกน้ำท่วมทั้งหมด 8 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 600 ครัวเรือน บ้านเรือนส่วนใหญ่ถูกน้ำท่วม 3-4 เมตร บ้านบางหลังน้ำท่วมครึ่งหลัง ถึงขอบหน้าต่าง ต้องงัดพื้นบ้านหนุนพื้นบ้านอาศัย หลับนอน ประกอบอาหารอยู่ภายในบ้าน
.
ส่วนใหญ่ยังคงพักอาศัยอยู่ภายในบ้าน และผู้สูงอายุที่ยังคงใช้ชีวิตท่ามกลางน้ำท่วมสูง หลายคนไม่อยากทิ้งบ้าน ไม่อยากทิ้งทรัพย์สินที่สร้างมาทั้งชีวิต ปักหลักอยู่ในบ้านแม้จะลำบากและอยู่กับน้ำท่วมมาอย่างยาวนาน
.
ส่วนการเดินทางเข้าออกจากบ้าน ชาวบ้านต้องพายเรือฝ่ากระแสน้ำและลมที่กระโชกแรงในช่วงฤดูหนาว ไปที่ถนนสายหลักเสนา-ผักไห่ ที่ยังสามารถสัญจรไปมาได้ เพื่อไปประกอบอาชีพทำงานโรงงานอุตสาหกรรม และออกไปหาซื้ออาหาร
.
โดยในชุมชนมีพื้นที่ของสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลท่าดินแดงที่ป้องกันไม่ให้น้ำท่วม เพื่อใช้เป็นศูนย์กระจายความช่วยเหลือ ทั้งนี้ พื้นที่ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ ยังอยู่ในถานการณ์วิกฤต น้ำท่วมเต็มพื้นที่ สภาพบ้านเรือนชุมชนอยู่กลางทะเล
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่