รวบขบวนการ ส่งพัสดุหลอกเหยื่อ เก็บเงินปลายทาง รายได้เฉลี่ย 5 แสนต่อเดือน
วันที่ 31 ต.ค. 68 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
แถลงปฏิบัติการทลายขบวนการแก๊งส่งพัสดุหลอกเหยื่อเก็บเงินปลายทาง มีรายได้เฉลี่ย 5 แสนบาทต่อเดือน
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ กล่าวว่า..
เรื่องนี้เริ่มต้นจาก มีกลุ่มมิจฉาชีพส่งพัสดุสินค้ามาให้ พ.ต.ท.เอนก ยอดหมวก รอง ผกก.3 บก.สอท.2 โดยไม่ได้มีการสั่งซื้อและหลอกเก็บเงินปลายทาง
ซึ่งในเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ มีผู้ถูกหลอกไปแล้วเป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายแก่ประชาชนเป็นวงกว้างทั่วประเทศ
โดยตำรวจ ได้ทำการสืบสวนหาผู้กระทำผิด จนทราบว่ากลุ่มขบวนการที่มีการลักลอบส่งพัสดุดังกล่าวนั้น ส่งมาจากบริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งออฟฟิศอยู่ในพื้นที่ย่านนวลจันทร์ กรุงเทพฯ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายค้นเป้าหมาย
ต่อมา นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญา ที่ 864/2568 ตรวจค้นบริษัทดังกล่าว ก่อนเข้าจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิด 4 ราย ประกอบด้วย
- นายศิวัจน์ ชัยปิยะศาสตร์ อายุ 32 ปี
- นายสหัสชัย พ่วงศรี อายุ 34 ปี
- นายภานุวัฒน์ พลายงาม อายุ 28 ปี
- นายธนกฤต พัชรทิวัฒน์ อายุ 28 ปี
พร้อมตรวจอายัดของกลาง
- คอมพิวเตอร์ 4 เครื่อง
- โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง
- สมุดบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น (บัญชีม้า) 10 เล่ม
- บัตรเอทีเอ็มของบุคคลอื่น (บัญชีม้า) 13 ใบ
- ซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนแล้ว (ไว้ใช้สมัครการส่งพัสดุเก็บเงินปลายทาง (COD)) 304 ซิม
- กล่อง/ถุง บรรจุพัสดุที่ติดฉลากชื่อผู้รับพัสดุเตรียมส่ง 494 ชิ้น
- กล่อง/ถุง บรรจุพัสดุแพ็กเรียบร้อยแต่ยังไม่ได้ติดฉลากชื่อผู้รับพัสดุ 517 ชิ้น
- เสื้อผ้ามือสอง (ไว้บรรจุ) 320 ตัว
- กล่องกระดาษ 2,900 ใบ
- และอุปกรณ์ที่ใช้ในการแพ็กสินค้าพร้อมเครื่องพิมพ์สติกเกอร์ชื่อและที่อยู่ของเหยื่อผู้รับของปลายทาง
พ.ต.อ.ปกรกิตติ์ กล่าวต่อว่า..
เบื้องต้นสอบสวนนายศิวัจน์ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญให้การยอมรับว่า เคยประกอบการเปิดบริษัทรับส่งพัสดุ และเปิดเพจขายสินค้ามาก่อน โดยมีฐานรายชื่อลูกค้าจากการยิงแอดโฆษณา ซึ่งรู้ช่องว่างของระบบบริษัทขนส่ง
จึงได้นำรายชื่อลูกค้าที่เคยสั่งสินค้ากับตน มาจัดส่งพัสดุเป็นประเภทเสื้อผ้ามือสองที่เหมาซื้อในราคาถูก ๆ
โดยใช้ออฟฟิศในกรุงเทพฯ เป็นจุดสั่งการ ไปที่โกดังในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เป็นจุดให้คนงานแพ็กสินค้าทยอยจัดส่งให้เหยื่อ ผ่านระบบเก็บเงินปลายทาง cash on delivery (COD) ในราคา 400 บาท โดยสร้างความเสียหายไปแล้วนับล้านบาท
อีกทั้ง นายศิวัจน์มีความรู้ระบบเป็นอย่างดี จึงได้อาศัยช่องว่าง โดยการเปิด User ด้วยซิมผี ที่ลักลอบจดทะเบียน ก่อนนำมาลงทะเบียนเปิด User จำนวนมาก
โดยส่ง User ละ 100 กล่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของระบบบริษัทขนส่งพัสดุ
โดยมีการส่งสินค้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เฉลี่ย 12,500 ชิ้นต่อเดือน ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567
ซึ่งพนักงานในบริษัทเป็นผู้ทำระบบลูกค้าและจัดหาบัญชีม้า เพื่อใช้รับเงินค่าพัสดุเก็บเงินปลายทาง จากบริษัทขนส่ง ก่อนทยอยส่ง User ละ 100 ชิ้น ที่ผ่านมามีรายได้เฉลี่ย 5 แสนบาทต่อเดือน
โดยตำรวจดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ที่มา : ไทยรัฐ
มิจฉาชีพพัสดุเก็บเงินปลายทาง พลาด ส่งพัสดุให้รองผกก. โดนรวบคาออฟฟิศ
รวบขบวนการ ส่งพัสดุหลอกเหยื่อ เก็บเงินปลายทาง รายได้เฉลี่ย 5 แสนต่อเดือน
วันที่ 31 ต.ค. 68 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
แถลงปฏิบัติการทลายขบวนการแก๊งส่งพัสดุหลอกเหยื่อเก็บเงินปลายทาง มีรายได้เฉลี่ย 5 แสนบาทต่อเดือน
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ กล่าวว่า..
เรื่องนี้เริ่มต้นจาก มีกลุ่มมิจฉาชีพส่งพัสดุสินค้ามาให้ พ.ต.ท.เอนก ยอดหมวก รอง ผกก.3 บก.สอท.2 โดยไม่ได้มีการสั่งซื้อและหลอกเก็บเงินปลายทาง
ซึ่งในเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ มีผู้ถูกหลอกไปแล้วเป็นจำนวนมาก สร้างความเสียหายแก่ประชาชนเป็นวงกว้างทั่วประเทศ
โดยตำรวจ ได้ทำการสืบสวนหาผู้กระทำผิด จนทราบว่ากลุ่มขบวนการที่มีการลักลอบส่งพัสดุดังกล่าวนั้น ส่งมาจากบริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งออฟฟิศอยู่ในพื้นที่ย่านนวลจันทร์ กรุงเทพฯ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายค้นเป้าหมาย
ต่อมา นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลอาญา ที่ 864/2568 ตรวจค้นบริษัทดังกล่าว ก่อนเข้าจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิด 4 ราย ประกอบด้วย
- นายศิวัจน์ ชัยปิยะศาสตร์ อายุ 32 ปี
- นายสหัสชัย พ่วงศรี อายุ 34 ปี
- นายภานุวัฒน์ พลายงาม อายุ 28 ปี
- นายธนกฤต พัชรทิวัฒน์ อายุ 28 ปี
พร้อมตรวจอายัดของกลาง
- คอมพิวเตอร์ 4 เครื่อง
- โทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง
- สมุดบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น (บัญชีม้า) 10 เล่ม
- บัตรเอทีเอ็มของบุคคลอื่น (บัญชีม้า) 13 ใบ
- ซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนแล้ว (ไว้ใช้สมัครการส่งพัสดุเก็บเงินปลายทาง (COD)) 304 ซิม
- กล่อง/ถุง บรรจุพัสดุที่ติดฉลากชื่อผู้รับพัสดุเตรียมส่ง 494 ชิ้น
- กล่อง/ถุง บรรจุพัสดุแพ็กเรียบร้อยแต่ยังไม่ได้ติดฉลากชื่อผู้รับพัสดุ 517 ชิ้น
- เสื้อผ้ามือสอง (ไว้บรรจุ) 320 ตัว
- กล่องกระดาษ 2,900 ใบ
- และอุปกรณ์ที่ใช้ในการแพ็กสินค้าพร้อมเครื่องพิมพ์สติกเกอร์ชื่อและที่อยู่ของเหยื่อผู้รับของปลายทาง
พ.ต.อ.ปกรกิตติ์ กล่าวต่อว่า..
เบื้องต้นสอบสวนนายศิวัจน์ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญให้การยอมรับว่า เคยประกอบการเปิดบริษัทรับส่งพัสดุ และเปิดเพจขายสินค้ามาก่อน โดยมีฐานรายชื่อลูกค้าจากการยิงแอดโฆษณา ซึ่งรู้ช่องว่างของระบบบริษัทขนส่ง
จึงได้นำรายชื่อลูกค้าที่เคยสั่งสินค้ากับตน มาจัดส่งพัสดุเป็นประเภทเสื้อผ้ามือสองที่เหมาซื้อในราคาถูก ๆ
โดยใช้ออฟฟิศในกรุงเทพฯ เป็นจุดสั่งการ ไปที่โกดังในพื้นที่ จ.ขอนแก่น เป็นจุดให้คนงานแพ็กสินค้าทยอยจัดส่งให้เหยื่อ ผ่านระบบเก็บเงินปลายทาง cash on delivery (COD) ในราคา 400 บาท โดยสร้างความเสียหายไปแล้วนับล้านบาท
อีกทั้ง นายศิวัจน์มีความรู้ระบบเป็นอย่างดี จึงได้อาศัยช่องว่าง โดยการเปิด User ด้วยซิมผี ที่ลักลอบจดทะเบียน ก่อนนำมาลงทะเบียนเปิด User จำนวนมาก
โดยส่ง User ละ 100 กล่อง เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของระบบบริษัทขนส่งพัสดุ
โดยมีการส่งสินค้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เฉลี่ย 12,500 ชิ้นต่อเดือน ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567
ซึ่งพนักงานในบริษัทเป็นผู้ทำระบบลูกค้าและจัดหาบัญชีม้า เพื่อใช้รับเงินค่าพัสดุเก็บเงินปลายทาง จากบริษัทขนส่ง ก่อนทยอยส่ง User ละ 100 ชิ้น ที่ผ่านมามีรายได้เฉลี่ย 5 แสนบาทต่อเดือน
โดยตำรวจดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ที่มา : ไทยรัฐ