จปฏิ​บัติ​ธรรม​แบบไหน​ก็​ช่างเถอะ​ ขอให้​มีสติ

"พระพุทธองค์ท่านสอนว่า...
ให้มี สติ...อยู่เสมอ
จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน จะอยู่ที่ไหน
ก็ช่างเถอะ ให้มีสติ...ประคองอยู่เสมอ

เมื่อเรามีสติ...เราก็เห็นตัวของเรา
เห็นใจของเรา แล้วก็เห็นกายในกายของเรา
เห็นใจ ในใจของเราทุกอย่าง

ถ้าไม่มีสติ...เราก็ไม่รู้เรื่อง
อะไรมาตกอยู่หน้าบ้าน ตกอยู่ในกุฏิ
เราก็ไม่เห็น เพราะ...เราไม่มีสติ  
การมีสตินี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญ

สติ...คือความระลึกได้  
สัมปชัญญะ ความรู้อยู่ตัวรู้
ก็คือ...ตัวพุทโธ  
ตัวพระพุทธเจ้า นั่นแหละ!
พอมีสติสัมปชัญญะ รู้อยู่...
ปัญญา ก็วิ่งตามมาเท่านั้น
รู้เรื่องต่าง ๆ...
ตา เห็นรูป  สิ่งนี้ควรไหม ไม่ควรไหม ?
หู ฟังเสียง  สิ่งนี้ควรไหม ไม่ควรไหม ?
มันเป็นโทษไหม มันผิดไหม ?
มันถูกต้องเป็นธรรมะไหม?สารพัดอย่างดังนี้

ฉะนั้น ท่านจึงให้มีสติ...
ถ้ามีสติแล้ว...มันจะเห็นกำลังใจของตน
เห็นจิต...ของตน
ความรู้สึก-นึกคิดของตัวเองเป็นอย่างไร
ก็ต้องรู้  

ตัวรู้ นั่นแหละเรียกว่า...
พุทโธ หรือพระพุทธเจ้า
ผู้รู้...รู้ถึงที่มันแล้ว ก็รู้...แจ้งแทงตลอด
เมื่อมันรอบรู้อยู่เช่นนี้...
ก็ประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้องดี เท่านั้น
ไม่ใช่...อื่นไกล

ฉะนั้น ผู้ที่มีสตินั้น...
ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า อยู่ตลอดเวลา  จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน มันมีอยู่ทุกเวลา

เพราะอะไร ?
เพราะ...เรามีสติ  มีความรู้."
------------------------------------------------------------------
หลวงพ่อชา  สุภัทโท  วัดหนองป่าพง.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่