ใช่ หรือ ไม่ เพราะทางอีกฝ่ายไม่ยอมไปตรวจ DNA

เรื่องนี้เกิดขึ้นมาประมาณ 3 ปี เกือบ 4 ได้ ตอนนั่นได้มีการคุยกับ ผู้หญิงคนหนึ่งทาง โซเชียล ได้มีการนัดเจอกัน ในวันที่ 15 ก.ย และ 22 ก.ย 65 แล้วพอหลังจากนั่นก็ไม่ได้มีการนัดเจอกันอีกเลย แต่มีการติดต่อผ่านแชทตลอด อัพเดทสถานการณ์ หลังจากทำกิจกรรม ทางฝ่ายหญิงบอก ประจำเดือนหมด ในวันที่ 5 ตุลาคม 65 แล้วก็ไม่ได้มีการติดต่อกันอีกเลย แล้วเวลาก็เลยผ่านมาหลายวัน จนวันที่ 23 พฤศจิกายน 65 ทางฝ่ายหญิงได้มีการทักข้อความ มาบอกว่า ท้องกับเรา และมีการพูดคุยกันว่า จะให้ทาง พ่อแม่เขา และ เราคุยกัน เจรจาต่อรองกัน จะทำยังไงต่อ (ก่อนจะมีการพูดคุยเจรจา มีการสอบถามว่าหลังจาก ที่ไม่ได้เจอกัน มีได้มีกิจกรรมร่วมกับใครหลังจากเรา เขาตอบมาว่า มีกับคนนึง ในวันที่ 11 ตุลาคม 65 แต่มีการสอบถามเพิ่มเติมว่า เสร็จกิจในทางไหน ทางฝ่ายนั่นตอบมาว่า มีความรู้สึก หลั่งข้างใน) แล้วก็มาถึงช่วง พูดคุยเจรจากัน ทางฝั่งเราอยากให้ตรวจ DNA ให้แน่ใจชัดเจน ถ้ามันใช่เราจริงๆ ผมจะรับผิดชอบ แต่ทางพ่อแม่ฝ่ายหญิง ไม่ยินยอมให้ตรวจ DNA เพราะบอกว่าตรวจมาแล้ว จะให้ไปตรวจอีกทำไม แล้วมีการเรียกเงินจำนวน 30,000 บาท บอกเพื่อจะไปเอาออก แต่ทางเราไม่ได้ให้ แต่ยืนยันว่าจะให้อยากตรวจ DNA แต่ฝั่งผู้หญิง ก็ยืนยันว่าไม่ยอมไปตรวจ DNA แล้วก็ตัดจบแยกย้าย มีการบอกว่าให้ต่างคนต่างอยู่ จนเวลาผ่านมาหลายปี ณ ปัจจุบัน ปี 2568 เราก็ได้มีแฟนใหม่ คบหากันมาได้ 1กว่าๆ ทางฝ่ายหญิงที่เป็นคู่กรณี มีการ ฟอล ไอจีแฟนเราไป แล้วลงสตอรี่โดนแล้วแคปหน้าเฟส ชื่อเฟสเราทั้งหมด ซึ้งเรารับรู้แล้วไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะทางคู่กรณี เขาก็มีลูก และ มีแฟนใหม่ไปแล้ว (ถ้าลองย้อนกลับไป ถ้าเขาบอกว่าท้องกับเรา ในช่วงปี 65-66 ทางเราได้ข่าวจากคนรู้จักว่า ทางฝ่ายหญิงที่เป็นคู่กรณี มีคลอดลูกในช่วง ปี 2567) ถ้าเขาบอกว่าท้องกับเราจริงๆ ทำไมช่วงนั่นถึงไม่ยอมตรวจ DNA ถ้าตามหลัก ถ้าเขามั่นใจจริงๆว่าเราเป็นพ่อของเด็กหรือทำเขาท้อง เขาต้องยอมไปตรวจ DNA แต่ทางฝั่งเขาไม่ยอมไปตรวจ DNA ถ้าเป็นเรื่องของ

ฎหมาย มาตรา 160 วรรคหนึ่ง ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้คู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องไปให้แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่ศาลเห็นสมควร ตรวจร่างกาย เก็บตัวอย่างเลือด สารคัดหลั่ง สารพันธุกรรม (DNA) เพื่อประโยชน์ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นข้อพิพาทที่สำคัญแห่งคดี

คู่กรณีไม่ยอมตรวจ DNA: มาตรา 160 วรรคสาม บัญญัติถึงผลของการไม่ยินยอมให้ตรวจไว้ว่า "หากคู่ความฝ่ายใดไม่ยินยอม โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าข้อเท็จจริงที่ต้องการให้ตรวจพิสูจน์เป็นผลร้ายแก่คู่ความฝ่ายนั้น"

แต่ถ้าเราไปแจ้งความเรื่อง ข้อหาหมิ่นประมาทแล้วเรื่องถึงศาล เรามีพยานบุคคล แต่หลักฐานแชทที่คุยติดต่อเขาคือมันผ่านมา 3 ปี มันหายไปแล้วครับ แต่ถ้าฝ่ายหญิงก็มีแชทที่เราคุยกัน แบบนี้ผมสามารถทำอะไรได้บ้างครับ เพราะเรื่องมันก็ผ่านมา 3 ปี มันก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้เคยเป็นแฟนกัน แค่นัดเจอกัน #ถ้าผมพิมพ์ดุไม่ค่อยเข้าใจขอโทษและขออภัยคนที่เข้ามาอ่านด้วยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เรื่องก็ผ่านมานานแล้ว ต่างคนต่างมีแฟนใหม่แล้ว เค้าจะมาทำแบบนี้เพื่ออะไร ในเมื่อตัวเค้าไม่ยอมตรวจ DNA ในตอนนั้น ลองคุยกับเค้าก่อนมั้ยว่ามาทำแบบนี้ต้องการอะไร ถ้าเค้าไม่หยุด ลองปรึกษาผู้รู้ทางกฎหมายดูดีกว่าค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่