สารคดี ประวัติศาสตร์ B-1 Lancer มหากาพย์การเกิดใหม่ของ 'The Bone'

พัฒนาการทางเทคโนโลยีของเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-1 Lancer ตั้งแต่การกำเนิดในยุคสงครามเย็นจนถึงการเป็นหัวหอกในสงครามตามแบบในปัจจุบัน
1. กำเนิดและการเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธี (บทที่ 1-2)
กำเนิดในยุค Nuclear Triad: เครื่องบินทิ้งระเบิดเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ยืดหยุ่นที่สุดของ "นิวเคลียร์ไทรแอด" (Nuclear Triad) ในช่วงสงครามเย็น
จุดเปลี่ยนจากการบินสูง: แนวคิดการทิ้งระเบิดจากเพดานบินสูงด้วยความเร็วเหนือเสียง (เช่น โครงการ XB-70 Valkyrie) ถูกล้มเลิกหลังจากการยิงตกเครื่องบิน U-2 โดยจรวด SAM ของโซเวียตในปี 1960
ยุทธวิธีใหม่: กองทัพอากาศสหรัฐฯ เปลี่ยนไปใช้ "การบินเจาะทะลวงในระดับต่ำ" (Low-Altitude Penetration) เพื่อใช้ภูมิประเทศกำบังเรดาร์ (Terrain Masking) และอาศัยข้อจำกัดของเรดาร์ยุคนั้นที่แยกเป้าหมายบินต่ำได้ยาก (Clutter) สิ่งนี้สร้าง "ช่องว่างทางขีดความสามารถ" นำไปสู่การพัฒนา B-1
2. การก่อกำเนิดและการยกเลิกโครงการ B-1A (บทที่ 3-4)
โครงการ AMSA/B-1A: โครงการพัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดยุคใหม่ที่ชื่อ Advanced Manned Strategic Aircraft (AMSA) ซึ่งต่อมาคือ B-1A ถูกออกแบบมาให้มีความสามารถที่ซับซ้อน:
ปีกปรับองศาได้ (Variable-sweep wings) เพื่อประสิทธิภาพในการบินที่หลากหลาย
ความเร็วสูงสุด Mach 2.2 ที่เพดานบินสูง เพื่อเจาะทะลวงเร็ว
ใช้ แคปซูลนิรภัย สำหรับลูกเรือ
การยกเลิกโครงการ B-1A (1977): ประธานาธิบดี Jimmy Carter ยกเลิกโครงการ B-1A ด้วยเหตุผลหลัก 4 ประการ:
ต้นทุนโครงการที่พุ่งสูงขึ้น อย่างมาก
ภัยคุกคามใหม่: การพัฒนาเครื่องบินสกัดกั้น MiG-31 ของโซเวียตที่มาพร้อมเรดาร์แบบ "Look-down/Shoot-down" ทำให้ความได้เปรียบในการบินต่ำของ B-1A กำลังจะหมดไป
ทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า: การใช้ อาวุธปล่อยนำวิถีร่อน (ALCM) ยิงจากเครื่องบิน B-52 ที่มีอยู่เดิม
โครงการลับ ATB: การมุ่งเน้นงบประมาณไปที่โครงการลับ Advanced Technology Bomber (ATB) ซึ่งต่อมาคือ B-2 Spirit
3. การฟื้นคืนชีพและการปรับปรุงในชื่อ B-1B (บทที่ 5-6)
การฟื้นคืนชีพ: ประธานาธิบดี Ronald Reagan ได้รื้อฟื้นโครงการ B-1 ขึ้นใหม่ในชื่อ B-1B Lancer ในปี 1981 เพื่อเป็น "สะพานเชื่อม" ช่องว่างขีดความสามารถก่อนที่ B-2 จะพร้อม
การปรับเปลี่ยนเชิงเทคนิคใน B-1B: มีการปรับลดสมรรถนะความเร็วสูงสุดลง แต่เพิ่มประสิทธิภาพการล่องหนและสงครามอิเล็กทรอนิกส์:
ลดความเร็วสูงสุด: จาก Mach 2.2 เหลือ Mach 1.25 (แต่เร็วขึ้นในระดับต่ำ)
ท่อรับอากาศแบบตายตัว (Fixed S-duct): แทนที่ท่อรับอากาศแบบปรับได้ ซึ่งช่วย ลดภาคตัดขวางเรดาร์ (RCS) ลงอย่างมหาศาล (เทียบเท่าเครื่องบินขับไล่ขนาดเล็ก) โดยการบดบังใบพัดคอมเพรสเซอร์
เพิ่มน้ำหนักบรรทุก: น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 477,000 ปอนด์
ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (AN/ALQ-161A): ได้รับการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญ
กายวิภาคของ "The Bone": B-1B ได้รับฉายาว่า "The Bone" ใช้เรดาร์หลักแบบ AN/APQ-164 PESA ที่มีความสามารถในการบินเกาะภูมิประเทศ (Terrain-following) และใช้ลูกเรือ 4 นาย
4. การเปลี่ยนผ่านสู่สงครามตามแบบและบทบาทในสนามรบ 
การเปลี่ยนภารกิจครั้งประวัติศาสตร์: หลังสงครามเย็นและหลังการยุบหน่วย SAC B-1B ได้ถูกเปลี่ยนบทบาทเป็น เครื่องบินทิ้งระเบิดตามแบบ (Conventional Bomber) อย่างสมบูรณ์ โดยมีการ ปลดอาวุธนิวเคลียร์ ออกทั้งหมดในปี 1995 ตามสนธิสัญญา START
ผลงานในสนามรบ: B-1B กลายเป็นม้างานสำคัญในปฏิบัติการรบจริง:
Operation Desert Fox (1998): ปฏิบัติภารกิจรบจริงครั้งแรกในอิรัก
Operation Enduring Freedom: B-1B เพียง 8 ลำ ทิ้งระเบิดคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40% ของอาวุธทางอากาศทั้งหมดในช่วง 6 เดือนแรก
บทบาท "Armed Overwatch": ใช้ความสามารถในการบรรทุกอาวุธนำวิถีจำนวนมากที่สุด (JDAM) ความเร็วสูง และระยะเวลาที่ยาวนาน ให้การสนับสนุนกำลังภาคพื้นดินในปฏิบัติการต่าง ๆ

 																															 
						
สารคดี ประวัติศาสตร์ B-1 Lancer มหากาพย์การเกิดใหม่ของ 'The Bone'
1. กำเนิดและการเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธี (บทที่ 1-2)
กำเนิดในยุค Nuclear Triad: เครื่องบินทิ้งระเบิดเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ยืดหยุ่นที่สุดของ "นิวเคลียร์ไทรแอด" (Nuclear Triad) ในช่วงสงครามเย็น
จุดเปลี่ยนจากการบินสูง: แนวคิดการทิ้งระเบิดจากเพดานบินสูงด้วยความเร็วเหนือเสียง (เช่น โครงการ XB-70 Valkyrie) ถูกล้มเลิกหลังจากการยิงตกเครื่องบิน U-2 โดยจรวด SAM ของโซเวียตในปี 1960
ยุทธวิธีใหม่: กองทัพอากาศสหรัฐฯ เปลี่ยนไปใช้ "การบินเจาะทะลวงในระดับต่ำ" (Low-Altitude Penetration) เพื่อใช้ภูมิประเทศกำบังเรดาร์ (Terrain Masking) และอาศัยข้อจำกัดของเรดาร์ยุคนั้นที่แยกเป้าหมายบินต่ำได้ยาก (Clutter) สิ่งนี้สร้าง "ช่องว่างทางขีดความสามารถ" นำไปสู่การพัฒนา B-1
2. การก่อกำเนิดและการยกเลิกโครงการ B-1A (บทที่ 3-4)
โครงการ AMSA/B-1A: โครงการพัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดยุคใหม่ที่ชื่อ Advanced Manned Strategic Aircraft (AMSA) ซึ่งต่อมาคือ B-1A ถูกออกแบบมาให้มีความสามารถที่ซับซ้อน:
ปีกปรับองศาได้ (Variable-sweep wings) เพื่อประสิทธิภาพในการบินที่หลากหลาย
ความเร็วสูงสุด Mach 2.2 ที่เพดานบินสูง เพื่อเจาะทะลวงเร็ว
ใช้ แคปซูลนิรภัย สำหรับลูกเรือ
การยกเลิกโครงการ B-1A (1977): ประธานาธิบดี Jimmy Carter ยกเลิกโครงการ B-1A ด้วยเหตุผลหลัก 4 ประการ:
ต้นทุนโครงการที่พุ่งสูงขึ้น อย่างมาก
ภัยคุกคามใหม่: การพัฒนาเครื่องบินสกัดกั้น MiG-31 ของโซเวียตที่มาพร้อมเรดาร์แบบ "Look-down/Shoot-down" ทำให้ความได้เปรียบในการบินต่ำของ B-1A กำลังจะหมดไป
ทางเลือกที่คุ้มค่ากว่า: การใช้ อาวุธปล่อยนำวิถีร่อน (ALCM) ยิงจากเครื่องบิน B-52 ที่มีอยู่เดิม
โครงการลับ ATB: การมุ่งเน้นงบประมาณไปที่โครงการลับ Advanced Technology Bomber (ATB) ซึ่งต่อมาคือ B-2 Spirit
3. การฟื้นคืนชีพและการปรับปรุงในชื่อ B-1B (บทที่ 5-6)
การฟื้นคืนชีพ: ประธานาธิบดี Ronald Reagan ได้รื้อฟื้นโครงการ B-1 ขึ้นใหม่ในชื่อ B-1B Lancer ในปี 1981 เพื่อเป็น "สะพานเชื่อม" ช่องว่างขีดความสามารถก่อนที่ B-2 จะพร้อม
การปรับเปลี่ยนเชิงเทคนิคใน B-1B: มีการปรับลดสมรรถนะความเร็วสูงสุดลง แต่เพิ่มประสิทธิภาพการล่องหนและสงครามอิเล็กทรอนิกส์:
ลดความเร็วสูงสุด: จาก Mach 2.2 เหลือ Mach 1.25 (แต่เร็วขึ้นในระดับต่ำ)
ท่อรับอากาศแบบตายตัว (Fixed S-duct): แทนที่ท่อรับอากาศแบบปรับได้ ซึ่งช่วย ลดภาคตัดขวางเรดาร์ (RCS) ลงอย่างมหาศาล (เทียบเท่าเครื่องบินขับไล่ขนาดเล็ก) โดยการบดบังใบพัดคอมเพรสเซอร์
เพิ่มน้ำหนักบรรทุก: น้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 477,000 ปอนด์
ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (AN/ALQ-161A): ได้รับการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญ
กายวิภาคของ "The Bone": B-1B ได้รับฉายาว่า "The Bone" ใช้เรดาร์หลักแบบ AN/APQ-164 PESA ที่มีความสามารถในการบินเกาะภูมิประเทศ (Terrain-following) และใช้ลูกเรือ 4 นาย
4. การเปลี่ยนผ่านสู่สงครามตามแบบและบทบาทในสนามรบ
การเปลี่ยนภารกิจครั้งประวัติศาสตร์: หลังสงครามเย็นและหลังการยุบหน่วย SAC B-1B ได้ถูกเปลี่ยนบทบาทเป็น เครื่องบินทิ้งระเบิดตามแบบ (Conventional Bomber) อย่างสมบูรณ์ โดยมีการ ปลดอาวุธนิวเคลียร์ ออกทั้งหมดในปี 1995 ตามสนธิสัญญา START
ผลงานในสนามรบ: B-1B กลายเป็นม้างานสำคัญในปฏิบัติการรบจริง:
Operation Desert Fox (1998): ปฏิบัติภารกิจรบจริงครั้งแรกในอิรัก
Operation Enduring Freedom: B-1B เพียง 8 ลำ ทิ้งระเบิดคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40% ของอาวุธทางอากาศทั้งหมดในช่วง 6 เดือนแรก
บทบาท "Armed Overwatch": ใช้ความสามารถในการบรรทุกอาวุธนำวิถีจำนวนมากที่สุด (JDAM) ความเร็วสูง และระยะเวลาที่ยาวนาน ให้การสนับสนุนกำลังภาคพื้นดินในปฏิบัติการต่าง ๆ