เช็กก่อนใช้! ยาหมดอายุ-ยาเสื่อมสภาพ อันตรายถึงชีวิต
ยาที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพไม่เพียงแต่ลดประสิทธิภาพในการรักษา แต่ตัวยาที่เปลี่ยนแปลงไปอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ จึงได้แนะวิธีสังเกตง่าย ๆ พร้อมย้ำให้เก็บรักษายาอย่างเหมาะสมเพื่อความปลอดภัย
วันนี้ “เดลินิวส์”ได้นำเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกมาเตือนประชาชนให้ใส่ใจตรวจสอบวันหมดอายุและสังเกตลักษณะยาที่อาจเสื่อมสภาพก่อนใช้ทุกครั้ง โดยนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า การใช้ยาเป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพ แต่หลายคนอาจละเลยการตรวจสอบ “วันหมดอายุ” และ “ลักษณะของยา” ก่อนใช้ ซึ่งยาที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพแล้ว ตัวยาสำคัญอาจสลายตัว ทำให้ระดับยาไม่ถึงเกณฑ์ที่สามารถรักษาโรคได้ หรืออาจเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นสารอื่นที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้
สำหรับการตรวจสอบวันหมดอายุ ให้สังเกตข้อความ “ยาสิ้นอายุ” (Expiry Date หรือ Exp.) บนฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ หากระบุเป็นเดือนและปี ให้นับวันสุดท้ายของเดือนนั้นเป็นวันหมดอายุ เช่น Exp. 08/2568 หมายถึงยาสิ้นอายุในวันที่ 31 สิงหาคม 2568
รองเลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาอาจเสื่อมสภาพก่อนวันหมดอายุได้หากเก็บรักษาไม่เหมาะสม เช่น ถูกแสงแดดหรือความชื้น ซึ่งสามารถสังเกตความผิดปกติได้ดังนี้ ยาเม็ด/ยาเม็ดเคลือบ : มีรอยแตก บิ่นหรือร่วนเป็นผง สีเปลี่ยนไป มีจุดด่าง หรือเชื้อรา ยาเม็ดเคลือบมีลักษณะเยิ้ม เหนียว หรือกลิ่นผิดปกติ ยาแคปซูล (แคปซูลแข็ง/นิ่ม) : เปลือกแคปซูลบวม นิ่ม เยิ้ม หรือเหนียวกว่าปกติ ผงยาภายในเปลี่ยนสี หรือจับกันเป็นก้อน ยาน้ำ (น้ำใส/แขวนตะกอน/น้ำเชื่อม) : มีความข้น หนืด หรือใสผิดปกติ เกิดตะกอนแข็งที่เขย่าแล้วไม่กระจายตัว หรือมีสี กลิ่น รสเปลี่ยนไป ยาครีม/ยาขี้ผึ้ง : เนื้อยาแยกชั้น มีกลิ่นเหม็นหืน หรือความหนืดเปลี่ยนไป
อย. ขอให้ประชาชนให้ความสำคัญกับเรื่องยา ไม่ควรเสี่ยงใช้ยาที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพ ควรจัดเก็บยาตามคำแนะนำบนฉลาก และควรตรวจสอบยาที่มีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคัดแยกยาที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพนำไปทิ้งอย่างถูกวิธี สำหรับยาที่ต้องทิ้ง ควรนำไปทิ้งที่สถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อการกำจัดอย่างปลอดภัย หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยา การเก็บรักษา หรือการทิ้งยา ขอให้ปรึกษาเภสัชกรใกล้บ้านท่าน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการใช้ยา
สามารถติดตามต่อได้ที่ :
https://www.dailynews.co.th/news/5221982/
เช็กก่อนใช้! ยาหมดอายุ-ยาเสื่อมสภาพ อันตรายถึงชีวิต
ยาที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพไม่เพียงแต่ลดประสิทธิภาพในการรักษา แต่ตัวยาที่เปลี่ยนแปลงไปอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ จึงได้แนะวิธีสังเกตง่าย ๆ พร้อมย้ำให้เก็บรักษายาอย่างเหมาะสมเพื่อความปลอดภัย
วันนี้ “เดลินิวส์”ได้นำเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกมาเตือนประชาชนให้ใส่ใจตรวจสอบวันหมดอายุและสังเกตลักษณะยาที่อาจเสื่อมสภาพก่อนใช้ทุกครั้ง โดยนายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า การใช้ยาเป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพ แต่หลายคนอาจละเลยการตรวจสอบ “วันหมดอายุ” และ “ลักษณะของยา” ก่อนใช้ ซึ่งยาที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพแล้ว ตัวยาสำคัญอาจสลายตัว ทำให้ระดับยาไม่ถึงเกณฑ์ที่สามารถรักษาโรคได้ หรืออาจเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นสารอื่นที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้
สำหรับการตรวจสอบวันหมดอายุ ให้สังเกตข้อความ “ยาสิ้นอายุ” (Expiry Date หรือ Exp.) บนฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ หากระบุเป็นเดือนและปี ให้นับวันสุดท้ายของเดือนนั้นเป็นวันหมดอายุ เช่น Exp. 08/2568 หมายถึงยาสิ้นอายุในวันที่ 31 สิงหาคม 2568
รองเลขาธิการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาอาจเสื่อมสภาพก่อนวันหมดอายุได้หากเก็บรักษาไม่เหมาะสม เช่น ถูกแสงแดดหรือความชื้น ซึ่งสามารถสังเกตความผิดปกติได้ดังนี้ ยาเม็ด/ยาเม็ดเคลือบ : มีรอยแตก บิ่นหรือร่วนเป็นผง สีเปลี่ยนไป มีจุดด่าง หรือเชื้อรา ยาเม็ดเคลือบมีลักษณะเยิ้ม เหนียว หรือกลิ่นผิดปกติ ยาแคปซูล (แคปซูลแข็ง/นิ่ม) : เปลือกแคปซูลบวม นิ่ม เยิ้ม หรือเหนียวกว่าปกติ ผงยาภายในเปลี่ยนสี หรือจับกันเป็นก้อน ยาน้ำ (น้ำใส/แขวนตะกอน/น้ำเชื่อม) : มีความข้น หนืด หรือใสผิดปกติ เกิดตะกอนแข็งที่เขย่าแล้วไม่กระจายตัว หรือมีสี กลิ่น รสเปลี่ยนไป ยาครีม/ยาขี้ผึ้ง : เนื้อยาแยกชั้น มีกลิ่นเหม็นหืน หรือความหนืดเปลี่ยนไป
อย. ขอให้ประชาชนให้ความสำคัญกับเรื่องยา ไม่ควรเสี่ยงใช้ยาที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพ ควรจัดเก็บยาตามคำแนะนำบนฉลาก และควรตรวจสอบยาที่มีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคัดแยกยาที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพนำไปทิ้งอย่างถูกวิธี สำหรับยาที่ต้องทิ้ง ควรนำไปทิ้งที่สถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อการกำจัดอย่างปลอดภัย หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับยา การเก็บรักษา หรือการทิ้งยา ขอให้ปรึกษาเภสัชกรใกล้บ้านท่าน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการใช้ยา
สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/5221982/