จากหงส์ไทย ถึง ไทลินอล ครั้งหนึ่งโดนสุ่มวางยาทั่วประเทศ แต่ทำไมลูกค้าไว้ใจกว่าเดิม ?

ระหว่างอ่านข่าว อย. เตือนว่ายาดมหงส์ไทยปนเปื้อนจุลินทรีย์ กระปุกเขียวในมือของหลายๆ คนน่าจะสั่นไปหมด 55
.
เหตุการณ์เกี่ยวกับยาหรือเวชภัณฑ์ปนเปื้อนเป็นสิ่งที่เกิดได้ไม่บ่อย แต่เมื่อเกิดแล้วมันส่งผลต่อความเชื่อมั่นพอสมควรครับ เพราะยา = อะไรที่ดูปลอดภัย ถ้ามันไม่ปลอดภัย คนจะกังวลมากกว่าปกติก็ไม่แปลก และรอดูท่าทีว่าผู้ผลิตยาตัวนั้นจะ take action ยังไงบ้าง
.
ถ้าพูดถึงเคสที่รุนแรงที่สุด น่าจะหนีไม่พ้นการวางยาแบบสุ่มในยา Tylenol เมื่อปี 1982 จนมีผู้เสียชีวิตถึง 7 คน

ความน่ากลัวของเหตุการณ์นี้คือ 1) มันคือยา Tylenol ใครบ้างไม่เคยใช้ไทลินอล? 2) มีคนไม่หวังดีแอบเอาสารไซยาไนด์ใส่เข้าไปในกระปุกยา ซึ่งเป็นสารพิษร้ายแรง 3) เป็นการวางยาแบบสุ่ม ไม่มีแพตเทิร์น ไม่มีรูปแบบอะไรเลย ทำให้ป้องกันยากมาก
.
ถ้าเป็นบางบริษัท อาจใช้เวลาประชุมหรือหารือกันเพื่อจำกัดความเสียหายด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด
.
แต่สิ่งที่บริษัทผู้ผลิต Tylenol ซึ่งก็คือ Jonhson & Johnson ทำก็คือ เรียกคืนสินค้า "ทั่วประเทศ" ทันที ทุกล็อต ทุกห้าง ทุกรัฐ แม้ตอนนั้นจะมีความเสียหายเกิดขึ้นแค่รัฐเดียวก็ตาม
.
ยังไม่พอ บริษัทแม่รีบเกณฑ์ทีมงานหลายพันคน สร้างสื่อประชาสัมพันธ์ให้คนเข้าใจว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง บริษัททำอะไรบ้าง โดยไม่คำนึงว่าจะเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
.
ยังไม่พอ บริษัทยังออกแบบขวดยาแบบใหม่ ให้ลูกค้าเห็นได้ชัดทันทีหากมีใครมาแอบเปิดกระปุกก่อนหน้านี้ เป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับสินค้ายิ่งกว่าเดิม
.
ทั้งหมดนี้ Johnson & Johnson ดำเนินการชนิดที่ว่าแทบไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่าย บริษัทมีกำไรในปี 1982 ประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ แต่ใช้งบประมาณเพื่อจัดการกับเหตุการณ์ Tylenol ปนเปื้อนนี้กว่า 100 ล้านดอลลาร์เลยครับ
.
แล้วทำไม Johnson & Johnson ทุ่มทุนขนาดนั้น? คำตอบง่ายๆ คือ อุดมการณ์ของบริษัทที่ว่า "ความรับผิดชอบอันดับแรกสุด คือ แพทย์ พยาบาล โรงพยาบาล มารดา และลูกค้าทุกคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ J&J" ซึ่งบริษัทไม่ได้แค่ตั้งอุดมการณ์ไว้เฉยๆ แต่ CEO ของบริษัทย้ำกับพนักงานของตัวเองเป็นประจำ แถมเห็นได้ชัดเจนก็ตอนที่เกิดวิกฤตกับยา Tylenol
.
หลังจากเหตุการณ์นั้นก็อย่างที่เรารู้กันครับ ยา Tylenol ยังคงวางขายอยู่ทั่วโลก ลูกค้าเองก็ไว้วางใจในยาตัวนี้เหมือนเดิม หรืออาจยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำไป
.
จากเหตุการณ์ยาดมหงส์ไทยล่าสุด บริษัทเองก็เริ่มประชาสัมพันธ์แล้วว่ามีขั้นตอนในการผลิตอย่างไร ตรวจสอบคุณภาพอย่างไร รวมถึงที่ผ่านมายาดมหงส์ไทยมีชื่อเสียงที่ดีมาตลอด แม้จะมีข่าวจาก อย. ออกมา ผู้บริโภคในสื่อโซเชี่ยลหลายคนก็ดูเหมือนจะยังใช้หงส์ไทยต่อไป แม้แต่ตอนอ่านข่าวการปนเปื้อน ก็น่าจะดมยาดมหงส์ไทยไปด้วยเหมือนกัน
.
ชื่อเสียงบริษัทคือสิ่งที่ต้องใช้เวลาสร้างหลายสิบปี เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ชื่อเสียง + ความน่าเชื่อถือ + การตอบสนองของบริษัทนี่แหละครับ คือสิ่งที่ทำให้บริษัทอยู่รอดได้อีกนาน เหมือน Johnson & Johnson และยา Tylenol
.
ที่มา : INVESTING.in.th 
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่