JJNY : 5in1 บก.ลายจุดมองสัญญาณถอย│ฟันอาญาอดีตสว.│ทุกข์หนัก พิษคัลแมกี│จี้ทบทวนพ.ร.บ.แอลกอฮอล์ใหม่│ฟิลิปปินส์เตือนภัยพายุ

บก.ลายจุด มองสัญญาณถอย เพื่อไทยยกทีม พบสนธิ เล่าเคส ‘มาร์ค-ชูวิทย์’ เทียบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5447509
.
.
บก.ลายจุด มองสัญญาณถอย เพื่อไทย ยกทีม พบสนธิ เล่าเคส ‘มาร์ค-ชูวิทย์’ เทียบ
.
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักกิจกรรมทางการเมือง ได้โพสต์ผ่านถึงกรณีที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมผู้บริหารพรรค เข้าอวยพรวันเกิด นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า
.
จันทร์ส่องหล้าสู่บ้านพระอาทิตย์
.
ภาพแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ไปร่วมมอบกระเช้าดอกไม้งานวันเกิดคุณสนธิ ลิ้มทองกุล บอกอะไรเราบ้าง ?
.
งานวันเกิดของผู้มีอำนาจหรืออิทธิพลไม่ใช่การแสดงความยินดี แต่แสดงถึงไมตรีและการส่งสัญญาณว่าตนเองไม่ต่อต้านอำนาจบารมีของผู้เป็นเจ้าของวันเกิด
.
อย่างน้อยครั้งหนึ่งนายอภิสิทธิ์เคยไปยื่นกระเช้าดอกไม้ จำไม่ได้ว่าเป็นวันเกิดคุณสนธิหรือวันครบรอบการก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และต่อให้อภิสิทธิ์แสดงออกก้มต่ำกว่าคุณสนธิ คุณสนธิก็ยังจ้วงอภิสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะเบาหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะเลิกวิพากษ์วิจารณ์ มีเพียงคุณอภิสิทธิ์ที่พูดถึงเสียงตำหนิจากผู้เฒ่าบ้านพระอาทิตย์ แต่ก็ยังไม่กล้าตอบโต้ ได้แต่อธิบายปกป้องตนเอง อย่าว่าแต่ตอบโต้ แค่เอ่ยชื่อคุณสนธิยังไม่กล้าเอ่ยชื่อ นั่นแสดงให้เห็นว่าอภิสิทธิ์รับรู้ถึงสถานะของตนเองเชิงเปรียบเทียบกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล
.
กลับมาที่พรรคเพื่อไทยในเวลานี้ กระเช้าและการ์ดแสดงความยินดีในวันเกิดที่ส่งผ่านมือหัวหน้าพรรคและทีมผู้บริหารพรรคนั้น เป็นการส่งสัญญาณว่ายินดีที่จะอยู่ในสถานะที่ต่ำกว่า คือยอม แต่จะถึงกับหมอบหรือเปล่าต้องรอดูอีกที สิ่งนี้สะท้อนสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างดีว่า ตลอด 20 ปีที่ต่อสู้กันระหว่างบ้านจันทร์ส่องหล้ากับบ้านพระอาทิตย์ แม้พระอาทิตย์ที่คล้อยต่ำมากแล้วด้วยวัย 78 ปี แต่แสงก็ยังจรัสกว่าแสงจันทร์ในเวลานี้มาก
.
นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อยและได้คิดว่า ความขัดแย้งที่ยาวนานระหว่างบุคคลทางการเมือง ถึงเวลาที่จะต้องผ่อนหนักผ่อนเบากันไป ดูอย่างคุณชูวิทย์ที่แม้จะป่วยหนักก็ยังต้องนัดเข้าไปกราบคุณสนธิ
.
เมื่อชนชั้นนำของสังคมเดินหมากจัดวางตนเองกันเช่นนี้
.
ทำให้นึกถึงคำพูดของน้าค่อม “แสงมันช่างจ้าเสียเหลือเกิน”
.
https://www.facebook.com/nuling/posts/pfbid02a3KGHRYwePJsWpDDgLaJXTwZcszCxvB1mQL6tdRGBHx5xFx178VwvShBgXLrcjJal
.

.
กกต. มีมติส่งศาลฎีกาสั่งใบดำ-ใบแดง ฟันอาญา "กำพล" อดีตสว. จ้างคนลงสมัคร หวังให้เมียเป็น สว.
.
กต. มีมติส่งศาลฎีกาสั่งใบดำ-ใบแดง พร้อมฟันอาญา “กำพล เลิศเกียรติดำรงค์” อดีตสว. ปมจ้างคนลงสมัคร หวังให้เมียได้รับเลือกเป็น สว.แปดริ้ว
.
วันที่ 8 พ.ย.2568 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต. มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของ นายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 62 และรัฐธรรมนูญ มาตรา 226และให้ดำเนินคดีอาญาแก่นายกำพล ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 77(1)และให้กันนายชาลี เจริญสุข พยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1,2,5,6,7 ไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดีอาญา ตามมาตรา 65 ของกฎหมายเดียวกัน
.
เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนฟังได้ว่าในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัดของจังหวัดฉะเชิงเทรา นายกำพล ได้ติดต่อ นายชาลี ให้จัดหาบุคคลไปสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาในแต่ละกลุ่มให้ได้จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกระดับจังหวัด 19 คน เพื่อลงคะแนนเลือก นางปาลาวดี เนื่องจำนงค์ ภรรยาของนายกำพลเป็นผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัด โดยนายชาลีเป็นผู้จัดเตรียมบุคคลระดับอำเภอบางคล้า
.
โดย นายกำพล แจ้งให้นายชาลีไปดำเนินการจัดเตรียมบุคคลมาสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภากลุ่มที่ 20 อำเภอบางคล้า จำนวน 10 คน และในอำเภออื่น อำเภอละ 5 คนขึ้นไป และให้จัดเตรียมบุคคลไปสมัครรับเลือกเป็น สมาชิกวุฒิสภาในกลุ่มอื่น ๆ กลุ่มละ 5 คน เพื่อลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน
.
รวมทั้ง ให้แจ้งผู้ร้องที่ 1 ช่วยเตรียมบุคคลมาสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาด้วย และจะให้เป็นผู้มีสิทธิเลือกในระดับจังหวัด เมื่อนายชาลี ได้บุคคลที่จะมาลงสมัคร จึงนัดหมายพบกับนายกำพล โดยนายกำพลได้มอบเงินจำนวน 22,500 บาท ให้ นายชาลีนำไปมอบให้กับบุคคลที่เตรียมไว้ 5 คนคนละ 4,500 บาท เพื่อใช้ในการดำเนินการสมัคร ซึ่งนายชาลี นำเงินไปมอบให้แต่ละคน ในสถานที่ต่างๆ พร้อมอธิบายวิธีการเขียนใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา อย่างไรก็ตามทั้ง 5 คนมาเป็นพยานไต่สวนประกอบในคดีนี้
.
จากนั้นก่อนวันเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอนายกำพล สั่งการเกี่ยวกับวิธีการลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกัน เพื่อให้พี่ชายของนายกำพล และผู้สมัครที่เตรียมมาซึ่งเป็นพยานไต่ส่วนประกอบในคดีได้เข้าสู่ขั้นตอนการลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน
.
แต่ปรากฏว่าเมื่อเลือก ผู้สมัครที่เตรียมมาได้รับเลือกในระดับจังหวัด ส่วนพี่ชายของนายกำพลไม่ได้รับเลือก โดยนายกำพลเข้าใจว่าผู้ร้องที่ 1 ซึ่งเป็นเพื่อนของนายชาลีเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ชายของนายกำพลไม่ได้รับเลือก
.
ซึ่งตลอดเวลาที่นายกำพลโทรศัพท์พูดคุย หรือแชทไลน์ วางแผนเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา นายชาลีจะบันทึกเสียง บันทึกภาพไว้ กกต.จึงเห็นว่าจากพยานหลักฐานดังกล่าว ประกอบการให้ถ้อยคำของนายชาลีและพยานไต่สวนประกอบ จึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่านายกำพลได้ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็น เป็นใจกับนายชาลี จัดหาหรือจัดเตรียมบุคคลให้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และให้เงินแก่บุคคลดังกล่าว
.
เพื่อจูงใจให้สมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และจูงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนน ให้แก่ผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2562 มาตรา 77 (1) ซึ่งเป็นการทุจริตการเลือก ทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา62 ของกฎหมายเดียวกัน
.
สำหรับที่กล่าวหาว่า นางปาลาวดี ยินยอมให้ นายกำพล ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองช่วยเหลือเพื่อให้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภานั้น จากการไต่สวนพยานที่ไต่สวนประกอบคนที่ 1-7 ไม่มีผู้ใดให้ถ้อยคำว่าได้รับคำสั่งให้ลงคะแนนเลือกนางปาลาวดีและไม่ปรากฏว่ากำพล มีการกระทำหรือพฤติการณ์ใดที่เป็นการช่วยเหลือนางปาลาวดีเพื่อให้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา
.
ส่วนที่กล่าวหา นางปาลาวดี เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา เพราะนายกำพลคู่สมรสเป็นผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาในคราวเดียวกัน ซึ่งในการยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อป.ป.ช.ของนายกำพล ระบุชื่อ นางปาลาวดี เป็นคู่สมรส และข้อความว่า “ไม่ได้จดทะเบียนสมรส
.
กกต.เห็นว่าข้อความว่า ” ไม่ได้จดทะเบียนสมรส” จึงรับฟังได้ว่า นางปาลาวดี มิใช่คู่สมรสของนายกำพล เพราะมิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย ประกอบกับ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561มิได้บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะว่า “คู่สมรส” หมายความรวมถึงผู้ซึ่งอยู่กินฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสเช่นเดียวกับที่บัญญัติไว้ในกฎหมายป.ป.ช.
.

.
ชาวนาทุกข์หนัก พิษ "พายุคัลแมกี" พัดต้นข้าวล้มระนาว รวงแก่เต็มที่จมน้ำ
https://www.pptvhd36.com/news/สังคม/261052
.
ชาวนาทุกข์หนัก พิษ "พายุคัลแมกี" พัดต้นข้าวล้มระนาว รวงแก่เต็มที่จมน้ำ ยังไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ วอนรัฐช่วยเหลือเยียวยา
.
ชาวนาหลายหมู่บ้านใน ต.หนองตาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กำลังประสบปัญหาเดือดร้อนหนัก จากผลกระทบอิทธิพลพายุ “คัลแมกี” โดยมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ทำให้ต้นข้าวที่ออกรวงสุกแก่เต็มที่ครบกำหนดเก็บเกี่ยวแล้ว ถูกลมพายุพัดล้มเกือบทุกแปลง และรวงข้าวจมน้ำที่ท่วมขังตามทุ่งนา รถเกี่ยวยังไม่สามารถลงเกี่ยวได้เพราะมีน้ำท่วมขัง ประกอบกับช่วงนี้ยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง หากเก็บเกี่ยวไปแล้วก็ไม่มีสถานที่ตาก หากนำไปตากตามริมถนนและลานโล่งในหมู่บ้าน ก็ต้องโดนฝนตกใส่เปียกชื้นไม่แตกต่างกัน
.
ชาวนาทำอะไรไม่ได้ต้องทำใจยอมรับสภาพ และภาวนาให้ฝนหยุดเร็วๆ  เพื่อจะได้เก็บเกี่ยวข้าว เพราะหากรวงข้าวแช่น้ำติดต่อกันหลายวันก็จะเน่าเสียหาย จากภัยพิบัติดังกล่าวชาวนาก็อยากเรียกร้องให้รัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบผลกระทบความเดือดร้อนเสียหายของชาวนา เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้วย เพราะผลผลิตข้าวเป็นความหวังเดียว ปีละครั้งของชาวนา ทั้งเก็บไว้บริโภคและแบ่งขายเลี้ยงครอบครัว
.
นายธวัชชัย ชาวนาบ้านโคกวัด ต.หนองตาด เปิดเผยว่าตอนนี้เดือดร้อนมากเพราะข้าวที่สุกแก่เต็มที่ครบกำหนดเก็บเกี่ยวแล้ว เจอพายุทำให้ต้นข้าวล้มเกือบทุกแปลงรวงข้าวแช่น้ำ หากฝนไม่หยุดตกหรือน้ำไม่ลดลง ก็ยังไม่สามารถเกี่ยวข้าวได้  เพราะถึงเกี่ยวไปก็ไม่มีที่ตาก ข้าวจะเปียกชื้นอยู่ดี  แต่หากต้นข้าวที่ล้มและรวงข้าวแช่น้ำหลายวันก็จะเน่าเสียหายอีก ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ยอมรับสภาพและภาวนาให้ฝนหยุดตกเร็วๆ จะได้เกี่ยวข้าว เพราะผลผลิตข้าวเป็นความหวังเดียวและปีละครั้งของชาวนา ทั้งเก็บไว้บริโภค   แบ่งขายเลี้ยงครอบครัว และขายใช้หนี้ แต่หากผลผลิตเสียหายก็ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ อยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาด้วย  เพราะถือเป็นภัยธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
.
ด้านนายทองคูณ ชาวนาใน ต.หนองตาด เผยว่า ทำนาทั้งหมดกว่า 10 ไร่ เกี่ยวไปแล้วประมาณ 2 ไร่  แต่พอฝนตกติดต่อกันสองวันและมีลมกระโชกแรง ทำให้ต้นข้าวที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวล้มและรวงแช่น้ำ ซึ่งหากฝนหยุดก็สามารถเกี่ยวขึ้นไปตากลดความชื้นได้ แต่ถ้าฝนไม่หยุดและรวงข้าวแช่น้ำหลายวันก็จะเน่าเสียหาย ซึ่งหากผลผลิตเสียหายก็อยากให้รัฐชดเชยเยียวยาด้วย เพราะเดือดร้อนต้องลงทุนทั้งค่าไถ ปุ๋ย และเมล็ดพันธุ์ แต่พอถึงช่วงเก็บเกี่ยวกลับถูกพายุเสียหาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่