http://pantip.com/topic/33229094
ประเด็นนี้เพื่อนผมส่งมาให้อ่าน อ่านแล้วนึกถึง...ตัวเอง
สินสอดทองหมั้น
1. เป็นเรื่องโบราณ ล่าสมัย น่าจะยกเลิกซะ
ส่วนตัวก็เห็นด้วยนะครับว่าเป็นเรื่องไร้สาระ จะด้วยเหตุผลค่าน้ำนม ค่าเลี้ยงดูจนเรียนจบจะเป็นหมอหรืออะไรก็ตาม เพราะ ในความเป็นจริงแล้วเวลาคบหาดูใจกันเพื่อจะตกแต่งเพื่อใช้ชีวิตร่วมกัน หากทั้งคู่คิดอยากจะแต่งงานกันแล้วย่อมจะมีทัศนคติ ศีล จาคะ ปัญญา ศรัทธาที่ใกล้เคียงกันอยู่แล้ว ซึ่งย่อมรู้จักพื้นเพของฝ่ายชายว่าจะดูแลฝ่ายหญิงได้หรือไม่อย่างใด ดังนั้นจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เงินสินสอดก็ไม่ความเป็นข้ออ้างในการเรียกหาจากฝ่ายหญิงแต่อย่างใด ยกเว้นผู้ที่ผิดศีล ผิดธรรม จนมีการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ เป็นต้น
แต่ในสังคมไทยปัจจุบัน ผมยอมรับครับว่า การแต่งงานไม่ใช่เป็นเรื่องของคนที่รักกันแค่สองคน แต่เป็นการแต่งงานของ 2 ครอบครัว ดังนั้นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และรู้จักให้มากคือคนรักของคนรัก โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ของเค้า ซึ่งบางส่วนในสังคมไทยก็ยังคงเห็นว่าเป็นเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีและต้องปฏิบัติต่อไป หากเราในฐานะผู้ชายไม่ยอมทำความเข้าใจท่านในมิตินี้ ก็อาจจะทำให้คนรักของเรานั้นลำบากใจไม่มากก็น้อย
สมมติว่าผมมีลูกสาวสักคนแล้วเค้ามีคนรักที่คบหากัน เข้าตามตรอกออกทางประตู และเรารู้จักฝ่ายชายเป็นอย่างดีและเห็นว่าเค้าน่าจะดูแลลูกสาวได้ ผมจะไม่เรียกสินสอดใดๆ แต่ขอให้ฝ่ายชายจัดการตามที่เค้าเห็นสมควร ซึ่งหากเค้าเตรียมมาเท่าใด ผมจะให้สมทบตามนั้นหรือมากกว่าเพื่อให้เค้าทั้งคู่มีต้นทุนทางการเงินการใช้ชีวิตคู่ที่ไม่ลำบากจนเกินไป อันนี้ไอเดียผมนะ
แต่หากถ้าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะเรียกร้องสินสอดสัก 3 -5 - 10 ล้านผมไม่ว่านะ แต่ผมอยากได้คนรัก ที่เห็นใจและเข้าใจเรา และช่วยกันรวบรวมเงินสินสอดนั้นด้วยกัน แต่ไม่ใช่เป็นภาระของฝ่ายชายอย่างเดียวแม้ฝ่ายชายจะหาได้ไม่ยากนักก็ตาม เพราะส่วนตัวเห็นว่าการร่วมใช้ชีวิตคู่ฝ่ายชายต้องทุ่มเทยอมเสียสละ ซึ่งแน่นอนการใช้ชีวิตคู่จะไม่ยากนักถ้าคนรักของเค้าจะยอมเสียสละและทุ่มเทกับภาระนี้ร่วมกัน ผมเชื่อนะว่าจะทำให้ความรักของทั้งคู่น่าดึงดูดและอบอุ่นยิ่งขึ้นไม่น้อย
ในมิตินี้ผู้ปกครองฝ่ายหญิงจะเรียกร้องสินสอดมากมายเท่าใดก็ได้ครับ แต่การเรียกร้องนั้นต้องประกอบไปด้วยวัตถุประสงค์ที่เอื้อ และสนับสนุนต่อการใช้ชีวิตคู่ของลูกสาวคุณๆด้วย เพราะหากถ้าคุณเรียกสัก 3-5-10 ล้าน และจะเก็บไว้เองด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณย่อมสร้างภาระให้กับการดำเนินชีวิตคู่ของลูกสาวไม่มากก็น้อย แม้ว่าฝ่ายชายและหญิงเองจะมีรายได้ต่อปีรวมกันสัก 10 ล้านก็ตาม(ยกเว้นทั้งคู่เป็นครอบครัวที่ร่ำรวยมาก...สินทรัพย์มากกว่า 9 หลัก) และยิ่งหากการเรียกร้องสินสอดนั้นเป็นเพื่อการ แสดงฐานะทางสังคมของตนเอง หรือเพื่อเหตุผลส่วนตัวใดๆก็ตาม แต่ไม่คำนึงถึงปัญหาที่เกิดกับความสัมพันธ์ของลูกสาวย่อมทำให้ความเคารพในฐานะว่าที่ลูกเขยคงเหลือน้อยลงไม่มากก็น้อย
สรุปผมเห็นด้วยครับว่าค่าสินสอดทองหมั้นมีได้ หากเป็นไปเพื่อการสนับสนุนให้การดำเนินชีวิตคู่ของลูกๆลำบากน้อยลง แต่หากเป็นเพื่อเหตุผลส่วนตัว หรือ ความเห็นแก่ตัวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผมมองว่า น่าเป็นห่วงครับ
2. ค่าสินสอดทองหมั้น 3-5-10 ล้าน มากไปไหมสำหรับหมอผู้หญิง
ส่วนตัวก็มีเพื่อนเป็นหมอไม่น้อย ก็ทราบรายได้เพื่อนพอสมควร คงขึ้นกับแพทย์เฉพาะทางด้านไหน และทำเอกชนหรือรัฐบาล หรือมีธุระกิจส่วนตัวด้วยหรือไม่ แต่อย่างน้อยพวกแพทย์หญิงที่ทำงานกันแล้ว รายได้ต่อเดือนน่าจะอยู่ที่ 50,000 - 500,000บาท นั่นหมายความว่าเธอมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 600,000-6,000,000 บาทต่อปี เพื่อนผมแทบทุกคนที่ยังโสดอยู่มักจะมีประโยคเด็ดว่า "เธอขออยู่เป็นโสดไม่มีภาระปวดหัว แก่ไปก็มีเพื่อนสาวๆในแก๊งก็พอแล้วไปอยู่บ้านคนชราไฮโซ ซึ่งพวกเธอสามารถสร้างเองกันได้ไม่ยากหรอกครับ" เชื่อผมเถอะพวกเธอทำได้ แต่ก็อาจจะเหงาๆหน่อยในบางครั้ง ดังนั้นโดยสรุปเงินสินสอด 3-5-10 ล้าน ไม่ได้มากไป หากเทียบกับรายได้ที่เธอหาเองได้
แต่ผมเองไม่เคยมองเรื่องที่เธอหารายได้ว่าได้เท่าไรนะครับ เพราะผมหาเองได้ ดูแลเธอได้ แต่ผมมองว่าเธอจะมีคุณค่าในตนเอง หากทัศนคติและจิตใจที่ดีของเธอ หากให้เห็นภาพคือ ศีล 5 พร้อมบริบูรณ์ และมีหลักธรรมครองเรือน(ฆราวาสธรรม)ที่พร้อมกันทั้งสองฝ่าย คือ สัจจะ ขันติ ทมะ ปัญญา เหล่านี้ต่างหากที่ทำให้เธอมีคุณค่าพร้อมที่จะเป็นภรรยาและแม่ที่ดีของลูกต่อไป ... ซึ่งจะพบเจอไม่ง่ายนัก
แต่ส่วนตัวก็ยังให้ความสำคัญกับมุมมองของทั้งสองฝ่ายที่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันว่า มีทัศนคติกับเงินสินสอดทองหมั้นในแง่มุมไหนต่างหากครับ
3. ทัศนคติของคนรักของคุณที่มีต่อเรื่องสินสอดทองหมั้น
ประเด็นนี้ผมว่าสำคัญที่สุด เพราะ จะบอกได้ว่าคุณกำลังจะได้คู่ชีวิตในลักษณะไหน และถ้าเอาไปทำโพลก็จะได้คำตอบที่หลากหลายอย่างแน่นอน
ผมขอยกตัวเอย่างที่ผมและเพื่อนเคยเจอกันมาให้ดู .... แล้วคุณๆลองคิดดูว่าหากคนที่เราจะใช้ชิวิตคู่ร่วมด้วยมีทัศนคติเช่นนี้คุณจะเลือกคนไหน
- สาว ก. พี่ๆที่บ้านบอกว่าเรียกสินสอดตั้ง 5 ล้าน เดี๋ยวน้องไปลองต่อรองกับที่บ้านดูก่อนนะ แต่ถ้าไม่ได้เรามาช่วยกันเก็บดีไหมค่ะ
- สาว ข. พี่ๆที่บ้านบอกว่าเรียกสินสอดตั้ง 5 ล้าน แต่น้องว่าไม่ต้องมีก็ได้นะ น้องลองไปคุยกับคุณแม่ให้ไปคุยกับคุณพ่อดู แล้วเราก็เอาเงินเก็บที่เรามีทั้งคู่ และสินทรัพย์ของเราไปให้ท่านดู เพื่อใช้เป็นสินสอดทองหมั้นดีกว่านะค่ะ
- สาว ค. พี่ๆที่บ้านบอกว่าเรียกสินสอดตั้ง 5 ล้าน ที่บ้านน้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ค่ะ น้องกะที่บ้านก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่พี่ต้องดูแลจัดการให้ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็บอกว่าสินสอดทั้งหมดท่านเก็บหมดนะค่ะ พี่น่าจะมีอยู่แล้วนะค่ะ เพราะน้องจำได้ว่าพี่รายได้ไม่ถึงปีก็พอแล้วใช่ไหมค่ะ สู้ๆนะ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่แต่งนะคะ
แค่เรื่องสินสอดนี่แหละทำให้เราเห็นนะครับว่า เรากำลังจะได้คู่แบบไหน และครอบครัวแบบไหนที่เราต้องใช้ชีวิตร่วมด้วยต่อไป
หมายเหตุ : ข้อความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนตัว หากไม่เป็นที่พอใจก็ขออภัยครับ เพราะเรื่องเหล่านี้มีความหลากหลายในความคิดเห็นมาก
จากเรื่อง ค่าสินสอดของหมอผู้หญิง...ในมิติของผู้ชายคนหนึ่ง
ประเด็นนี้เพื่อนผมส่งมาให้อ่าน อ่านแล้วนึกถึง...ตัวเอง
สินสอดทองหมั้น
1. เป็นเรื่องโบราณ ล่าสมัย น่าจะยกเลิกซะ
ส่วนตัวก็เห็นด้วยนะครับว่าเป็นเรื่องไร้สาระ จะด้วยเหตุผลค่าน้ำนม ค่าเลี้ยงดูจนเรียนจบจะเป็นหมอหรืออะไรก็ตาม เพราะ ในความเป็นจริงแล้วเวลาคบหาดูใจกันเพื่อจะตกแต่งเพื่อใช้ชีวิตร่วมกัน หากทั้งคู่คิดอยากจะแต่งงานกันแล้วย่อมจะมีทัศนคติ ศีล จาคะ ปัญญา ศรัทธาที่ใกล้เคียงกันอยู่แล้ว ซึ่งย่อมรู้จักพื้นเพของฝ่ายชายว่าจะดูแลฝ่ายหญิงได้หรือไม่อย่างใด ดังนั้นจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เงินสินสอดก็ไม่ความเป็นข้ออ้างในการเรียกหาจากฝ่ายหญิงแต่อย่างใด ยกเว้นผู้ที่ผิดศีล ผิดธรรม จนมีการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ เป็นต้น
แต่ในสังคมไทยปัจจุบัน ผมยอมรับครับว่า การแต่งงานไม่ใช่เป็นเรื่องของคนที่รักกันแค่สองคน แต่เป็นการแต่งงานของ 2 ครอบครัว ดังนั้นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และรู้จักให้มากคือคนรักของคนรัก โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ของเค้า ซึ่งบางส่วนในสังคมไทยก็ยังคงเห็นว่าเป็นเรื่องขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีและต้องปฏิบัติต่อไป หากเราในฐานะผู้ชายไม่ยอมทำความเข้าใจท่านในมิตินี้ ก็อาจจะทำให้คนรักของเรานั้นลำบากใจไม่มากก็น้อย
สมมติว่าผมมีลูกสาวสักคนแล้วเค้ามีคนรักที่คบหากัน เข้าตามตรอกออกทางประตู และเรารู้จักฝ่ายชายเป็นอย่างดีและเห็นว่าเค้าน่าจะดูแลลูกสาวได้ ผมจะไม่เรียกสินสอดใดๆ แต่ขอให้ฝ่ายชายจัดการตามที่เค้าเห็นสมควร ซึ่งหากเค้าเตรียมมาเท่าใด ผมจะให้สมทบตามนั้นหรือมากกว่าเพื่อให้เค้าทั้งคู่มีต้นทุนทางการเงินการใช้ชีวิตคู่ที่ไม่ลำบากจนเกินไป อันนี้ไอเดียผมนะ
แต่หากถ้าพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะเรียกร้องสินสอดสัก 3 -5 - 10 ล้านผมไม่ว่านะ แต่ผมอยากได้คนรัก ที่เห็นใจและเข้าใจเรา และช่วยกันรวบรวมเงินสินสอดนั้นด้วยกัน แต่ไม่ใช่เป็นภาระของฝ่ายชายอย่างเดียวแม้ฝ่ายชายจะหาได้ไม่ยากนักก็ตาม เพราะส่วนตัวเห็นว่าการร่วมใช้ชีวิตคู่ฝ่ายชายต้องทุ่มเทยอมเสียสละ ซึ่งแน่นอนการใช้ชีวิตคู่จะไม่ยากนักถ้าคนรักของเค้าจะยอมเสียสละและทุ่มเทกับภาระนี้ร่วมกัน ผมเชื่อนะว่าจะทำให้ความรักของทั้งคู่น่าดึงดูดและอบอุ่นยิ่งขึ้นไม่น้อย
ในมิตินี้ผู้ปกครองฝ่ายหญิงจะเรียกร้องสินสอดมากมายเท่าใดก็ได้ครับ แต่การเรียกร้องนั้นต้องประกอบไปด้วยวัตถุประสงค์ที่เอื้อ และสนับสนุนต่อการใช้ชีวิตคู่ของลูกสาวคุณๆด้วย เพราะหากถ้าคุณเรียกสัก 3-5-10 ล้าน และจะเก็บไว้เองด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณย่อมสร้างภาระให้กับการดำเนินชีวิตคู่ของลูกสาวไม่มากก็น้อย แม้ว่าฝ่ายชายและหญิงเองจะมีรายได้ต่อปีรวมกันสัก 10 ล้านก็ตาม(ยกเว้นทั้งคู่เป็นครอบครัวที่ร่ำรวยมาก...สินทรัพย์มากกว่า 9 หลัก) และยิ่งหากการเรียกร้องสินสอดนั้นเป็นเพื่อการ แสดงฐานะทางสังคมของตนเอง หรือเพื่อเหตุผลส่วนตัวใดๆก็ตาม แต่ไม่คำนึงถึงปัญหาที่เกิดกับความสัมพันธ์ของลูกสาวย่อมทำให้ความเคารพในฐานะว่าที่ลูกเขยคงเหลือน้อยลงไม่มากก็น้อย
สรุปผมเห็นด้วยครับว่าค่าสินสอดทองหมั้นมีได้ หากเป็นไปเพื่อการสนับสนุนให้การดำเนินชีวิตคู่ของลูกๆลำบากน้อยลง แต่หากเป็นเพื่อเหตุผลส่วนตัว หรือ ความเห็นแก่ตัวของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผมมองว่า น่าเป็นห่วงครับ
2. ค่าสินสอดทองหมั้น 3-5-10 ล้าน มากไปไหมสำหรับหมอผู้หญิง
ส่วนตัวก็มีเพื่อนเป็นหมอไม่น้อย ก็ทราบรายได้เพื่อนพอสมควร คงขึ้นกับแพทย์เฉพาะทางด้านไหน และทำเอกชนหรือรัฐบาล หรือมีธุระกิจส่วนตัวด้วยหรือไม่ แต่อย่างน้อยพวกแพทย์หญิงที่ทำงานกันแล้ว รายได้ต่อเดือนน่าจะอยู่ที่ 50,000 - 500,000บาท นั่นหมายความว่าเธอมีรายได้ต่อปีอยู่ที่ 600,000-6,000,000 บาทต่อปี เพื่อนผมแทบทุกคนที่ยังโสดอยู่มักจะมีประโยคเด็ดว่า "เธอขออยู่เป็นโสดไม่มีภาระปวดหัว แก่ไปก็มีเพื่อนสาวๆในแก๊งก็พอแล้วไปอยู่บ้านคนชราไฮโซ ซึ่งพวกเธอสามารถสร้างเองกันได้ไม่ยากหรอกครับ" เชื่อผมเถอะพวกเธอทำได้ แต่ก็อาจจะเหงาๆหน่อยในบางครั้ง ดังนั้นโดยสรุปเงินสินสอด 3-5-10 ล้าน ไม่ได้มากไป หากเทียบกับรายได้ที่เธอหาเองได้
แต่ผมเองไม่เคยมองเรื่องที่เธอหารายได้ว่าได้เท่าไรนะครับ เพราะผมหาเองได้ ดูแลเธอได้ แต่ผมมองว่าเธอจะมีคุณค่าในตนเอง หากทัศนคติและจิตใจที่ดีของเธอ หากให้เห็นภาพคือ ศีล 5 พร้อมบริบูรณ์ และมีหลักธรรมครองเรือน(ฆราวาสธรรม)ที่พร้อมกันทั้งสองฝ่าย คือ สัจจะ ขันติ ทมะ ปัญญา เหล่านี้ต่างหากที่ทำให้เธอมีคุณค่าพร้อมที่จะเป็นภรรยาและแม่ที่ดีของลูกต่อไป ... ซึ่งจะพบเจอไม่ง่ายนัก
แต่ส่วนตัวก็ยังให้ความสำคัญกับมุมมองของทั้งสองฝ่ายที่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันว่า มีทัศนคติกับเงินสินสอดทองหมั้นในแง่มุมไหนต่างหากครับ
3. ทัศนคติของคนรักของคุณที่มีต่อเรื่องสินสอดทองหมั้น
ประเด็นนี้ผมว่าสำคัญที่สุด เพราะ จะบอกได้ว่าคุณกำลังจะได้คู่ชีวิตในลักษณะไหน และถ้าเอาไปทำโพลก็จะได้คำตอบที่หลากหลายอย่างแน่นอน
ผมขอยกตัวเอย่างที่ผมและเพื่อนเคยเจอกันมาให้ดู .... แล้วคุณๆลองคิดดูว่าหากคนที่เราจะใช้ชิวิตคู่ร่วมด้วยมีทัศนคติเช่นนี้คุณจะเลือกคนไหน
- สาว ก. พี่ๆที่บ้านบอกว่าเรียกสินสอดตั้ง 5 ล้าน เดี๋ยวน้องไปลองต่อรองกับที่บ้านดูก่อนนะ แต่ถ้าไม่ได้เรามาช่วยกันเก็บดีไหมค่ะ
- สาว ข. พี่ๆที่บ้านบอกว่าเรียกสินสอดตั้ง 5 ล้าน แต่น้องว่าไม่ต้องมีก็ได้นะ น้องลองไปคุยกับคุณแม่ให้ไปคุยกับคุณพ่อดู แล้วเราก็เอาเงินเก็บที่เรามีทั้งคู่ และสินทรัพย์ของเราไปให้ท่านดู เพื่อใช้เป็นสินสอดทองหมั้นดีกว่านะค่ะ
- สาว ค. พี่ๆที่บ้านบอกว่าเรียกสินสอดตั้ง 5 ล้าน ที่บ้านน้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ค่ะ น้องกะที่บ้านก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่พี่ต้องดูแลจัดการให้ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็บอกว่าสินสอดทั้งหมดท่านเก็บหมดนะค่ะ พี่น่าจะมีอยู่แล้วนะค่ะ เพราะน้องจำได้ว่าพี่รายได้ไม่ถึงปีก็พอแล้วใช่ไหมค่ะ สู้ๆนะ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่แต่งนะคะ
แค่เรื่องสินสอดนี่แหละทำให้เราเห็นนะครับว่า เรากำลังจะได้คู่แบบไหน และครอบครัวแบบไหนที่เราต้องใช้ชีวิตร่วมด้วยต่อไป
หมายเหตุ : ข้อความข้างต้นเป็นความเห็นส่วนตัว หากไม่เป็นที่พอใจก็ขออภัยครับ เพราะเรื่องเหล่านี้มีความหลากหลายในความคิดเห็นมาก