สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
เค้าก็มีสิทธิจะคิดแบบนั้น ก็เป็นคนปกติทั่วไปนี่แหละ เอาจริงๆ ไม่มีใครอยากเสียเงินหรอกค่ะ ทำไมการมีคู่ครองต้องเสียเงินด้วยนะ
เราเป็นผู้หญิงก็คิดแบบนั้น สรุปเราแต่งงานเพราะอะไรกันแน่ ไม่ใช่เพราะว่าอยากมีชีวิตคู่กับคนที่รักหรอกเหรอ
และการที่จะรักใครสักคน ก็รัก เพราะเค้าเป็นเค้า ไม่ใช่เพราะเค้ามีเงินทอง แล้วจะต้องทำให้เราสบายเป็นคุณนาย
ชีวิตคู่เป็นเรื่องของคนสองคนตกลงกัน เราเชื่อว่าผู้หญิงที่โอเค เข้าใจกับแนวคิดของคุณหมอก็ยังมี ไม่ใช่ไม่มีเลย
งานแต่งงานไม่ต้องจัด แค่จดทะเบียนก็ถือว่าเป็นสามีภรรยากันแล้ว สำหรับคนไม่อยากจัดงานแต่งถือว่าดีเลย
ส่วนสินสอด ตัวเราเองไม่อยากได้ แม่เราก็เราไม่เรียก คือยุคนี้มันไม่ใช่เรื่องจำเป็น ยิ่งเป็นสินสอดแบบไม่ได้คืน
ถ้าไม่ได้รวยเป็นเศรษฐีใช้เงินเป็นเบี้ย ไม่มีใครอยากเสียเงินส่วนนี้หรอกค่ะ ทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิงปัจจุบันก็ถูกเลี้ยงมาอย่างเท่าเทียม
มีการศึกษา มีหน้าที่การงาน มีค่าน้ำนม มีค่าเลี้ยงดูเหมือนๆ กัน ทำไมฝ่ายชายต้องมาจ่ายเงินให้บ้านฝ่ายหญิง ยิ่งคิดยิ่ง งง
สรุปคือถ้าทัศนคติ ความคิดมันไปทางเดียวกัน ก็แต่งงานกันได้ และเชื่อว่ามีอยู่จริง
เค้ามีประสบการณ์ เจออะไรมา เค้าก็เอามาเป็นบทเรียน มาเป็นกำแพง เค้าไม่ได้ผิด และไม่ได้เรียกร้องให้ใครมาเข้าใจด้วย เท่าที่อ่านมา
เราเป็นผู้หญิงก็คิดแบบนั้น สรุปเราแต่งงานเพราะอะไรกันแน่ ไม่ใช่เพราะว่าอยากมีชีวิตคู่กับคนที่รักหรอกเหรอ
และการที่จะรักใครสักคน ก็รัก เพราะเค้าเป็นเค้า ไม่ใช่เพราะเค้ามีเงินทอง แล้วจะต้องทำให้เราสบายเป็นคุณนาย
ชีวิตคู่เป็นเรื่องของคนสองคนตกลงกัน เราเชื่อว่าผู้หญิงที่โอเค เข้าใจกับแนวคิดของคุณหมอก็ยังมี ไม่ใช่ไม่มีเลย
งานแต่งงานไม่ต้องจัด แค่จดทะเบียนก็ถือว่าเป็นสามีภรรยากันแล้ว สำหรับคนไม่อยากจัดงานแต่งถือว่าดีเลย
ส่วนสินสอด ตัวเราเองไม่อยากได้ แม่เราก็เราไม่เรียก คือยุคนี้มันไม่ใช่เรื่องจำเป็น ยิ่งเป็นสินสอดแบบไม่ได้คืน
ถ้าไม่ได้รวยเป็นเศรษฐีใช้เงินเป็นเบี้ย ไม่มีใครอยากเสียเงินส่วนนี้หรอกค่ะ ทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิงปัจจุบันก็ถูกเลี้ยงมาอย่างเท่าเทียม
มีการศึกษา มีหน้าที่การงาน มีค่าน้ำนม มีค่าเลี้ยงดูเหมือนๆ กัน ทำไมฝ่ายชายต้องมาจ่ายเงินให้บ้านฝ่ายหญิง ยิ่งคิดยิ่ง งง
สรุปคือถ้าทัศนคติ ความคิดมันไปทางเดียวกัน ก็แต่งงานกันได้ และเชื่อว่ามีอยู่จริง
เค้ามีประสบการณ์ เจออะไรมา เค้าก็เอามาเป็นบทเรียน มาเป็นกำแพง เค้าไม่ได้ผิด และไม่ได้เรียกร้องให้ใครมาเข้าใจด้วย เท่าที่อ่านมา
ความคิดเห็นที่ 11
เขามองว่า เขาพึ่งพาตัวเองได้ทุกอย่าง จะมีหรือไม่มีใครมาเพิ่มในชีวิต เขาก็อยู่ได้สบายๆอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปหาภาระเพิ่ม
ผมว่าเป็นชีวิตที่ดีชีวิตหนึ่งเลยนะ คือ ไม่ต้องทำอะไรหรือคิดอะไรแคร์สายตาคนอื่นมาก
ใครจะบอกว่าเขามีหรือไม่มีเงิน ก็ไม่ต้องแคร์ สินทรัพย์ที่มีมันก็บอกอยู่แล้ว ว่ามีฐานะหรือเปล่า
ใครจะบอกว่าเป็นหมอหรือไม่เป็นหมอ ก็ไม่ต้องสนใจ เพราะเลขว.ใบประกอบวิชาชีพ มันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นหรือไม่เป็นหมอ
ผมว่าเป็นชีวิตที่ดีชีวิตหนึ่งเลยนะ คือ ไม่ต้องทำอะไรหรือคิดอะไรแคร์สายตาคนอื่นมาก
ใครจะบอกว่าเขามีหรือไม่มีเงิน ก็ไม่ต้องแคร์ สินทรัพย์ที่มีมันก็บอกอยู่แล้ว ว่ามีฐานะหรือเปล่า
ใครจะบอกว่าเป็นหมอหรือไม่เป็นหมอ ก็ไม่ต้องสนใจ เพราะเลขว.ใบประกอบวิชาชีพ มันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นหรือไม่เป็นหมอ
แสดงความคิดเห็น
ไม่อยากแต่งงานกับใครเพราะไม่อยากเสียเงิน ผู้ชายที่คิดแบบนี้เป็นคนยังไง
หน้าตาจัดว่ากลางๆ บุคลิกแบบที่ดูเห็นแล้วรู้เลยว่าหมอ ไม่ถึงกับหล่อ แต่ก็ขาวตี๋ รูปร่างสมส่วน ดูสะอาดสะอ้าน ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน ส่วนใหญ่ทำแต่งาน เวลาว่างคือเล่นฟิตเนสกับเทรดหุ้น เป็นคนไม่พูดคำหยาบใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว อารมณ์เหมือนเป็นหนึ่งในมาตาลดาเลย แต่ไม่ได้หล่อขนาดนั้น รายได้หลักล้านต่อเดือน โปรไฟล์ดี เรียนเตรียมอุดม ต่อหมอสถาบันดัง หาเงินไปเรียนจนจบ ป.โท ที่อังกฤษเองก่อนกลับมาเปิดคลินิก
ทุกอย่างดูดีมาก จนเราสงสัยว่าทำไมถึงยังไม่มีแฟน เขาบอกเราตรงๆเลยว่าเขาไม่อยากคบผู้หญิงแบบจริงจังถึงขั้นแต่งงาน คืออยากมีคนคุยด้วยเพราะเหงาเฉยๆ ประมาณว่าไปเดทกัน กินข้าวดูหนัง พาไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือแม้แต่ไปต่างประเทศ เขาจ่ายให้ได้ ยินดีเลี้ยงผู้หญิงที่คุยด้วยพราะมันเป็นหน้าที่ของผู้ชายอยู่แล้ว แต่เขาไม่อยากแต่งงาน พอฟังเหตุผล เขาก็ร่ายมาเป็นข้อๆยาวมากจนเราช็อกเลย เหตุผลก็อย่างเช่น
- ภาระค่าสินสอด ค่าจัดงานแต่ง เขาไม่อยากจ่ายเงินก้อนนี้ ด้วยเหตุผลว่ามันเป็นเงินที่เสียไปแบบไม่ได้การันตีอะไร สุดท้ายถ้าผู้หญิงมีชู้ หรือเจอคนอื่น เงินนั้นก็เหมือนเสียฟรีไปเลย
- เขาบอกว่าความรักของผู้หญิงเป็นความรักที่มีเงื่อนไข ผู้หญิงรักผู้ชายที่สถานะ และการปกป้องดูแล ถ้าผู้ชายยังดูแลได้ ก็จะยังอยู่ แต่ถ้าวันไหนที่ผู้ชายอ่อนแอ อาจจะธุรกิจเจ๊ง มีปัญหาชีวิตที่แก้ไม่ได้ ผู้หญิงก็จะเรียกผู้ชายคนนั้นว่า loser และออกจากชีวิตเขาไปหาคนใหม่ การแต่งงานไม่ได้การันตีว่าผู้หญิงจะยอมอยู่กับเขาไปตลอด ต่างกับผู้ชายที่เวลารักใครมักจะไม่ค่อยมีเหตุผล ถ้าถามว่าทำไมรักคนนี้ ผู้หญิงจะมีเหตุผลมาตอบมากมาย แต่ผู้ชายจะนึกเหตุผลมาตอบไม่ค่อยได้ว่าทำไม คือเป็นความรักแบบก็แค่รักคนนี้เท่านั้นเอง
- เขาบอกว่าเขาเติบโตจากพ่อแม่ที่ทำงานรับค่าแรงขั้นต่ำ วัยเด็กแทบไม่เคยได้สนุกอะไรเลยนอกจากเรียนกับทำงาน แม้แต่ผับบาร์ก็ไม่เคยเข้าแม้แต่ครั้งเดียว จนวันนี้ที่สร้างตัวเองให้มีรายได้หลักล้าน ถ้าแต่งงานกับผู้หญิง แล้วโดนบอกเลิก ตอนหย่าก็ต้องแบ่งทรัพย์สินครึ่งนึงให้ผู้หญิงที่ไม่ได้มีส่วนร่วมลำบากกับเค้าเลย และยังต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูรายเดือนไปตลอดชีวิตอีก
- การดูแลพ่อแม่ เขาบอกว่าเขาอยากดูแลพ่อแม่ให้ดี เพราะพ่อแม่เหนื่อยมาทั้งชีวิตกว่าเค้าจะเรียนจบ แต่สังคมไทยคาดหวังให้ผู้ชายต้องรักเมียมากกว่าพ่อแม่ ถ้าวันไหนมีปัญหากันแล้วไม่เข้าข้างเมียจะถูกหาว่าเป็นลูกแหง่ แต่ถ้าเขามีปัญหากับพ่อแม่ผู้หญิง ผู้หญิงมักจะเข้าข้างพ่อแม่ตัวเองมากกว่าสามี
- เขาบอกว่าเขาดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว งานบ้านก็ทำเองหมด ซึ่งที่เราเคยไปห้องเค้ามาก็เรียบร้อยมากจริงๆ ทุกอย่างดูได้รับการจัดวางเป็นระเบียบมาก ไม่มีความจำเป็นต้องให้คนอื่นมาทำให้
- เขาเคยคบผู้หญิงคนนึงที่ค่อนข้างมีฐานะ โดยเธอเป็นฝ่ายจีบเขาก่อน จนเขารักเธอมาก และยอมตามใจเธอทุกอย่างถึงขั้นซื้อรถให้เป็นชื่อเธอ แต่สุดท้ายจับได้ว่าผู้หญิงคนนั้นคบชู้ มีคนอื่นอยู่อีก พอเลิกกันผู้หญิงคนนั้นเอาเขาไปว่าแบบมากมายในเรื่องที่ไม่จริง เช่น บอกว่าเขามีกิ๊ก บอกว่าไม่ตามใจ ฯลฯ ซึ่งเขายืนยันว่าไม่จริง แต่เขาก็โดนฝ่ายหญิงเอาไปว่าเสียหายในเน็ตและมีแต่คนรุมสาปเขาทั้งที่ไม่ผิดอะไรเลย เขาบอกว่าเมื่อคนคบกันแล้วมีปัญหากัน ไม่ว่าปัญหาจะเกิดจากฝ่ายไหน คนก็จะเห็นใจผู้หญิงมากกว่าอยู่แล้ว
- เขาพอใจกับสถานะตอนนี้ พอใจที่จะมีแค่คนคุย จ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างในการเดทให้ผู้หญิงที่คุยด้วยเพราะเป็นหน้าที่ของผู้ชาย เป็นการให้แบบไม่คาดหวังว่าจะได้อะไรกลับคืน ถ้าผู้หญิงคนไหนไม่อยากคุยต่อหรือมีคนอื่นเขาก็แค่ไปหาคนใหม่ เพราะเขาบอกว่าผู้ชายที่ดีต้องไม่ยึดติดกับผู้หญิงแค่คนเดียว ถ้าผู้หญิงรู้สึกอยากเลิกต้องยอมเลิกทันทีแบบไม่งอแง เขาจะไม่ยอมเป็น loser ที่ไปตามตื๊อผู้หญิงที่หมดใจอีกแล้ว
แล้วที่อึ้งที่สุด คือบอกว่า หลังแต่งงานเนี่ย รายได้ของผู้ชายที่เลี้ยงตัวเองให้ใช้ชีวิตหรูหราได้สบายๆก็ต้องหารสอง เอาให้เมียใช้ แทนที่จะบิน first class ไปเมืองนอกได้บ่อยๆก็อาจจะต้องลดลงมาเพราะต้องเลี้ยงเมียด้วย ส่วนผู้หญิงจะไม่ต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเองแล้วเพราะมีผู้ชายเลี้ยง ถ้าเลิกกันเมื่อไหร่ก็ได้เงินก้อนจากผู้ชายไปตั้งตัวอีก แล้วเขาก็บอกว่า คิดตามเหตุผลของเขาเองแล้ว สินสอดควรจะเป็นฝ่ายหญิงสมควรต้องจ่ายให้ฝ่ายชายด้วยซ้ำแลกกับการที่จะไม่ต้องลำบากทำงานเองแล้ว เอ้อ คิดได้ไงเนี่ย
จริงๆมีอีกเยอะมาก แต่จำได้แค่นี้
คิดว่าคนแบบนี้เป็นคนยังไง ชายแท้ที่ไม่แต่งงานเพราะมีความคิดแบบนี้กันเหรอ แล้วเรามีวิธีทำให้คนแบบนี้เปลี่ยนความคิดได้มั้ย