FOMO หรือ FOS? และการว่าด้วย 'ราคาของความกลัว' ในยุทธศาสตร์ทองคำของจีน

📌 FOMO หรือ FOS? และการว่าด้วย 'ราคาของความกลัว' ในยุทธศาสตร์ทองคำของจีน

ในความเป็นมนุษย์ สิ่งหนึ่งที่เรามีกันทุกคนคือ "ความกลัว" โดยเฉพาะความกลัวในยุคของเรา ที่รู้จักกันดีในชื่อ FOMO (Fear of Missing Out) หรือความรู้สึกกลัวที่จะ 'ตกรถ'

ความกลัวที่จะพลาดโอกาส กลัวที่จะซื้อของไม่ทันเพื่อน หรือกลัวที่จะไม่ได้ครอบครองสินทรัพย์ที่ราคากำลังพุ่งทะยานอย่างบ้าคลั่ง

แต่นั่นเป็นเพียงความกลัวระดับปัจเจก ยังมีความกลัวอีกระดับหนึ่งที่เก่าแก่กว่า ลึกซึ้งกว่า และน่าสะพรึงกว่านั้นมาก ซึ่งสะท้อนออกมาผ่านพฤติกรรมของธนาคารกลางจีน (PBOC) ที่กำลังไล่ซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง จนสัดส่วนทองคำในทุนสำรองเพิ่มจาก 2% มาอยู่ที่ 6-8% ในจังหวะที่ราคาทองคำทะยานผ่าน 4,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มันไม่ใช่ความกลัวที่จะ 'พลาดโอกาส' (Missing Out) แต่มันคือความกลัวที่จะ 'สูญสิ้นทุกอย่าง' (Wiped Out) คือภาพสะท้อนที่สมบูรณ์แบบของการปะทะกันระหว่างความกลัวสองชนิดนี้

🔸 นักวิเคราะห์กลุ่มหนึ่งมองว่านี่คืออาการ 'FOMO' ขนานใหญ่ของมหาอำนาจ พวกเขาชี้ว่า "มุมมองหนึ่งคือ จีนกำลัง 'ไล่ราคา' แพงเกินไปเพียงเพราะอาการ FOMO โดยกระโดดเข้ามาซื้อในจังหวะที่อาจเป็น 'ช่วงปลายรอบ' ของวัฏจักรนี้แล้ว" นี่จึงเป็นข้อโต้แย้งจากมุมของ 'ความกลัวแบบที่หนึ่ง' นั่นคือการกลัวตกรถ และอาจกำลังเดิมพันอย่างไม่ฉลาดที่ราคาสูงสุด

🔸 แต่นักวิเคราะห์ที่มองลึกลงไปกลับส่ายหน้า พวกเขาไม่เห็นอาการ "ตื่นตระหนก" (Panic) ในการซื้อครั้งนี้ แต่เห็น "วินัย" อันเยือกเย็น (Cool Discipline) สะท้อนจากการที่ PBOC เคยหยุดซื้อทองคำเมื่อราคาพุ่งสูงเกินไปในกลางปี 2024 และกลับมาช้อนซื้ออีกครั้งเมื่อราคาย่อตัว (Bought the Dip) นี่ไม่ใช่การไล่ราคาอย่างคนกลัวตกรถ แต่มันคือการสะสมอย่างเป็นระบบของคนที่มองเห็นภัยคุกคามที่ใหญ่กว่า

----------

🔸 ถ้ามันไม่ใช่การ FOMO แต่มันคือ FOS (Fear of Sanctions) หรือความกลัวในแบบที่สองล่ะ?

ประวัติศาสตร์การเงินเพิ่งมีจุดเปลี่ยนสำคัญในปี 2022 "ทันใดนั้น สิ่งที่ไม่เคยคาดคิดก็เกิดขึ้น"—เมื่อเงินทุนสำรองของรัสเซียกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ถูก 'อายัด' (frozen) โดยชาติตะวันตก

นี่คือจุดที่ 'ความกลัวแบบที่สอง' ถูกปลุกขึ้นมาในใจของผู้ว่าการธนาคารกลางทั่วโลก มันคือการตระหนักรู้ว่า 'สินทรัพย์' ที่เคยคิดว่าปลอดภัยที่สุดในโลก (อย่างเงินดอลลาร์หรือยูโร) แท้จริงแล้วเป็นเพียง 'สัญญา' ที่ผูกอยู่กับความสัมพันธ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และสัญญานั้นสามารถถูกฉีกทิ้งได้

"ในยุคที่การถือครองเงินดอลลาร์ของชาติใดชาติหนึ่งสามารถถูกอายัดได้ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว เสน่ห์ของทองคำในฐานะทุนสำรองที่ป้องกันการคว่ำบาตรได้จึงเติบโตขึ้น"

เหตุการณ์นี้ไม่ได้เปลี่ยนแค่สมการการเงิน แต่เปลี่ยน "ปรัชญา" ของเงินตรา มันทำให้มหาอำนาจต้องย้อนกลับไปถามคำถามพื้นฐานที่สุด "อะไรคือเงินที่แท้จริง?" ตัวเลขในบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ที่นิวยอร์ก หรือโลหะที่จับต้องได้ในห้องนิรภัยที่ปักกิ่ง?

กล่าวโดยสรุป ทองคำไม่สามารถถูกยึดได้ (unseizable) มันเปรียบเสมือนไฟร์วอลล์ (firewall) ที่ป้องกันความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ นี่คือคุณสมบัติที่เงินสกุลอื่นให้ไม่ได้

----------

เมื่อมองในมุมนี้ การกระทำของจีนจึงดูคล้ายคลึงกับปรากฏการณ์ "Bank Run" (การแห่ถอนเงิน) ในประวัติศาสตร์ เวลาที่ผู้คน 'หมดศรัทธา' (lose faith) ในระบบธนาคาร พวกเขาไม่สนใจอีกต่อไปว่า 'ต้นทุนค่าเสียโอกาส' (Opportunity Cost) จะเป็นเท่าไหร่ พวกเขาไม่สนดอกเบี้ย 3-4% ที่พันธบัตรสหรัฐฯ เสนอให้ เพราะดอกเบี้ยนั้นไร้ความหมายหาก "เงินต้น" ถูกอายัด

🔸 สิ่งเดียวที่พวกเขาสนใจ คือการได้ถือ 'เงินสด' หรือสิ่งที่จับต้องได้ไว้ในมือก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

การกระทำของ PBOC ในวันนี้ จึงอาจไม่ใช่การ 'ลงทุน' (Investment) แต่มันคือการ 'แห่ถอนเงิน' (Bank Run) ที่สุขุม เยือกเย็น และเชื่องช้าที่สุดในประวัติศาสตร์ พวกเขาไม่ได้กำลังถอน 'เงิน' แต่กำลังถอน 'ความไว้วางใจ' (Trust) ออกจากระบบเดิม

นี่จึงไม่ใช่การวิเคราะห์ว่าจีน 'ฉลาด' หรือ 'โง่' ที่ซื้อทองที่ราคาสูงลิ่ว แต่เป็นการชวนใคร่ครวญว่า "ราคาของความกลัว" นั้น แท้จริงแล้วแพงแค่ไหน?

จีนกำลังยอม 'จ่าย' ค่าเบี้ยประกันที่แพงมหาศาล (ทั้งการซื้อของแพงและการเสียโอกาสรับดอกเบี้ย) เพื่อป้องกันตัวเองจากความกลัวที่ใหญ่กว่า นั่นคือการถูกแช่แข็งทางการเงินจนเป็นอัมพาต

📍 ในโลกที่สินทรัพย์ทางการเงินส่วนใหญ่คือ 'หนี้สินของคนอื่น' (someone else's liability) การได้ครอบครองโลหะสีเหลืองอร่ามชิ้นนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียกว่า "Gold depends on nothing but itself." หรือทองคำไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งใดนอกจากตัวมันเอง จึงอาจเป็น 'ราคา' ที่จีนมองว่าคุ้มค่าที่สุด ไม่ว่าป้ายราคาจะเขียนว่าเท่าไหร่ก็ตาม

คุณเห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่ สามารถคอมเมนต์มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้เลย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่