50% ของการประชุม “ไม่จำเป็นจริง ๆ” ทำเสียเวลางานเฉลี่ย 169 ชม./ปี เร่งอาการ Meeting Fatigue เหนื่อยล้าจากการประชุมมากไป
- เคยไหม…เข้าประชุมแต่ละครั้งแล้วคิดในใจว่า
“ส่งอีเมลฉบับเดียวก็จบปะ?” แต่ก็ต้องเดินเข้าห้องประชุมอยู่ดี
ทุกวันนี้หลายองค์กรมีการประชุมแทบทุกวัน บางที่ประชุมเช้า–เลิกงานทุกวัน และที่น่าเศร้าคือ…หลายครั้งมัน
ไม่ได้พาให้งานคืบหน้าเลย
- ล่าสุดมีผลสำรวจที่ทำให้สะดุ้งทั้งออฟฟิศพบว่า
“ครึ่งหนึ่งของการประชุมทั้งหมด แทบไม่ก่อประโยชน์”
ตัวเลขที่ทำให้รู้สึกว่า…เรานั่งเสียเวลาทิ้งไปเยอะกว่าที่คิด
ผลสำรวจจาก Software Finder สอบถามพนักงานกว่า 1,000 คน หลายอุตสาหกรรม สรุปว่า
- 50% ของการประชุม = ไม่ได้ช่วยให้งานดีขึ้น
- พนักงานทั่วไปสูญเสียเวลางานเพราะประชุมเกินจำเป็น
6,280 ดอลลาร์/ปี (ราว
203,000 บาท ต่อคน)
- คนทำงานสายเทค เสียเวลามากกว่าเฉลี่ย
169 ชั่วโมง/ปี = มูลค่าการทำงานที่หายไปกว่า
10,000 ดอลลาร์ (ประมาณ
320,000 บาท/ปี)
ลองคิดภาพว่าองค์กรใหญ่ ๆ มีพนักงาน 2,000 คนแปลว่าอาจเสียเงินไปเฉียด
400–600 ล้านบาท/ปี จากการประชุมที่ไม่ได้ประโยชน์แบบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
แล้วผลกระทบล่ะ? ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน…
สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือ “ผลด้านจิตใจ” จากการสำรวจเดียวกันพบว่า
72% ของพนักงานมีอาการ Meeting Fatigueหรือ
อาการเหนื่อยล้าจากการประชุมมากเกินไป อาการนี้คืออะไร?
- รู้สึกหมดแรงก่อนเริ่มงานจริง
- ไม่อยากพูด ไม่อยากฟัง
- สมองล้าเร็ว
- โฟกัสงานไม่ติด
- รู้สึกประชุมแล้วไม่ได้อะไร จึงหมด Passion ไปเรื่อย ๆ
ทำไมถึงประชุมกันเยอะขนาดนี้?
หลายองค์กรติดเป็น “พิธีกรรม” ว่า ต้องประชุม = ทำงาน แต่ลืมไปว่า
ประชุม = เครื่องมือ ไม่ใช่งาน และการประชุมที่ดีควร:
- มีใบสรุปวาระ (Agenda)
- มีคนคุมเวลา
- มีผลลัพธ์ชัดเจน
- ถ้าอัปเดตเฉย ๆ ส่งเมลหรือแชตแทนได้
หลายครั้งประชุมเพราะ…
- กลัวเข้าใจผิด
- ผู้บริหารอยากเห็นหน้า
- ตามวัฒนธรรมบริษัท
- ไม่กล้ายกเลิกประชุมเดิม
สุดท้ายก็กลายเป็น ritual ที่กินทั้งเวลา พลังงาน และ budget
เราไม่ผิดปกติ…เราล้าเพราะระบบ
จากข้อมูลทั้งหมด เห็นชัดว่า Meeting Fatigue ไม่ใช่ “เราขี้เกียจ” แต่เป็นผลจากระบบที่ประชุมเยอะเกินไปจนสมองไม่ทันปรับตัว ต้องสลับโฟกัสตลอดเวลา
ที่มา
bangkokbiznews
50% ของการประชุม “ไม่จำเป็นจริง ๆ” ทำเสียเวลางานเฉลี่ย 169 ชม./ปี เร่งอาการ Meeting Fatigue
- เคยไหม…เข้าประชุมแต่ละครั้งแล้วคิดในใจว่า“ส่งอีเมลฉบับเดียวก็จบปะ?” แต่ก็ต้องเดินเข้าห้องประชุมอยู่ดี
ทุกวันนี้หลายองค์กรมีการประชุมแทบทุกวัน บางที่ประชุมเช้า–เลิกงานทุกวัน และที่น่าเศร้าคือ…หลายครั้งมัน ไม่ได้พาให้งานคืบหน้าเลย
- ล่าสุดมีผลสำรวจที่ทำให้สะดุ้งทั้งออฟฟิศพบว่า “ครึ่งหนึ่งของการประชุมทั้งหมด แทบไม่ก่อประโยชน์”
ตัวเลขที่ทำให้รู้สึกว่า…เรานั่งเสียเวลาทิ้งไปเยอะกว่าที่คิด
ผลสำรวจจาก Software Finder สอบถามพนักงานกว่า 1,000 คน หลายอุตสาหกรรม สรุปว่า
- 50% ของการประชุม = ไม่ได้ช่วยให้งานดีขึ้น
- พนักงานทั่วไปสูญเสียเวลางานเพราะประชุมเกินจำเป็น 6,280 ดอลลาร์/ปี (ราว 203,000 บาท ต่อคน)
- คนทำงานสายเทค เสียเวลามากกว่าเฉลี่ย
169 ชั่วโมง/ปี = มูลค่าการทำงานที่หายไปกว่า 10,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 320,000 บาท/ปี)
ลองคิดภาพว่าองค์กรใหญ่ ๆ มีพนักงาน 2,000 คนแปลว่าอาจเสียเงินไปเฉียด 400–600 ล้านบาท/ปี จากการประชุมที่ไม่ได้ประโยชน์แบบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
แล้วผลกระทบล่ะ? ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน…
สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือ “ผลด้านจิตใจ” จากการสำรวจเดียวกันพบว่า72% ของพนักงานมีอาการ Meeting Fatigueหรือ อาการเหนื่อยล้าจากการประชุมมากเกินไป อาการนี้คืออะไร?
- รู้สึกหมดแรงก่อนเริ่มงานจริง
- ไม่อยากพูด ไม่อยากฟัง
- สมองล้าเร็ว
- โฟกัสงานไม่ติด
- รู้สึกประชุมแล้วไม่ได้อะไร จึงหมด Passion ไปเรื่อย ๆ
ทำไมถึงประชุมกันเยอะขนาดนี้?
หลายองค์กรติดเป็น “พิธีกรรม” ว่า ต้องประชุม = ทำงาน แต่ลืมไปว่า ประชุม = เครื่องมือ ไม่ใช่งาน และการประชุมที่ดีควร:
- มีใบสรุปวาระ (Agenda)
- มีคนคุมเวลา
- มีผลลัพธ์ชัดเจน
- ถ้าอัปเดตเฉย ๆ ส่งเมลหรือแชตแทนได้
หลายครั้งประชุมเพราะ…
- กลัวเข้าใจผิด
- ผู้บริหารอยากเห็นหน้า
- ตามวัฒนธรรมบริษัท
- ไม่กล้ายกเลิกประชุมเดิม
สุดท้ายก็กลายเป็น ritual ที่กินทั้งเวลา พลังงาน และ budget
เราไม่ผิดปกติ…เราล้าเพราะระบบ
จากข้อมูลทั้งหมด เห็นชัดว่า Meeting Fatigue ไม่ใช่ “เราขี้เกียจ” แต่เป็นผลจากระบบที่ประชุมเยอะเกินไปจนสมองไม่ทันปรับตัว ต้องสลับโฟกัสตลอดเวลา
ที่มา bangkokbiznews