ส.ส.ปชน. ถามหา รมต.กลาโหม จี้ เคลียร์ปมโควต้าหวยสีเทา คืนความโปร่งใสให้อผศ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5439680
.
.
ส.ส.ปชน. ถามหา รมต.กลาโหม จี้ เคลียร์ปมโควต้าหวยสีเทา คืนความโปร่งใสให้อผศ.
.
จากกรณี นายธนเดช เพ็งสุข ส.ส.กรุงเทพฯ ลาดพร้าว บึงกุ่ม ได้โพสต์เปิดกรณี โควต้าหวยสีเทา ตั้งข้อสังเกตหวั่น โควตาหวยของทหารผ่านศึก กว่า 1,000,000.- ใบต่องวด กำลังกลายเป็นเหมืองทองของกลุ่มทุนเทา โดยได้ให้ข้อมูลว่า
.
องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ได้รับโควต้าสลาก จาก สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมแล้ว 10,988.- เล่ม ต่องวด หรือเท่ากับ 1,098,800.- ใบต่องวด “รวม 26,371,200.- ใบต่อปี”
.
โดยแบ่งโควต้าการบริหารออกเป็น 2 ส่วน
.
ส่วนที่ 1 ให้กับ สมาคมทหารผ่านศึกพิการแห่งประเทศไทย จำนวน 4,235.- เล่ม หรือ 423,500.- ใบ ต่องวด
.
ส่วนที่ 2 จัดสรร ให้กับ สำนักงานจำหน่ายสลากกินแบ่งและบุหรี่ อผศ. (จสบ.) บริหารจัดการ จำนวน 6,735.- เล่ม หรือ 673,500.- ใบต่องวด
โดยมีการปันผลรายได้ให้กับทหารผ่านศึก ดังนี้
.
– บัตรชั้น 1 ที่พิการทุพลลภาพ จำนวน 2,848 รายปีละ 13,700.- บาท/ปี (รวมเป็นเงิน 39,017,600.-)
– สามี หรือภรรยา ครอบครัว บัตรชั้น1 จำนวน 2,882 ราย ปีละ 3,000.- บาท/ปี (รวมเป็นเงิน 8,646,000.-)
– สามีหรือภรรยาของทหารผ่านศึกที่พิการและเสียชีวิตภายหลัง จำนวน 981 ราย ปีละ 2,500 บาท/ปี
(รวมเป็นเงิน 2,452,500.-)
– ทหารผ่านศึกบัตรชั้น 2,3,4 ที่พิการทุพลภาพจำนวน 3,460 ราย ปีละ 2,000.- บาท/ปี
(รวมเป็นเงิน 6,920,000.-)
รวม 57,036,100 บาท ต่อปี เมื่อนำมาหารกับจำนวนฉลากต่อปีที่ได้รับ เฉลี่ยแล้ว 1 คนจะได้ปันผล อยู่ที่ใบละ “2.1 บาท ต่อคน”
.
โดยที่ต้นทุนฉลากที่ได้รับโควต้ามาอยู่ที่ ใบละ 70.4 บาท คำถามคือ
1. อผศ. ขายต่อให้ผู้ที่ได้รับโควต้าต่อ ใบละเท่าไร
2.ใครเป็นคนได้โควต้า หวยก้อนใหญ่นี้ กี่เจ้าที่ได้ไป
3. การบริหารจัดการรายได้จากการขายสลากนี้ เป็นยังไง นี่คือคำถาม ที่ผู้ผ่านศึกทุกคน และประชาชนควรจะได้รับรู้ ถึงความจริงใจในการดูแล ผู้เสียสละของชาติบ้านเมือง
.
ผมจะเร่งทำหนังสือสอบถามและติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อผู้ผ่านศึกทุกคน เพื่อประโยชน์ของผู้เสียสละเพื่อแผ่นดิน อย่าให้กลุ่มทุนเทามาหากินบนความลำบากของผู้ผ่านศึก”
.
ตั้งคำถามถึง สมาคมกีฬาคนตาบอด ที่เงินเข้าผู้บริหารมูลนิธิจำนวนมาก พร้อมแนบหลักฐานบัญชีรับ-โอน ทั้งเอกสารของ ดีเอสไอ ที่ยื่นถึงมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนเพื่อเยาวชนและสังคม ลงวันที่ 4 กันยายน 2567 ที่มีผลตรวจสอบว่า จากการสืบสวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้แก่บุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิก ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามข้อบังคับของสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย
.
พร้อมข้อความว่า
.
“ถ้าจะถามหาหลักฐาน… ก็พอจะมีอยู่น้า ยังไงต้องฝากรัฐมนตรีเจ้ากระทรวช่วยแถลงผลชิ้นแรก ขอเสิร์ฟเป็น “ออเดิร์ฟ”
จากผลการสอบสวนของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่พบว่า สมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย จำหน่าย สลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่สมาชิก ซึ่งถือว่า ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสมาคม และเป็นการ ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย อย่างชัดแจ้ง
และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กนะครับ กล้าๆทำหน่อย
.
ผมขอเรียกร้องให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาชี้แจงให้ประชาชนรับรู้ และดำเนินการลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
เพราะ “ความเห็นใจของประชาชน” ไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือหากินของใครอีกต่อไป”
.
ล่าสุด ได้โพสต์ข้อความว่า
.
“ถึง ท่านรัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผมอยากให้ท่านช่วยตอบเรื่องนี้เร็วๆ เหมือนเรื่องอื่นบ้าง
.
เรื่อนอื่นละตอบเร็ว ตอบเก่ง ตอบวันต่อวัน ถ้าตอบเองไม่ได้ก็ส่งลูกน้องตอบ พอเรื่องหวยทหารผ่านศึก เรื่องความโปร่งใสในการบริหารสวัสดิการ ท่านเงียบเหมือนมือถือหาย เหมือนท่านไม่รับรู้อะไร ผอ.อผศ ก็เตรียมทหารรุ่นเดียวกับท่าน รมช.
นี่ผมมาด้วยไมตรีจิต ผมอยากชวนท่านทั้งสอง มาร่วมกัน “แก้ไขปัญหาขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก” อย่างจริงใจ และจริงจัง
ผมเชื่อมั่นว่า ทั้งผม ท่าน และพี่น้องทหารจำนวนมาก
.
ล้วนรับรู้และตระหนักถึง “ปัญหาความไม่โปร่งใส” ที่เกิดขึ้นในองค์กรนี้ โดยเฉพาะในเรื่อง
– โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล
– กิจการรักษาความปลอดภัย (รปภ.)
– กิจการโรงงานในอารักษ์
– สิทธิและสวัสดิการของผู้ผ่านศึก
.
ทุกวันนี้ “สถานการณ์การรบ” ของชาติเราดีขึ้นแล้วแม้จะยังไม่เป็นสถานการณ์สีเขียว
แต่ “สถานภาพของผู้ผ่านศึก” ตอนนี้กำลังเป็นสีแดง
.
แล้วครับท่าน ผู้ที่เคยเสียสละเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดินกลับยังไมได้รับการปรับปรุงดูแลที่ดีขึ้นเลย
.
สิ่งที่ดีขึ้นและเห็นชัดก็จะมีแต่ “รายได้ของกลุ่มทุนเทา”
ที่ยังคงกัดกินผลประโยชน์จากโควตาสลากอย่างต่อเนื่อง
.
บางกลุ่มถึงขั้น แอบอ้างชื่อรัฐมนตรี ว่าต้องนำโควตาไปดูแลท่าน ผมไม่เชื่อครับ! ท่านไม่ใช่คนแบบนั้นแน่ ๆ …ใช่ไหมครับ?
.
ดังนั้น ผมอยากชวนท่าน แสดงความจริงใจ
ในการร่วมกัน “เปิดปัญหา แก้ไขปัญหา และคืนความโปร่งใส” ให้กับ อผศ.
.
และอย่าบอกไม่รู้เรื่องนะท่าน เดี๋ยวผมกำลังเร่งจัดทำหนังสือถึงท่าน เพื่อขอเข้าพบ พูดคุย และหารือแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเป็นระบบ
และ แม้ว่าองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกจะเป็นหน่วยงานพิเศษที่ไม่อยู่ในกำกับดูแลทางตรง แต่ตำแหน่ง “ผู้อำนวยการ อผศ.” ก็ล้วนผ่านการตัดสินใจจากท่านรัฐมนตรีทั้งสอง
.
ดังนั้น ท่านจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบนี้ไม่ได้ครับ
ถึงเวลาแล้วที่เราต้อง “คืนศักดิ์ศรีให้ผู้ผ่านศึก” และ ฟื้นความศรัทธาในองค์กร ให้ประโยชน์สูงสุด เป็นของผู้เสียสละทุกคน หาใช่ผู้อื่นใด ลุยๆกล้า หน่อยท่าน อย่าหยอแบบนี้
.
สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ทำงานหน่อย”
.
.
.
.
.
ธุรกิจท่องเที่ยว จี้รัฐเพิ่มความขลังแก้ปมภาพลักษณ์ไทย หวั่นลามตลาดต่างชาติติดลบ
https://www.matichon.co.th/economy/news_5440233
.
ธุรกิจท่องเที่ยว จี้รัฐเพิ่มความขลังแก้ปมภาพลักษณ์ไทย หวั่นลามตลาดต่างชาติติดลบ
.
นาย
ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร ประธานที่ปรึกษา และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ภาคการท่องเที่ยวไทย ไม่สามารถปล่อยให้เดินหน้าไปตามธรรมชาติได้ เพราะประเทศไทยยังมีผลกระทบจากความไม่เชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ภาพลักษณ์ของไทยในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังคงมีความกังวลในการเดินทางอยู่ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเพิ่มความขลังในการทำงาน เอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหา โดยต้องเป็นการนำของกระทรวงด้านความมั่นคงโดยตรง และนายกรัฐมนตรี ประกาศขั้นตอนที่จะทำแบบกำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จอย่างชัดเจน เพื่อหยุดผลกระทบและการลุกลามมากกว่านี้ เพราะจากตอนแรกตลาดจีนติดลบ แต่ตอนนี้มีทั้งไต้หวัน ฮ่องกง รวมถึงเกาหลีใต้ที่เริ่มชะลอตัวในการเข้ามาเที่ยวไทยแล้ว
.
นาย
ศิษฎิวัชร กล่าวว่า แม้จริงๆ แล้วความปลอดภัยในการท่องเที่ยวของไทยจะไม่ได้มีปัญหา แต่เรายังติดเรื่องคนส่วนน้อยที่ทำผิดกฎหมาย เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว หรือข่มขู่เพื่อหาประโยชน์ส่วนตน ยกตัวอย่างไกด์เถื่อนชาวจีนที่ขู่นักท่องเที่ยวจีนให้ซื้อสินค้าราคาแพงในร้านที่กำหนด ไม่เช่นนั้นจะกลับประเทศไม่ได้ กรณีแบบนี้จะต้องลงโทษตามกฎหมายให้เป็นตัวอย่าง เอาผิดแบบรุนแรง จะจำคุกหรือปรับก็ต้องทำตามกฎหมายกำหนดไว้สูงสุด ไม่ใช่หาทางลงให้ผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่ต้องเข้มแข็งในการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงต้องระงับหนังสือเดินทางเข้าไทยแบบถาวรด้วย เพื่อให้ทั่วโลกได้เห็นภาพการอย่างเป็นรูปธรรม
.
“
ในฐานะคนไทย สิ่งที่เจ็บใจมากที่สุดคือ คำว่าประเทศไทยขอแค่มีเงินก็สามารถทำอะไรได้ตามใจแล้ว รวมถึงเรื่องผิดกฎหมายด้วย ซึ่งถือเป็นคำพูดที่ไม่ควรปล่อยให้สามารถพูดออกมาได้ เพราะสะท้อนถึงภาพลักษณ์ประเทศในสายตาคนพูด ต้องถามว่าทำไมเราถึงปล่อยให้เขาพูดแบบนี้ได้ ปล่อยให้ประเทศเดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เหมือนที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวไว้ในการประชุมสมาชิกสมาคมฯ ว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ โดยเฉพาะทุนสีเทาต่างๆ จะเกิดขึ้นได้อย่างไรหากไม่มีไทยเทาเข้าไปร่วมด้วย ตอนนี้จึงเป็นจุดที่ต้องล้างสีเทาออกจากคนด้วยกันเอง เพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจังแล้ว” นาย
ศิษฎิวัชร กล่าว
.
นาย
ศิษฎิวัชร กล่าวว่า เรื่องภาพลักษณ์ของประเทศถือว่ามีความสำคัญมากในการเดินทางเข้ามาเยี่ยมเยือนของต่างชาติ เพราะหากมีปัญหาด้านความปลอดภัย ก็คงไม่มีใครอยากมา ซึ่งการที่ไทยมีปัญหาเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายกรณีนับตั้งแต่อดีต จนผลกระทบมีชัดเจนมากขึ้นก็ช่วงต้นปี 2568 ที่มีนักแสดงจีนเข้ามาหลายตัวไปบริเวณชายแดนไทย แต่กรณีนั้นยังโชคดีที่ตำรวจสามารถตามกลับมาได้อย่างปลอดภัย และแม้กลับมาแบบปลอดภัย แต่ความเชื่อมั่นที่ถูกกระทบไปแล้วยังไม่สามารถกลับมาได้เลย นักท่องเที่ยวทั่วไปที่ยังไม่เคยมาเที่ยวไทยก็จะกลัวและไม่มา ซึ่งต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวที่แท้จริง จะมีความอ่อนไหวง่าย ทำให้หากไม่แก้ไขปัญหาโดยเร็วจะอันตรายต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมแน่นอน
.
นาย
ศิษฎิวัชร กล่าวว่า รัฐบาลที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นพรรคใดหรือฝ่ายใด แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ควรให้ความสำคัญ เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจ หากหายไปก็จะส่งผลกระทบกับภาพรวม ต้องยอมรับว่าปัญหาเรื่องความปลอดภัยของไทยมีมาอย่างต่อเนื่อง แต่เริ่มลุกลามจริงๆ ก็ปีนี้ รวมถึงปัญหาที่คนไทยถูกหลอกเป็นเหยื่อโจรออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ แต่กลับไม่เห็นการแก้ไขปัญหาอย่างเอาจริงเอาจังจากรัฐบาล ปล่อยให้ขบวนการใหญ่มากขึ้นจนเกินจะปราบปรามเองได้ ทำให้กลายเป็นปัญหาโลกที่ต้องเข้ามาช่วยแก้ไข แม้ต้นเหตุจะเป็นประเทศกัมพูชา แต่ไม่ได้หมายความว่าไทยจะไม่ถูกกระทบ เพราะถูกมองว่าแก๊งอาชญกรรมระหว่างประเทศเหล่านั้นก็ย้ายมาตั้งฐานในไทย และเริ่มต้นขบวนการต่อ รัฐบาลจึงควรร่วมมือกับนานาประเทศแก้ไขปัญหาให้เด็ดขาด.
JJNY : ส.ส.ปชน.จี้เคลียร์ปมโควต้าหวยสีเทา│ท่องเที่ยวหวั่นลามตลาดต่างชาติติดลบ│‘อุทัยธานี’อ่วม! น้ำป่าหลาก│14 จว.ฝนตกหนัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5439680
.
ส่วนที่ 1 ให้กับ สมาคมทหารผ่านศึกพิการแห่งประเทศไทย จำนวน 4,235.- เล่ม หรือ 423,500.- ใบ ต่องวด
ส่วนที่ 2 จัดสรร ให้กับ สำนักงานจำหน่ายสลากกินแบ่งและบุหรี่ อผศ. (จสบ.) บริหารจัดการ จำนวน 6,735.- เล่ม หรือ 673,500.- ใบต่องวด
– บัตรชั้น 1 ที่พิการทุพลลภาพ จำนวน 2,848 รายปีละ 13,700.- บาท/ปี (รวมเป็นเงิน 39,017,600.-)
– สามี หรือภรรยา ครอบครัว บัตรชั้น1 จำนวน 2,882 ราย ปีละ 3,000.- บาท/ปี (รวมเป็นเงิน 8,646,000.-)
– สามีหรือภรรยาของทหารผ่านศึกที่พิการและเสียชีวิตภายหลัง จำนวน 981 ราย ปีละ 2,500 บาท/ปี
(รวมเป็นเงิน 2,452,500.-)
– ทหารผ่านศึกบัตรชั้น 2,3,4 ที่พิการทุพลภาพจำนวน 3,460 ราย ปีละ 2,000.- บาท/ปี
(รวมเป็นเงิน 6,920,000.-)
รวม 57,036,100 บาท ต่อปี เมื่อนำมาหารกับจำนวนฉลากต่อปีที่ได้รับ เฉลี่ยแล้ว 1 คนจะได้ปันผล อยู่ที่ใบละ “2.1 บาท ต่อคน”
1. อผศ. ขายต่อให้ผู้ที่ได้รับโควต้าต่อ ใบละเท่าไร
2.ใครเป็นคนได้โควต้า หวยก้อนใหญ่นี้ กี่เจ้าที่ได้ไป
3. การบริหารจัดการรายได้จากการขายสลากนี้ เป็นยังไง นี่คือคำถาม ที่ผู้ผ่านศึกทุกคน และประชาชนควรจะได้รับรู้ ถึงความจริงใจในการดูแล ผู้เสียสละของชาติบ้านเมือง
ผมขอเรียกร้องให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาชี้แจงให้ประชาชนรับรู้ และดำเนินการลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
เพราะ “ความเห็นใจของประชาชน” ไม่ควรถูกใช้เป็นเครื่องมือหากินของใครอีกต่อไป”
เรื่อนอื่นละตอบเร็ว ตอบเก่ง ตอบวันต่อวัน ถ้าตอบเองไม่ได้ก็ส่งลูกน้องตอบ พอเรื่องหวยทหารผ่านศึก เรื่องความโปร่งใสในการบริหารสวัสดิการ ท่านเงียบเหมือนมือถือหาย เหมือนท่านไม่รับรู้อะไร ผอ.อผศ ก็เตรียมทหารรุ่นเดียวกับท่าน รมช.
นี่ผมมาด้วยไมตรีจิต ผมอยากชวนท่านทั้งสอง มาร่วมกัน “แก้ไขปัญหาขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก” อย่างจริงใจ และจริงจัง
ผมเชื่อมั่นว่า ทั้งผม ท่าน และพี่น้องทหารจำนวนมาก
– โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล
– กิจการรักษาความปลอดภัย (รปภ.)
– กิจการโรงงานในอารักษ์
– สิทธิและสวัสดิการของผู้ผ่านศึก
แต่ “สถานภาพของผู้ผ่านศึก” ตอนนี้กำลังเป็นสีแดง
แล้วครับท่าน ผู้ที่เคยเสียสละเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดินกลับยังไมได้รับการปรับปรุงดูแลที่ดีขึ้นเลย
สิ่งที่ดีขึ้นและเห็นชัดก็จะมีแต่ “รายได้ของกลุ่มทุนเทา”
ที่ยังคงกัดกินผลประโยชน์จากโควตาสลากอย่างต่อเนื่อง
บางกลุ่มถึงขั้น แอบอ้างชื่อรัฐมนตรี ว่าต้องนำโควตาไปดูแลท่าน ผมไม่เชื่อครับ! ท่านไม่ใช่คนแบบนั้นแน่ ๆ …ใช่ไหมครับ?
ในการร่วมกัน “เปิดปัญหา แก้ไขปัญหา และคืนความโปร่งใส” ให้กับ อผศ.
และอย่าบอกไม่รู้เรื่องนะท่าน เดี๋ยวผมกำลังเร่งจัดทำหนังสือถึงท่าน เพื่อขอเข้าพบ พูดคุย และหารือแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเป็นระบบ
ดังนั้น ท่านจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบนี้ไม่ได้ครับ
ถึงเวลาแล้วที่เราต้อง “คืนศักดิ์ศรีให้ผู้ผ่านศึก” และ ฟื้นความศรัทธาในองค์กร ให้ประโยชน์สูงสุด เป็นของผู้เสียสละทุกคน หาใช่ผู้อื่นใด ลุยๆกล้า หน่อยท่าน อย่าหยอแบบนี้
สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ทำงานหน่อย”
.
ธุรกิจท่องเที่ยว จี้รัฐเพิ่มความขลังแก้ปมภาพลักษณ์ไทย หวั่นลามตลาดต่างชาติติดลบ
https://www.matichon.co.th/economy/news_5440233
.
ธุรกิจท่องเที่ยว จี้รัฐเพิ่มความขลังแก้ปมภาพลักษณ์ไทย หวั่นลามตลาดต่างชาติติดลบ
.
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร ประธานที่ปรึกษา และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ภาคการท่องเที่ยวไทย ไม่สามารถปล่อยให้เดินหน้าไปตามธรรมชาติได้ เพราะประเทศไทยยังมีผลกระทบจากความไม่เชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว ภาพลักษณ์ของไทยในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังคงมีความกังวลในการเดินทางอยู่ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเพิ่มความขลังในการทำงาน เอาจริงเอาจังในการแก้ไขปัญหา โดยต้องเป็นการนำของกระทรวงด้านความมั่นคงโดยตรง และนายกรัฐมนตรี ประกาศขั้นตอนที่จะทำแบบกำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จอย่างชัดเจน เพื่อหยุดผลกระทบและการลุกลามมากกว่านี้ เพราะจากตอนแรกตลาดจีนติดลบ แต่ตอนนี้มีทั้งไต้หวัน ฮ่องกง รวมถึงเกาหลีใต้ที่เริ่มชะลอตัวในการเข้ามาเที่ยวไทยแล้ว
.
นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า แม้จริงๆ แล้วความปลอดภัยในการท่องเที่ยวของไทยจะไม่ได้มีปัญหา แต่เรายังติดเรื่องคนส่วนน้อยที่ทำผิดกฎหมาย เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว หรือข่มขู่เพื่อหาประโยชน์ส่วนตน ยกตัวอย่างไกด์เถื่อนชาวจีนที่ขู่นักท่องเที่ยวจีนให้ซื้อสินค้าราคาแพงในร้านที่กำหนด ไม่เช่นนั้นจะกลับประเทศไม่ได้ กรณีแบบนี้จะต้องลงโทษตามกฎหมายให้เป็นตัวอย่าง เอาผิดแบบรุนแรง จะจำคุกหรือปรับก็ต้องทำตามกฎหมายกำหนดไว้สูงสุด ไม่ใช่หาทางลงให้ผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่ต้องเข้มแข็งในการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงต้องระงับหนังสือเดินทางเข้าไทยแบบถาวรด้วย เพื่อให้ทั่วโลกได้เห็นภาพการอย่างเป็นรูปธรรม
.
“ในฐานะคนไทย สิ่งที่เจ็บใจมากที่สุดคือ คำว่าประเทศไทยขอแค่มีเงินก็สามารถทำอะไรได้ตามใจแล้ว รวมถึงเรื่องผิดกฎหมายด้วย ซึ่งถือเป็นคำพูดที่ไม่ควรปล่อยให้สามารถพูดออกมาได้ เพราะสะท้อนถึงภาพลักษณ์ประเทศในสายตาคนพูด ต้องถามว่าทำไมเราถึงปล่อยให้เขาพูดแบบนี้ได้ ปล่อยให้ประเทศเดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เหมือนที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวไว้ในการประชุมสมาชิกสมาคมฯ ว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ โดยเฉพาะทุนสีเทาต่างๆ จะเกิดขึ้นได้อย่างไรหากไม่มีไทยเทาเข้าไปร่วมด้วย ตอนนี้จึงเป็นจุดที่ต้องล้างสีเทาออกจากคนด้วยกันเอง เพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจังแล้ว” นายศิษฎิวัชร กล่าว
.
นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า เรื่องภาพลักษณ์ของประเทศถือว่ามีความสำคัญมากในการเดินทางเข้ามาเยี่ยมเยือนของต่างชาติ เพราะหากมีปัญหาด้านความปลอดภัย ก็คงไม่มีใครอยากมา ซึ่งการที่ไทยมีปัญหาเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายกรณีนับตั้งแต่อดีต จนผลกระทบมีชัดเจนมากขึ้นก็ช่วงต้นปี 2568 ที่มีนักแสดงจีนเข้ามาหลายตัวไปบริเวณชายแดนไทย แต่กรณีนั้นยังโชคดีที่ตำรวจสามารถตามกลับมาได้อย่างปลอดภัย และแม้กลับมาแบบปลอดภัย แต่ความเชื่อมั่นที่ถูกกระทบไปแล้วยังไม่สามารถกลับมาได้เลย นักท่องเที่ยวทั่วไปที่ยังไม่เคยมาเที่ยวไทยก็จะกลัวและไม่มา ซึ่งต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวที่แท้จริง จะมีความอ่อนไหวง่าย ทำให้หากไม่แก้ไขปัญหาโดยเร็วจะอันตรายต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมแน่นอน
.
นายศิษฎิวัชร กล่าวว่า รัฐบาลที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นพรรคใดหรือฝ่ายใด แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ควรให้ความสำคัญ เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจ หากหายไปก็จะส่งผลกระทบกับภาพรวม ต้องยอมรับว่าปัญหาเรื่องความปลอดภัยของไทยมีมาอย่างต่อเนื่อง แต่เริ่มลุกลามจริงๆ ก็ปีนี้ รวมถึงปัญหาที่คนไทยถูกหลอกเป็นเหยื่อโจรออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ แต่กลับไม่เห็นการแก้ไขปัญหาอย่างเอาจริงเอาจังจากรัฐบาล ปล่อยให้ขบวนการใหญ่มากขึ้นจนเกินจะปราบปรามเองได้ ทำให้กลายเป็นปัญหาโลกที่ต้องเข้ามาช่วยแก้ไข แม้ต้นเหตุจะเป็นประเทศกัมพูชา แต่ไม่ได้หมายความว่าไทยจะไม่ถูกกระทบ เพราะถูกมองว่าแก๊งอาชญกรรมระหว่างประเทศเหล่านั้นก็ย้ายมาตั้งฐานในไทย และเริ่มต้นขบวนการต่อ รัฐบาลจึงควรร่วมมือกับนานาประเทศแก้ไขปัญหาให้เด็ดขาด.