🌱 เรื่องเล่าจากชีวิตในโรงเรียนประจำ

ตอนปี 2564 เป็นปีที่ฉันเริ่มเข้าโรงเรียนประจำ จำได้ว่าเป็นช่วงปลายปีพอดี ช่วงนั้นโควิดกำลังระบาด โรงเรียนเลยให้เรียนออนไลน์ก่อน พอเรียนจบประถมก็ยังไม่ได้ไปโรงเรียนจริงจัง เพราะเขาให้เรียนอยู่บ้าน ส่งงานเอาแทน


ฉันมีปัญหาด้านสายตาตั้งแต่เกิด เป็นเกี่ยวกับขั้วประสาทตา ทำให้มองเห็นไม่ค่อยชัด เวลามองอะไรก็ต้องเพ่งมากกว่าคนอื่น ตอนเด็ก ๆ ก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะเข้าหาใครไม่เก่ง แล้วเพื่อน ๆ เองก็ไม่ค่อยเข้ามาหาเหมือนกัน ส่วนมากจะคบกับเพื่อนที่เรียนไม่เก่งหรือมีปัญหาด้านสติปัญญานิดหน่อย เพราะเขาไม่รังเกียจเรา เราเลยอยู่กับเขาได้สบายใจ


ที่บ้านฉันอยู่กับยายสองคนกับตาสองคน พื้นเพบ้านก็ไม่ได้ดีมาก ยายที่เลี้ยงฉันใจดีแต่ก็ไม่ค่อยทันสมัย ส่วนพี่สาวของยายจะเป็นคนพูดตรง พูดแรง บางทีก็ไม่ฟังเหตุผล ชอบดุ ชอบฟาดโดยไม่ถามก่อน ตอนเด็ก ๆ ฉันชอบขานคำว่า “จ๋า” เวลาตอบผู้ใหญ่ เขาก็บอกว่า “จะขานทำไม” แล้วห้ามพูดอีก หลังจากนั้นเลยไม่กล้าพูดเลย ส่วนตาก็เป็นคนที่คาดเดายาก เวลาสอนก็พูดแรง ๆ ไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาคิดยังไง


แม่ทำงานอยู่กรุงเทพฯ ส่วนพ่อแยกทางกับแม่มาตั้งแต่ฉันยังเด็ก เวลามีแม่กลับมาบ้านทีไร ก็มักจะมีคนในบ้านพูดเรื่องเก่า ๆ หรือเอาเรื่องจริงบางส่วนไปแต่งให้เกินจริงจนแม่เข้าใจฉันผิด เราเลยไม่ค่อยสนิทกันตั้งแต่เด็ก


หลังจบ ป.6 ฉันไปเรียนต่อที่โรงเรียนธรรมิกวิทยา จังหวัดเพชรบุรี เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กสายตา พอไปถึงแรก ๆ รู้สึกเครียดมาก เพราะตอนนั้นกำลังเป็นโรคซึมเศร้าพอดี ฉันเป็นคนที่ชอบกังวลอยู่แล้ว เลยยิ่งแย่ถึงขั้นนอนไม่หลับ ต้องพกยากินตลอด


จำได้ว่า ช่วงปีใหม่แม่มารับกลับบ้าน แล้วฉันมีอาการแพนิค มือเท้าเกร็งจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่แม่กลับคิดว่า “แกล้งทำ” เพื่อเรียกร้องความสนใจ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เลย ตอนนั้นรู้สึกแย่มาก


หลังปีใหม่ฉันกลับไปเรียนอีก แต่เดือนกุมภาก็มีอาการแพนิคอีก วันนั้นเป็นวันสอบ แม่จะพาไปสอบ แต่พอเห็นฉันยังไม่ดีขึ้น แม่ก็โมโหแล้วขับรถกลับเลย ไม่ได้สอบ แล้วผลคือฉันติดล้อหลายตัว หลังจากนั้นพักการเรียนไปหนึ่งเทอม


ช่วงที่พักอยู่บ้านสภาพจิตใจแย่มาก แม่เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็พยายามอยู่ จนวันหนึ่งฉันกลับไปเรียนอีก แล้วเริ่มมีแฟน เป็นเพื่อนในโรงเรียน ตอนนั้นชีวิตเริ่มดีขึ้น แม้จะยังมีปัญหากับเพื่อนบ้างแต่ก็พอทน


พอขึ้น ม.2 ทุกอย่างเริ่มเข้าที่ แม่กลับมาพูดดีขึ้น เราเริ่มคุยกันได้มากขึ้น แต่พอ ม.2 เทอม 2 ความเครียดกลับมาอีกครั้ง เพราะญาติ ๆ ที่บ้านพูดจาประชดใส่ แม่ก็ไม่เข้าใจเราอีก ยายก็เครียดจนร้องไห้ เพราะเขาเอาเรื่องไม่จริงไปพูดกันในบ้านว่าฉันเอาเรื่องไปโพสต์ ทั้งที่ไม่ได้ทำเลย ตอนนั้นฉันเครียดมากจนกินยาเกินขนาด ต้องเข้าโรงพยาบาล


หลังจากนั้นกลับมาบ้านก็โดนว่าหนักมาก แต่สุดท้ายก็ได้กลับไปเรียนอีก แล้วแม่ก็กลับมาคุยดีกับฉันเหมือนเดิม พอขึ้น ม.3 ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นจริง ๆ เพื่อนเข้าหามากขึ้น ฉันปรับตัวได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ตอนนั้นยังต้องกินยาอยู่และไปหาหมอตามนัด แต่เริ่มรู้จักควบคุมตัวเองมากขึ้น


จากที่เคยเรียนได้เกรดแค่ 1.5–2.0 พอ ม.3 เทอม 2 ฉันได้เกรดเฉลี่ย 3.5 ขึ้นไป เป็นช่วงที่รู้สึกภูมิใจมาก เพราะมันไม่ง่ายเลยกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้


หลังจากนั้นฉันขึ้น ม.4 ได้เรียนสายวิทย์–คณิตแบบไม่ทันตั้งตัวเลย แต่ก็รู้สึกว่าชีวิตตอนนี้โอเคขึ้นมาก ทุกอย่างเริ่มนิ่ง เริ่มเข้าใจตัวเอง และเริ่มคิดบวกมากกว่าเมื่อก่อน


ตอนนี้ฉันมองย้อนกลับไปแล้วรู้เลยว่า ต่อให้ผ่านเรื่องแย่มาแค่ไหน แต่ถ้าเรายังไม่ยอมแพ้ ยังพยายามปรับตัวเอง ชีวิตมันก็มีทางไปของมันจริง ๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่