กองทุนรวมตราสารหนี้ คืออะไร?
กองทุนรวมตราสารหนี้ ก็คือกองทุนที่เอาเงินของเรามาลงทุนใน “ตราสารหนี้” หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเอกสารที่บอกว่าเราปล่อยกู้ให้ใครบางคนครับ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้จากบริษัทเอกชน
ถ้าออกโดยรัฐบาลก็เรียกว่า “พันธบัตรรัฐบาล”
แต่ถ้าออกโดยเอกชนก็เรียกว่า “หุ้นกู้” ครับ
การลงทุนแบบนี้เหมาะกับคนที่อยากพักเงิน ไม่อยากเสี่ยงมาก เพราะความเสี่ยงของกองทุนตราสารหนี้จะอยู่ในระดับ ปานกลางถึงต่ำ เลยครับ
ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาลงทุนตั้งแต่ 1–2 ปีขึ้นไป และที่สำคัญคือ สภาพคล่องสูง เวลาขายคืนก็ได้เงินไว ภายใน T+2 (คือ 2 วันทำการหลังวันขาย ไม่รวมเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดธนาคาร)
นอกจากนี้ ยังเหมาะกับคนที่จัดพอร์ตแบบ Asset Allocation เพราะช่วยลดความเสี่ยงรวมของพอร์ตได้อีกด้วยครับ
ก่อนจะลงทุนใน “กองทุนรวมตราสารหนี้” มาดูข้อควรรู้กันก่อนดีกว่า!
1. กองทุนรวมตราสารหนี้ ก็ขาดทุนได้นะ
หลายคนอาจคิดว่า ลงทุนในตราสารหนี้แล้วจะปลอดภัยแน่นอน ดอกเบี้ยก็ได้ตามที่กำหนด เช่น 2% ต่อปี จ่ายทุก 6 เดือน แล้วจะขาดทุนได้ยังไง?
จริง ๆ แล้วขาดทุนได้ครับ! เพราะถ้าเราลงทุนในตราสารหนี้ชุดหนึ่งไปแล้ว เงินก้อนนั้นเราก็เอาไปลงทุนอย่างอื่นไม่ได้ และถ้าระหว่างนั้นมีการลงทุนอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า แต่เราอยากขายกองทุนออกไปก่อนกำหนด ก็อาจต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าตอนซื้อ (มีส่วนลด) ซึ่งก็ทำให้กำไรน้อยลง หรืออาจขาดทุนได้เลยครับ
2. ผลตอบแทนของกองทุนรวมตราสารหนี้
ผลตอบแทนจะมาจาก 2 ส่วนหลัก ๆ คือ
1. ดอกเบี้ยที่ได้ตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก
2. กำไรจากส่วนต่างของราคา ถ้าขายตอนราคาสูงกว่าตอนซื้อ
3. Benchmark คืออะไร?
คำว่า Benchmark ก็คือ “ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond Index)” เอาไว้ใช้วัดว่า ตลาดตราสารหนี้เคลื่อนไหวไปในทิศทางไหน และใช้เปรียบเทียบกับผลตอบแทนของกองทุนว่า ทำได้ดีแค่ไหน
นอกจากนี้ยังช่วยดูแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยในตลาดได้ด้วย เช่น ถ้าดอกเบี้ยลดลง ราคาตราสารหนี้จะสูงขึ้น ดัชนีก็จะขยับขึ้นตามครับ
4. Credit Rating สำคัญยังไง?
Credit Rating คือ “อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้” ครับ เป็นตัวชี้วัดว่าผู้ออกมีความเสี่ยงจะผิดนัดชำระหนี้มากน้อยแค่ไหน
ก่อนลงทุน อย่าลืมดูเรตติ้งด้วยนะครับ ถ้าเรตติ้งสูง ความเสี่ยงก็จะต่ำ แต่ผลตอบแทนก็จะน้อยหน่อยครับ
5. แล้วการลงทุนแบบนี้เหมาะกับใคร?
กองทุนรวมตราสารหนี้เหมาะกับคนที่...
- ไม่อยากเสี่ยงเยอะ
- อยากได้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ แม้ไม่สูงมาก
- อยากพักเงินหรือลงทุนระยะสั้น
โดยรวมแล้ว ความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนใน หุ้น, คริปโต หรือ Forex เยอะครับ
แต่ถ้าเป็น หุ้นกู้เอกชน ก็อาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ยังถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนที่ผันผวนอื่น ๆ
สรุปส่งท้าย
เห็นไหมครับว่ากองทุนรวมตราสารหนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่อยากพักเงิน หรือเบื่อกับการลงทุนที่ต้องลุ้นตลอดเวลา
แต่อย่าลืมนะครับ "ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง"
ก่อนจะลงทุนอะไรก็ตาม ศึกษาให้เข้าใจ และเลือกให้เหมาะกับตัวเองที่สุดครับ
ที่มา: SCB
กองทุนรวมตราสารหนี้ คืออะไร? มาทำความรู้จักกันครับ
กองทุนรวมตราสารหนี้ ก็คือกองทุนที่เอาเงินของเรามาลงทุนใน “ตราสารหนี้” หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเอกสารที่บอกว่าเราปล่อยกู้ให้ใครบางคนครับ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้จากบริษัทเอกชน
ถ้าออกโดยรัฐบาลก็เรียกว่า “พันธบัตรรัฐบาล”
แต่ถ้าออกโดยเอกชนก็เรียกว่า “หุ้นกู้” ครับ
การลงทุนแบบนี้เหมาะกับคนที่อยากพักเงิน ไม่อยากเสี่ยงมาก เพราะความเสี่ยงของกองทุนตราสารหนี้จะอยู่ในระดับ ปานกลางถึงต่ำ เลยครับ
ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลาลงทุนตั้งแต่ 1–2 ปีขึ้นไป และที่สำคัญคือ สภาพคล่องสูง เวลาขายคืนก็ได้เงินไว ภายใน T+2 (คือ 2 วันทำการหลังวันขาย ไม่รวมเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดธนาคาร)
นอกจากนี้ ยังเหมาะกับคนที่จัดพอร์ตแบบ Asset Allocation เพราะช่วยลดความเสี่ยงรวมของพอร์ตได้อีกด้วยครับ
ก่อนจะลงทุนใน “กองทุนรวมตราสารหนี้” มาดูข้อควรรู้กันก่อนดีกว่า!
1. กองทุนรวมตราสารหนี้ ก็ขาดทุนได้นะ
หลายคนอาจคิดว่า ลงทุนในตราสารหนี้แล้วจะปลอดภัยแน่นอน ดอกเบี้ยก็ได้ตามที่กำหนด เช่น 2% ต่อปี จ่ายทุก 6 เดือน แล้วจะขาดทุนได้ยังไง?
จริง ๆ แล้วขาดทุนได้ครับ! เพราะถ้าเราลงทุนในตราสารหนี้ชุดหนึ่งไปแล้ว เงินก้อนนั้นเราก็เอาไปลงทุนอย่างอื่นไม่ได้ และถ้าระหว่างนั้นมีการลงทุนอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า แต่เราอยากขายกองทุนออกไปก่อนกำหนด ก็อาจต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าตอนซื้อ (มีส่วนลด) ซึ่งก็ทำให้กำไรน้อยลง หรืออาจขาดทุนได้เลยครับ
2. ผลตอบแทนของกองทุนรวมตราสารหนี้
ผลตอบแทนจะมาจาก 2 ส่วนหลัก ๆ คือ
1. ดอกเบี้ยที่ได้ตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก
2. กำไรจากส่วนต่างของราคา ถ้าขายตอนราคาสูงกว่าตอนซื้อ
3. Benchmark คืออะไร?
คำว่า Benchmark ก็คือ “ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond Index)” เอาไว้ใช้วัดว่า ตลาดตราสารหนี้เคลื่อนไหวไปในทิศทางไหน และใช้เปรียบเทียบกับผลตอบแทนของกองทุนว่า ทำได้ดีแค่ไหน
นอกจากนี้ยังช่วยดูแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยในตลาดได้ด้วย เช่น ถ้าดอกเบี้ยลดลง ราคาตราสารหนี้จะสูงขึ้น ดัชนีก็จะขยับขึ้นตามครับ
4. Credit Rating สำคัญยังไง?
Credit Rating คือ “อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้” ครับ เป็นตัวชี้วัดว่าผู้ออกมีความเสี่ยงจะผิดนัดชำระหนี้มากน้อยแค่ไหน
ก่อนลงทุน อย่าลืมดูเรตติ้งด้วยนะครับ ถ้าเรตติ้งสูง ความเสี่ยงก็จะต่ำ แต่ผลตอบแทนก็จะน้อยหน่อยครับ
5. แล้วการลงทุนแบบนี้เหมาะกับใคร?
กองทุนรวมตราสารหนี้เหมาะกับคนที่...
- ไม่อยากเสี่ยงเยอะ
- อยากได้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ แม้ไม่สูงมาก
- อยากพักเงินหรือลงทุนระยะสั้น
โดยรวมแล้ว ความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนใน หุ้น, คริปโต หรือ Forex เยอะครับ
แต่ถ้าเป็น หุ้นกู้เอกชน ก็อาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นนิดหน่อย แต่ก็ยังถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับการลงทุนที่ผันผวนอื่น ๆ
สรุปส่งท้าย
เห็นไหมครับว่ากองทุนรวมตราสารหนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ โดยเฉพาะสำหรับคนที่อยากพักเงิน หรือเบื่อกับการลงทุนที่ต้องลุ้นตลอดเวลา
แต่อย่าลืมนะครับ "ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง"
ก่อนจะลงทุนอะไรก็ตาม ศึกษาให้เข้าใจ และเลือกให้เหมาะกับตัวเองที่สุดครับ
ที่มา: SCB