8 วิธีรับมือกับ Toxic Workplace สภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษ !

มาดู 8 วิธีรับมือกับ Toxic Workplace กันครับ
กท.ก่อนหน้า
10 สัญญาณ Toxic Workplace
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อออฟฟิศไม่ใช่ Safe Zone แต่เป็นแหล่งเพาะพิษร้ายที่บั่นทอนจิตใจของเรา[img]https://static.xx.fbcdn.net/images/emoji.php/v9/t30/1/16/1f635.png[/img] ทุกวันที่ไปทำงาน เราต้องเจอกับบรรยากาศแย่ ๆ ที่ทำให้รู้สึกไม่ดี เช่น เพื่อนร่วมงานชอบซุบซิบนินทา หรือหัวหน้างานชอบใช้อำนาจในทางที่ผิด เราก็ต้องสวมเกราะแล้วหาทางปกป้องตัวเอง JobThai มี 8 วิธีรับมือกับ Toxic Workplace หรือสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษมาฝาก

1. มองข้าม อย่าเก็บเอามาใส่ใจ
ถ้าเราต้องทำงานอยู่ในบรรยากาศที่ Toxic แต่ไม่ได้ร้ายแรงจนเกินไป เช่น เพื่อนร่วมงานแอบนินทากันบ้างเล็กน้อย หรือหัวหน้างานทำตัวไร้เหตุผลบ้างในบางครั้ง พฤติกรรม Toxic ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยจนกระทบกับการทำงาน เราก็อาจเลือกที่จะมองข้ามพฤติกรรมเหล่านี้ คิดเสียว่าไม่มีออฟฟิศไหนที่เพอร์เฟกต์ไปหมดทุกอย่าง เราควรโฟกัสไปที่จุดที่ทำให้เรามีความสุขและมองข้ามความ Toxic ไป อย่าเก็บเอามาใส่ใจให้รู้สึกแย่

2.ผูกมิตรกับเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้
ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ส่งผลร้ายต่อจิตใจ การมีเพื่อนร่วมงานที่เราสามารถแชร์และระบายเรื่องราวให้ฟังได้โดยไม่ต้องกลัวว่าเขาจะเอาไปเล่าให้คนอื่นฟังลับหลัง หรือแอบตัดสินเราในใจก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เราไม่ต้องรู้สึกว่าเราอยู่ตัวคนเดียวในออฟฟิศ เรายังมีเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้าง รับฟัง รวมถึงอาจกำลังเผชิญอยู่ในสถานการณ์ Toxic Workplace เช่นเดียวกันกับเรา

3. หาวิธีผ่อนคลายนอกที่ทำงาน
ถ้าบริษัทไม่ใช่สถานที่ที่ให้ความสุขกับเราได้ เราก็ต้องมองหาความสุขจากที่อื่นแทน โดยเมื่อเลิกงาน เราก็ต้องทิ้งความ Toxic ไว้ที่ออฟฟิศ หยุดคิดถึงเหตุการณ์แย่ ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ปล่อยให้พฤติกรรมแย่ ๆ ของคนในออฟฟิศมากวนใจ และหากิจกรรมสนุก ๆ อย่างอื่นทำเพื่อเติมกำลังใจให้ตัวเอง เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ดูหนังหรือซีรีส์ จะได้มีพลังกลับไปสู้กับ Toxic Workplace ใหม่อีกครั้ง

4. ขีดเส้นชัดเจน แสดงให้รู้ว่ายอมได้แค่นี้
ถ้าพฤติกรรมของคนในออฟฟิศทำให้เราไม่สบายใจ เช่น โดนตามงานตลอดหลังเลิกงานหรือในวันหยุด เราก็ต้องหาทางแสดงออกให้เขารับรู้ว่าเราไม่โอเคกับสิ่งนี้ ขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจนว่าเรายอมได้ถึงจุดไหน เช่น เราอาจเลือกไม่อ่านข้อความหรือไม่รับสายโทรศัพท์ที่โทรมาหลังเลิกงาน แล้วตอบรับหรือติดต่อกลับไปใหม่อีกครั้งในเวลาทำการของออฟฟิศ ถ้าเขาเป็นคนประเภทไม่เซ้าซี้หรือเข้าใจการขีดเส้นแบ่ง เขาก็จะออกห่างจากเราไปเอง

5. เผชิญหน้าและปรับความเข้าใจกันตรง ๆ
หากสถานการณ์ Toxic Workplace รุนแรงในระดับที่เริ่มรบกวนการทำงานและบั่นทอนจิตใจของเรามากขึ้น และเราหาทางปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น เพื่อนร่วมงานชอบพูดเสียดสีอย่างไม่ให้เกียรติ ลามไปจนไม่ยอมให้ความร่วมมือในการทำงาน เราก็อาจต้องเผชิญหน้าและพูดคุยปรับความเข้าใจกับเขาตรง ๆ เพื่อหาทางออก ว่าทำไมเขาถึงแสดงพฤติกรรมแบบนี้ ไม่พอใจอะไรในตัวเรา มีอะไรที่เราและเขาสามารถตกลงกันและช่วยกันแก้ไขได้ไหม จะได้กลับมาทำงานในบริษัทกันได้อย่างสงบ ไม่กระทบกับการทำงาน

6. ขอความช่วยเหลือจากหัวหน้างานหรือ HR
ในกรณีที่ตัวเราเพียงลำพังไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริง ๆ ก็จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น โดยเราต้องประเมินดูว่าสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้นเป็นแบบไหน เพื่อดูว่าควรขอความช่วยเหลือจากใคร เช่น เพื่อนร่วมงานชอบพูดจาไม่ดีใส่เรา พยายามปรับความเข้าใจกันเองแล้วแต่ไม่เป็นผล เราอาจนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับหัวหน้างานเพื่อขอให้เขาช่วยหาวิธีจัดการให้ แต่ในกรณีที่หัวหน้างานของเรามีทัศนคติที่ไม่เป็นกลาง ไม่รับฟัง หรือหัวหน้าคือปัจจัยที่ทำให้เกิด Toxic Workplace เสียเอง เช่น ชอบใช้อำนาจข่มลูกน้องในที่ทำงาน เราอาจลองยกเรื่องนี้ไปปรึกษาและขอความช่วยเหลือจากทาง HR แทน

7. ทำเรื่องขอย้ายแผนก
ในกรณีที่สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษนั้นจำกัดวงอยู่แค่ภายในแผนกของเรา และเรายังมีความจำเป็นที่จะต้องทำงานที่บริษัทนี้ หรือยังรู้สึกโอเคกับองค์กรในมุมอื่น ๆ อยู่ เราอาจลองดูว่าเรามีทักษะในด้านอื่น ๆ ไหม สามารถโยกตำแหน่งไปทำงานในแผนกอื่นได้หรือเปล่า และลองพูดคุยกับ HR ดูว่าเป็นไปได้ไหมถ้าเราจะขอย้ายแผนก ทั้งนี้อย่าลืมพิจารณาถึง Career Path ของตัวเองด้วยว่าการย้ายแผนกหรือเปลี่ยนตำแหน่งงานนั้นมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ยังตอบโจทย์เส้นทางการทำงานของตัวเองอยู่หรือเปล่า

8. ลาออก
หากลองพยายามทุกวิถีทางแล้วยังไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงอะไรในองค์กรได้ รวมถึงชั่งน้ำหนักมาดีแล้วว่าการทนอยู่ต่อจะเป็นผลเสียกับตัวเองมากกว่า การลาออกก็อาจเป็นคำตอบสุดท้าย เพราะถ้าฝืนอยู่ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษ สุดท้ายแล้วก็จะเป็นเราเองที่ไม่มีความสุขกับการทำงาน ทรมานตัวเองเสียเปล่า ๆ แต่ก่อนจะลาออกนั้น เราอาจต้องวางแผนให้ดีว่าลาออกแล้วจะทำยังไงต่อ จะหยุดพักเพื่อรักษาใจก่อนหรือมองหางานใหม่เลย เงินสำรองเพียงพอหรือเปล่า เมื่อเตรียมตัวพร้อมและจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเก็บกระเป๋าและพาตัวเองหนีออกจาก Toxic Workplace เสียที

เวลาที่เราใช้ไปกับการทำงานในแต่ละวันนั้นไม่ใช่ระยะเวลาสั้น ๆ ถ้าที่ทำงานของเรามีลักษณะเป็น Toxic Workplace นั่นก็แปลว่าเราต้องพบเจอกับความ Toxic ชวนประสาทเสียไปเรื่อย ๆ ทุกวัน วันละหลายชั่วโมง ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน ดังนั้นเมื่อเราพบว่าออฟฟิศไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยแต่เป็นศูนย์รวมความ Toxic เราก็ต้องหาวิธีรับมือหรือแก้ไขความ Toxic นี้ เพราะถ้าเราไม่หาวิธีจัดการ ผลกระทบก็จะตกอยู่ที่สภาพจิตใจของเราที่อาจพังจนกู้คืนกลับมาไม่ไหวเอาได้

อ่านบทความฉบับเต็มได้ ที่นี่
https://blog.jobthai.com/career-tips/id/4499
Cr. เพจ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่