อ่านเรื่องสัมมนาปฏิสัมภิทามรรคชั้นสูง ๔ ทิฏฐิกถา ความรู้เรื่องทิฏฐิ ๖ ประเด็น เจอ ชรา ว่าไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน ก็เลยตกใจ
ตามนี้
ท่านพระสารีบุตรก็จะขยายความแต่ละอันแต่ละอัน
อันที่ 1 ก็คือ
อะภินิเวสะปรามาโส ทิฏฐิ
ความยึดถือเป็นอย่างอื่นอย่างเหนียวแน่นเรียกว่า ทิฏฐิ เป็นยังไง ท่านก็ขยายความไป
เวลาท่านขยายความท่านก็อาศัยธรรม201อย่างนั่นแหละที่เราเรียนมาแล้วมีอะไรบ้างก็เรียนไปเมื่อว่านแล้วมั๊งท่านจำไม่ได้ก็ต้องไปทบทวนนิดนึง
ธรรม 201 ผมเขียนแต่ชื่อมาให้ ก็คือ ยึดสิ่งเหล่านี้ อาการยึดก็จะเป็นว่า
รูปัง เนี่ยสมมุติเอารูปขึ้นมาเป็นตัวหลักในการยึด นา ก็ยึดธรรม 201 นั่นแหละก็สลับไปตามองค์ธรรมหรือว่าตามสภาวะที่เข้าไปยึดนะ
รูปัง
เอตัง มะมะ
เอโสหะมัสสะมิ
เอโส เมอัตตา ติ
อะภินิเวสาปรามาโส ทิฏฐิ
ความยึดเป็นอย่างอื่นอย่างเหนียวแน่นว่า
รูปนั่นเป็นของเรา
เราเป็นรูปนั่น
รูปนั่นเป็นอัตราของเรา
ดังนี้ เป็นทิฏฐิ

---19.02
คำตรงคำว่า รูปัง สามารถเปลี่ยนแปลงได้จำนวน 201 คำ
บางคนก็ยึด รูป บางคนก็ยึดเวทนา ในเวทนาก็สามารถยึดกระจายได้อีกเป็น เวทนาสุข เวทนาทุกข์
19.19
เวทนาอทุกขมสุข
หรือ รูป ก็สามารถกระจายได้อีกเป็นธาตุ 4 ดิน น้ำ ไฟ ลม
ดินนั้นเป็นของเรา เราเป็นดินนั่น ดินนั่นเป็นอัตราของเรา ประมาณนี้นะครับทำนองนี้
เราก็จะเข้าใจว่าอ้อทิฏฐิคือแบบนี้
ตัวหลักของทิฏฐิ ก็คือ อะภินิเวสะปรามาโส นั่นเองนะครับตัวนี้
แต่เวลาเขายึดเขาก็จะยึดสิ่งต่างๆจำนวน 201 อย่างนั่นเองนะ แต่ว่าในพระสูตรทั่วไปเราก็จะเห็น
พระพุทธเจ้าแสดงยึดขันธ์ 5 อะไรอย่างนี้นะ ยึดอายะตะนะ อะไรประมาณนี้ เอบางท่านก็บอกว่า
มันยึดได้กี่อย่างนะ อยากรู้เราก็มาเรียนในคัมภีร์นี้ก็จะรู้หมดเลยนะครับ จนถึงนี่ ชรา มรณะ
ก็คือ รูป นี้เป็นลำดับที่ 1 นะ ชรามรณะเรียนลำดับที่ 201
ชะรามะระณัง เอตัง มะมะ , เอโสหะมะสะมิ , เอโส เม อัตตา ติ อภินิเวสะปรามาโส ทิฏฐิ .
การยึดถือเป็นอย่างอื่นอย่างเหนียวแน่นว่า
ชรามรณะ นั่น เป็นของเรา
เรา เป็นชรามรณะนั่น
ชรามรณะนั่น เป็นอัตราตัวตนของเรา
ดั่งนี้ เป็นทิฏฐิ นะครับ
-----20.29
จริงๆชรามรณะก็เป็นสภาวะธรรมน๊อ เกิดดับ แต่ว่าความยึดถือเป็นอย่างอื่น ที่จริง จริงๆ
ชรามรณะไม่ได้เป็นเรา เป็นของเรา แต่คนนี้ยึดเป็นอย่างอื่นก็ ความยึดนั่นแหละคือทิฏฐิ
และยึดอย่างเหนียวแน่นด้วยว่า ต้องเป็นเราเท่านั้นที่แก่ เราไม่แก่ได้ยังไง เราก็แก่ยิ่งอะไรประมาณนี้นะ
ทำนองนี้นะครับ
เราตายอะไรทำนองนี้ จริงๆแก่แล้วตายก็เป็นเรื่องของรูปนามขันธ์ 5 น๊อคนละเรื่องกันทีนี้เขายึด
พวกยึดเนี่ย ฉนั้นเวลาท่านขยายทิฏฐิก็เลยใช้คำบาลีว่า อภินิเวสะปรามาโส ทิฏฐิ
อภินิเวสะ เหนียวแน่นกอดรัดไว้
ปรามาสะ ปะระเป็นอย่างอื่น มาสะถือถือเป็นอย่างอื่น อย่างเหนียวแน่น นะครับ เรียกว่า ทิฏฐิ นา
นี้คืออธิบายชุดที่ 1 ทิฏฐิคืออะไร
-------21.23
------------------
เมื่ออ่านแล้วจึงตกใจครับ เออจริงของอาจารย์ ว่าครับ กราบขอบพระคุณครับ
เอตัง มะมะ เอโส หะมัสสะมิ เอโส เม อัตตา
ตามนี้
ท่านพระสารีบุตรก็จะขยายความแต่ละอันแต่ละอัน
อันที่ 1 ก็คือ อะภินิเวสะปรามาโส ทิฏฐิ
ความยึดถือเป็นอย่างอื่นอย่างเหนียวแน่นเรียกว่า ทิฏฐิ เป็นยังไง ท่านก็ขยายความไป
เวลาท่านขยายความท่านก็อาศัยธรรม201อย่างนั่นแหละที่เราเรียนมาแล้วมีอะไรบ้างก็เรียนไปเมื่อว่านแล้วมั๊งท่านจำไม่ได้ก็ต้องไปทบทวนนิดนึง
ธรรม 201 ผมเขียนแต่ชื่อมาให้ ก็คือ ยึดสิ่งเหล่านี้ อาการยึดก็จะเป็นว่า
รูปัง เนี่ยสมมุติเอารูปขึ้นมาเป็นตัวหลักในการยึด นา ก็ยึดธรรม 201 นั่นแหละก็สลับไปตามองค์ธรรมหรือว่าตามสภาวะที่เข้าไปยึดนะ
รูปัง
เอตัง มะมะ
เอโสหะมัสสะมิ
เอโส เมอัตตา ติ
อะภินิเวสาปรามาโส ทิฏฐิ
ความยึดเป็นอย่างอื่นอย่างเหนียวแน่นว่า
รูปนั่นเป็นของเรา
เราเป็นรูปนั่น
รูปนั่นเป็นอัตราของเรา
ดังนี้ เป็นทิฏฐิ
---19.02
คำตรงคำว่า รูปัง สามารถเปลี่ยนแปลงได้จำนวน 201 คำ
บางคนก็ยึด รูป บางคนก็ยึดเวทนา ในเวทนาก็สามารถยึดกระจายได้อีกเป็น เวทนาสุข เวทนาทุกข์
19.19
เวทนาอทุกขมสุข
หรือ รูป ก็สามารถกระจายได้อีกเป็นธาตุ 4 ดิน น้ำ ไฟ ลม
ดินนั้นเป็นของเรา เราเป็นดินนั่น ดินนั่นเป็นอัตราของเรา ประมาณนี้นะครับทำนองนี้
เราก็จะเข้าใจว่าอ้อทิฏฐิคือแบบนี้
ตัวหลักของทิฏฐิ ก็คือ อะภินิเวสะปรามาโส นั่นเองนะครับตัวนี้
แต่เวลาเขายึดเขาก็จะยึดสิ่งต่างๆจำนวน 201 อย่างนั่นเองนะ แต่ว่าในพระสูตรทั่วไปเราก็จะเห็น
พระพุทธเจ้าแสดงยึดขันธ์ 5 อะไรอย่างนี้นะ ยึดอายะตะนะ อะไรประมาณนี้ เอบางท่านก็บอกว่า
มันยึดได้กี่อย่างนะ อยากรู้เราก็มาเรียนในคัมภีร์นี้ก็จะรู้หมดเลยนะครับ จนถึงนี่ ชรา มรณะ
ก็คือ รูป นี้เป็นลำดับที่ 1 นะ ชรามรณะเรียนลำดับที่ 201
ชะรามะระณัง เอตัง มะมะ , เอโสหะมะสะมิ , เอโส เม อัตตา ติ อภินิเวสะปรามาโส ทิฏฐิ .
การยึดถือเป็นอย่างอื่นอย่างเหนียวแน่นว่า
ชรามรณะ นั่น เป็นของเรา
เรา เป็นชรามรณะนั่น
ชรามรณะนั่น เป็นอัตราตัวตนของเรา
ดั่งนี้ เป็นทิฏฐิ นะครับ
-----20.29
จริงๆชรามรณะก็เป็นสภาวะธรรมน๊อ เกิดดับ แต่ว่าความยึดถือเป็นอย่างอื่น ที่จริง จริงๆ
ชรามรณะไม่ได้เป็นเรา เป็นของเรา แต่คนนี้ยึดเป็นอย่างอื่นก็ ความยึดนั่นแหละคือทิฏฐิ
และยึดอย่างเหนียวแน่นด้วยว่า ต้องเป็นเราเท่านั้นที่แก่ เราไม่แก่ได้ยังไง เราก็แก่ยิ่งอะไรประมาณนี้นะ
ทำนองนี้นะครับ
เราตายอะไรทำนองนี้ จริงๆแก่แล้วตายก็เป็นเรื่องของรูปนามขันธ์ 5 น๊อคนละเรื่องกันทีนี้เขายึด
พวกยึดเนี่ย ฉนั้นเวลาท่านขยายทิฏฐิก็เลยใช้คำบาลีว่า อภินิเวสะปรามาโส ทิฏฐิ
อภินิเวสะ เหนียวแน่นกอดรัดไว้
ปรามาสะ ปะระเป็นอย่างอื่น มาสะถือถือเป็นอย่างอื่น อย่างเหนียวแน่น นะครับ เรียกว่า ทิฏฐิ นา
นี้คืออธิบายชุดที่ 1 ทิฏฐิคืออะไร
-------21.23
------------------
เมื่ออ่านแล้วจึงตกใจครับ เออจริงของอาจารย์ ว่าครับ กราบขอบพระคุณครับ