JJNY : ส.ส.ปชน.จี้เคลียร์ปมโควต้าหวยสีเทา│ท่องเที่ยวหวั่นลามตลาดต่างชาติติดลบ│‘อุทัยธานี’อ่วม! น้ำป่าหลาก│14 จว.ฝนตกหนัก

ส.ส.ปชน. ถามหา รมต.กลาโหม จี้ เคลียร์ปมโควต้าหวยสีเทา คืนความโปร่งใสให้อผศ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5439680
.
.
ส.ส.ปชน. ถามหา รมต.กลาโหม จี้ เคลียร์ปมโควต้าหวยสีเทา คืนความโปร่งใสให้อผศ.
.
จากกรณี นายธนเดช เพ็งสุข ส.ส.กรุงเทพฯ ลาดพร้าว บึงกุ่ม ได้โพสต์เปิดกรณี โควต้าหวยสีเทา ตั้งข้อสังเกตหวั่น โควตาหวยของทหารผ่านศึก กว่า 1,000,000.- ใบต่องวด กำลังกลายเป็นเหมืองทองของกลุ่มทุนเทา โดยได้ให้ข้อมูลว่า
.
องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ได้รับโควต้าสลาก จาก สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมแล้ว 10,988.- เล่ม ต่องวด หรือเท่ากับ 1,098,800.- ใบต่องวด “รวม 26,371,200.- ใบต่อปี”
.
โดยแบ่งโควต้าการบริหารออกเป็น 2 ส่วน
.
ส่วนที่ 1 ให้กับ สมาคมทหารผ่านศึกพิการแห่งประเทศไทย จำนวน 4,235.- เล่ม หรือ 423,500.- ใบ ต่องวด
.
ส่วนที่ 2 จัดสรร ให้กับ สำนักงานจำหน่ายสลากกินแบ่งและบุหรี่ อผศ. (จสบ.) บริหารจัดการ จำนวน 6,735.- เล่ม หรือ 673,500.- ใบต่องวด
โดยมีการปันผลรายได้ให้กับทหารผ่านศึก ดังนี้
.
– บัตรชั้น 1 ที่พิการทุพลลภาพ จำนวน 2,848 รายปีละ 13,700.- บาท/ปี (รวมเป็นเงิน 39,017,600.-)
– สามี หรือภรรยา ครอบครัว บัตรชั้น1 จำนวน 2,882 ราย ปีละ 3,000.- บาท/ปี (รวมเป็นเงิน 8,646,000.-)
– สามีหรือภรรยาของทหารผ่านศึกที่พิการและเสียชีวิตภายหลัง จำนวน 981 ราย ปีละ 2,500 บาท/ปี
(รวมเป็นเงิน 2,452,500.-)
– ทหารผ่านศึกบัตรชั้น 2,3,4 ที่พิการทุพลภาพจำนวน 3,460 ราย ปีละ 2,000.- บาท/ปี
(รวมเป็นเงิน 6,920,000.-)
รวม 57,036,100 บาท ต่อปี เมื่อนำมาหารกับจำนวนฉลากต่อปีที่ได้รับ เฉลี่ยแล้ว 1 คนจะได้ปันผล อยู่ที่ใบละ “2.1 บาท ต่อคน”
.
โดยที่ต้นทุนฉลากที่ได้รับโควต้ามาอยู่ที่ ใบละ 70.4 บาท คำถามคือ
1. อผศ. ขายต่อให้ผู้ที่ได้รับโควต้าต่อ ใบละเท่าไร
2.ใครเป็นคนได้โควต้า หวยก้อนใหญ่นี้ กี่เจ้าที่ได้ไป
3. การบริหารจัดการรายได้จากการขายสลากนี้ เป็นยังไง นี่คือคำถาม ที่ผู้ผ่านศึกทุกคน และประชาชนควรจะได้รับรู้ ถึงความจริงใจในการดูแล ผู้เสียสละของชาติบ้านเมือง
.
ผมจะเร่งทำหนังสือสอบถามและติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อผู้ผ่านศึกทุกคน เพื่อประโยชน์ของผู้เสียสละเพื่อแผ่นดิน อย่าให้กลุ่มทุนเทามาหากินบนความลำบากของผู้ผ่านศึก
.
ตั้งคำถามถึง สมาคมกีฬาคนตาบอด ที่เงินเข้าผู้บริหารมูลนิธิจำนวนมาก พร้อมแนบหลักฐานบัญชีรับ-โอน ทั้งเอกสารของ ดีเอสไอ ที่ยื่นถึงมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม ลงวันที่ 4 กันยายน 2567 ที่มีผลตรวจสอบว่า จากการสืบสวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้แก่บุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิก ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามข้อบังคับของสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย
.
พร้อมข้อความว่า
.
ถ้าจะถามหาหลักฐาน… ก็พอจะมีอยู่น้า ยังไงต้องฝากรัฐมนตรีเจ้ากระทรวช่วยแถลงผลชิ้นแรก ขอเสิร์ฟเป็น  “ออเดิร์ฟ”
จากผลการสอบสวนของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่พบว่า สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย จำหน่าย สลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิก ซึ่งถือว่า ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสมาคม และเป็นการ ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย อย่างชัดแจ้ง
และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กนะครับ กล้าๆทำหน่อย
.
ผมขอเรียกร้องให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาชี้แจงให้ประชาชนรับรู้ และดำเนินการลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
เพราะ “ความเห็นใจของประชาชน” ไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือหากินของใครอีกต่อไป
.
ล่าสุด ได้โพสต์ข้อความว่า
.
ถึง ท่านรัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผมอยากให้ท่านช่วยตอบเรื่องนี้เร็วๆ เหมือนเรื่องอื่นบ้าง
.
เรื่อนอื่นละตอบเร็ว ตอบเก่ง ตอบวันต่อวัน ถ้าตอบเองไม่ได้ก็ส่งลูกน้องตอบ พอเรื่องหวยทหารผ่านศึก เรื่องความโปร่งใสในการบริหารสวัสดิการ ท่านเงียบเหมือนมือถือหาย เหมือนท่านไม่รับรู้อะไร ผอ.อผศ ก็เตรียมทหารรุ่นเดียวกับท่าน รมช.
นี่ผมมาด้วยไมตรีจิต ผมอยากชวนท่านทั้งสอง มาร่วมกัน “แก้ไขปัญหาขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก” อย่างจริงใจ และจริงจัง
ผมเชื่อมั่นว่า ทั้งผม ท่าน และพี่น้องทหารจำนวนมาก
.
ล้วนรับรู้และตระหนักถึง “ปัญหาความไม่โปร่งใส” ที่เกิดขึ้นในองค์กรนี้ โดยเฉพาะในเรื่อง
– โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล
– กิจการรักษาความปลอดภัย (รปภ.)
– กิจการโรงงานในอารักษ์
– สิทธิและสวัสดิการของผู้ผ่านศึก
.
ทุกวันนี้ “สถานการณ์การรบ” ของชาติเราดีขึ้นแล้วแม้จะยังไม่เป็นสถานการณ์สีเขียว
แต่ “สถานภาพของผู้ผ่านศึก” ตอนนี้กำลังเป็นสีแดง
.
แล้วครับท่าน ผู้ที่เคยเสียสละเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดินกลับยังไมได้รับการปรับปรุงดูแลที่ดีขึ้นเลย
.
สิ่งที่ดีขึ้นและเห็นชัดก็จะมีแต่ “รายได้ของกลุ่มทุนเทา”
ที่ยังคงกัดกินผลประโยชน์จากโควตาสลากอย่างต่อเนื่อง
.
บางกลุ่มถึงขั้น แอบอ้างชื่อรัฐมนตรี ว่าต้องนำโควตาไปดูแลท่าน ผมไม่เชื่อครับ! ท่านไม่ใช่คนแบบนั้นแน่ ๆ …ใช่ไหมครับ?
.
ดังนั้น ผมอยากชวนท่าน แสดงความจริงใจ
ในการร่วมกัน “เปิดปัญหา แก้ไขปัญหา และคืนความโปร่งใส” ให้กับ อผศ.
.
และอย่าบอกไม่รู้เรื่องนะท่าน เดี๋ยวผมกำลังเร่งจัดทำหนังสือถึงท่าน เพื่อขอเข้าพบ พูดคุย และหารือแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเป็นระบบ
และ แม้ว่าองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกจะเป็นหน่วยงานพิเศษที่ไม่อยู่ในกำกับดูแลทางตรง แต่ตำแหน่ง “ผู้อำนวยการ อผศ.” ก็ล้วนผ่านการตัดสินใจจากท่านรัฐมนตรีทั้งสอง
.
ดังนั้น ท่านจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบนี้ไม่ได้ครับ
ถึงเวลาแล้วที่เราต้อง “คืนศักดิ์ศรีให้ผู้ผ่านศึก” และ ฟื้นความศรัทธาในองค์กร ให้ประโยชน์สูงสุด เป็นของผู้เสียสละทุกคน หาใช่ผู้อื่นใด ลุยๆกล้า หน่อยท่าน อย่าหยอแบบนี้
.
สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ทำงานหน่อย
.
.
.
.

.
ธุรกิจท่องเที่ยว จี้รัฐเพิ่มความขลังแก้ปมภาพลักษณ์ไทย หวั่นลามตลาดต่างชาติติดลบ
https://www.matichon.co.th/economy/news_5440233
.
ธุรกิจท่องเที่ยว จี้รัฐเพิ่มความขลังแก้ปมภาพลักษณ์ไทย หวั่นลามตลาดต่างชาติติดลบ
.
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร ประธานที่ปรึกษา และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ภาคการท่องเที่ยวไทย ไม่สามารถปล่อยให้เดินหน้าไปตามธรรมชาติได้ เพราะประเทศไทยยังมีผลกระทบจากความไม่เชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ภาพลักษณ์ของไทยในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังคงมีความกังวลในการเดินทางอยู่ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเพิ่มความขลังในการทำงาน เอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหา โดยต้องเป็นการนำของกระทรวงด้านความมั่นคงโดยตรง และนายกรัฐมนตรี ประกาศขั้นตอนที่จะทำแบบกำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จอย่างชัดเจน เพื่อหยุดผลกระทบและการลุกลามมากกว่านี้ เพราะจากตอนแรกตลาดจีนติดลบ แต่ตอนนี้มีทั้งไต้หวัน ฮ่องกง รวมถึงเกาหลีใต้ที่เริ่มชะลอตัวในการเข้ามาเที่ยวไทยแล้ว
.
นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า แม้จริงๆ แล้วความปลอดภัยในการท่องเที่ยวของไทยจะไม่ได้มีปัญหา แต่เรายังติดเรื่องคนส่วนน้อยที่ทำผิดกฎหมาย เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว หรือข่มขู่เพื่อหาประโยชน์ส่วนตน ยกตัวอย่างไกด์เถื่อนชาวจีนที่ขู่นักท่องเที่ยวจีนให้ซื้อสินค้าราคาแพงในร้านที่กำหนด ไม่เช่นนั้นจะกลับประเทศไม่ได้ กรณีแบบนี้จะต้องลงโทษตามกฎหมายให้เป็นตัวอย่าง เอาผิดแบบรุนแรง จะจำคุกหรือปรับก็ต้องทำตามกฎหมายกำหนดไว้สูงสุด ไม่ใช่หาทางลงให้ผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่ต้องเข้มแข็งในการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงต้องระงับหนังสือเดินทางเข้าไทยแบบถาวรด้วย เพื่อให้ทั่วโลกได้เห็นภาพการอย่างเป็นรูปธรรม
.
ในฐานะคนไทย สิ่งที่เจ็บใจมากที่สุดคือ คำว่าประเทศไทยขอแค่มีเงินก็สามารถทำอะไรได้ตามใจแล้ว รวมถึงเรื่องผิดกฎหมายด้วย ซึ่งถือเป็นคำพูดที่ไม่ควรปล่อยให้สามารถพูดออกมาได้ เพราะสะท้อนถึงภาพลักษณ์ประเทศในสายตาคนพูด ต้องถามว่าทำไมเราถึงปล่อยให้เขาพูดแบบนี้ได้ ปล่อยให้ประเทศเดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เหมือนที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวไว้ในการประชุมสมาชิกสมาคมฯ ว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ โดยเฉพาะทุนสีเทาต่างๆ จะเกิดขึ้นได้อย่างไรหากไม่มีไทยเทาเข้าไปร่วมด้วย ตอนนี้จึงเป็นจุดที่ต้องล้างสีเทาออกจากคนด้วยกันเอง เพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจังแล้ว” นายศิษฎิวัชร กล่าว
.
นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า เรื่องภาพลักษณ์ของประเทศถือว่ามีความสำคัญมากในการเดินทางเข้ามาเยี่ยมเยือนของต่างชาติ เพราะหากมีปัญหาด้านความปลอดภัย ก็คงไม่มีใครอยากมา ซึ่งการที่ไทยมีปัญหาเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายกรณีนับตั้งแต่อดีต จนผลกระทบมีชัดเจนมากขึ้นก็ช่วงต้นปี 2568 ที่มีนักแสดงจีนเข้ามาหลายตัวไปบริเวณชายแดนไทย แต่กรณีนั้นยังโชคดีที่ตำรวจสามารถตามกลับมาได้อย่างปลอดภัย และแม้กลับมาแบบปลอดภัย แต่ความเชื่อมั่นที่ถูกกระทบไปแล้วยังไม่สามารถกลับมาได้เลย นักท่องเที่ยวทั่วไปที่ยังไม่เคยมาเที่ยวไทยก็จะกลัวและไม่มา ซึ่งต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวที่แท้จริง จะมีความอ่อนไหวง่าย ทำให้หากไม่แก้ไขปัญหาโดยเร็วจะอันตรายต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมแน่นอน
.
นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า รัฐบาลที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นพรรคใดหรือฝ่ายใด แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ควรให้ความสำคัญ เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจ หากหายไปก็จะส่งผลกระทบกับภาพรวม ต้องยอมรับว่าปัญหาเรื่องความปลอดภัยของไทยมีมาอย่างต่อเนื่อง แต่เริ่มลุกลามจริงๆ ก็ปีนี้ รวมถึงปัญหาที่คนไทยถูกหลอกเป็นเหยื่อโจรออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ แต่กลับไม่เห็นการแก้ไขปัญหาอย่างเอาจริงเอาจังจากรัฐบาล ปล่อยให้ขบวนการใหญ่มากขึ้นจนเกินจะปราบปรามเองได้ ทำให้กลายเป็นปัญหาโลกที่ต้องเข้ามาช่วยแก้ไข แม้ต้นเหตุจะเป็นประเทศกัมพูชา แต่ไม่ได้หมายความว่าไทยจะไม่ถูกกระทบ เพราะถูกมองว่าแก๊งอาชญกรรมระหว่างประเทศเหล่านั้นก็ย้ายมาตั้งฐานในไทย และเริ่มต้นขบวนการต่อ รัฐบาลจึงควรร่วมมือกับนานาประเทศแก้ไขปัญหาให้เด็ดขาด.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่