สุดยอดความคิดเห็น
						
					
																																		 ความคิดเห็นที่ 7
												
										
											
										
														
								
							 เฮ้อ...เมื่อวานก็มีกระทู้ที่ไปหาว่า จนท.รพ.หิวคอนเทนท์ คิดได้ไงไม่รู้ ต้องโง่ขนาดไหนถึงกล่าวแบบนั้นออกมาได้ วันนี้ก็กลายเป็นว่า จนท.ยึดติดกับทิฐิอีก?
คุณเคยเห็นการเข็นผู้ป่วยขึ้นลงทางลาดเอียงบ่อยๆ แล้วไม่เห็นเป็นอะไร แต่ผู้ป่วยเหล่านั้นอยู่ในสภาวะไหนครับ? คุณเคยเห็นคนตายต่อหน้ามั้ย? ว่าในวินาทีท้ายๆ ร่างกายคนเรามันเปราะบางได้ถึงขนาดไหน? มันคงทำงานได้ปกติแล้วจู่ๆ ก็หยุดชีพจรไปเองมั้ง?
แล้วมันเป็นภาระความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่เหรอที่ต้องปรับเปลี่ยนคอนดิชั่นในการทำงาน ที่เคยออกแบบและกำหนดเอาไว้อย่างรัดกุมบนพื้นฐานของความปลอดภัยอย่างเต็มที่ของชีวิตคนไข้ ถ้าขยับรถแล้วรถลาดลง รถเข็นกระแทกแรงขึ้น อุปกรณ์พยุงชีพต่างๆ หลุดหรือทำงานผิดพลาด หรือเกิดอะไรขึ้นกับคนไข้แล้วคนไข้ตาย แล้วคนที่จอดรถขวางก็กลายเป็นต้นเหตุลำดับรองลงไป? ในขณะที่ความผิดกลับมาอยู่บนบ่าของ จนท.?
ผมเชื่อว่า ร้อยทั้งร้อย ของผู้ปฏิบัติหน้าที่ตรงนั้น ก็ต้องปฏิบัติแบบเดียวกันหมด คือยังไงก็ต้องยึดถือหลักการทำงานที่ถูกต้องไว้ก่อน แล้วไปแก้ตรงที่ขัดขวางการทำงานนั้นก่อน มีอะไรขวางก็ต้องเอาออกก่อนก็แค่นั้น ไม่ใช่ว่าอยากจะย้ายรถก็ย้าย จะส่งผลยังไงกับคนไข้ก็ช่างแม่มงั้นเหรอ? แล้วใครจะไปคาดคิดว่าในวินาทีที่ทุกคนกำลังทุ่มเทตั้งใจรักษาชีวิตคนคนนึง กลับมีมนุษย์ส้นตินอีกคนมาทำตัวส้นตินใส่ ใครมันจะไปคิดว่าทั้งที่มีความเป็นความตายอยู่ตรงหน้า ไอ้ส้นตินนั่นก็ยังไม่เข้าใจ ใครมันจะไปรู้ล่วงหน้าได้ว่ามันจะต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะคิดออก
ทางเลือกรอง แผนสำรอง มันมีอยู่แล้วครับ ไม่มีใครโง่พอที่จะปล่อยให้คนไข้ตายคาเตียงเพียงเพราะหาเจ้าของรถไม่เจอหรอก แต่มันมีไว้สำหรับสถานการณ์ที่มีข้อจำกัดจริงๆ ไม่มีใครถูกสอนให้หยิบมันมาใช้รับมือคนส้นตินครับ ในอีกทางนึง มันเป็นภาระความรับผิดชอบของ จนท.ด้วยเหรอที่ต้องเข็นรถเข็นที่มีคนไข้ใกล้ตายอยู่บนนั้นไปใกล้ทางลาดนั่น? แล้วยังจะให้เข็นลงทางลาดเลยด้วย? ถ้าหยุดไม่อยู่จะกลายเป็นความผิดใครครับ?
ปล.ส่วนตัวแล้วผมว่าไอ้ส้นตินนั่นโดนไล่ออกจากงานแล้วยังน้อยไปด้วยซ้ำ กลับกัน ถ้ามีการลงขันกันแล้ว ผมก็จะไม่แปลกใจเลย หรือถ้าเป็นผมเองก็อาจจะทุ่มทุกทรัพยากรและคอนเนคชั่นเพื่อเอาคืนแน่ แต่ไม่ทำอะไรกับผู้ก่อเหตุหรอก แค่คิดว่ารักแม่มากงั้นเหรอ?
ผมไม่ใช่คนดี แต่ผมมีญาติเป็นหมอ 5 คน ได้ซึมซับ mindset ในเรื่องของคุณภาพชีวิตคนไข้และการรักษามาบ้างไม่มากก็น้อย และผมเคยต้องตัดสินใจเรื่องการเคลื่อนย้ายพ่อไปอีก รพ.นึงในช่วงก่อนที่แกจะเสีย จำเป็นต้องรับฟังและทำความเข้าใจกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้ายนั้น และผมประเมินออกมาได้ว่า ยอมรับความเสี่ยงนั้นไม่ได้ ทั้งที่ตอนนั้นพ่อของผมไม่ได้เปราะบางเท่าผู้ป่วยในข่าวด้วยซ้ำ แต่ก็อยู่ในระดับที่ต้องพยุงชีพแล้ว แกเสียหลังจากวันที่ผมต้องตัดสินใจประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ จขกท ไม่จำเป็นต้องมีอารมณ์ร่วมอะไรกับเรื่องของผมหรอกนะครับ ผมไม่ได้คาดหวัง
										คุณเคยเห็นการเข็นผู้ป่วยขึ้นลงทางลาดเอียงบ่อยๆ แล้วไม่เห็นเป็นอะไร แต่ผู้ป่วยเหล่านั้นอยู่ในสภาวะไหนครับ? คุณเคยเห็นคนตายต่อหน้ามั้ย? ว่าในวินาทีท้ายๆ ร่างกายคนเรามันเปราะบางได้ถึงขนาดไหน? มันคงทำงานได้ปกติแล้วจู่ๆ ก็หยุดชีพจรไปเองมั้ง?
แล้วมันเป็นภาระความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่เหรอที่ต้องปรับเปลี่ยนคอนดิชั่นในการทำงาน ที่เคยออกแบบและกำหนดเอาไว้อย่างรัดกุมบนพื้นฐานของความปลอดภัยอย่างเต็มที่ของชีวิตคนไข้ ถ้าขยับรถแล้วรถลาดลง รถเข็นกระแทกแรงขึ้น อุปกรณ์พยุงชีพต่างๆ หลุดหรือทำงานผิดพลาด หรือเกิดอะไรขึ้นกับคนไข้แล้วคนไข้ตาย แล้วคนที่จอดรถขวางก็กลายเป็นต้นเหตุลำดับรองลงไป? ในขณะที่ความผิดกลับมาอยู่บนบ่าของ จนท.?
ผมเชื่อว่า ร้อยทั้งร้อย ของผู้ปฏิบัติหน้าที่ตรงนั้น ก็ต้องปฏิบัติแบบเดียวกันหมด คือยังไงก็ต้องยึดถือหลักการทำงานที่ถูกต้องไว้ก่อน แล้วไปแก้ตรงที่ขัดขวางการทำงานนั้นก่อน มีอะไรขวางก็ต้องเอาออกก่อนก็แค่นั้น ไม่ใช่ว่าอยากจะย้ายรถก็ย้าย จะส่งผลยังไงกับคนไข้ก็ช่างแม่มงั้นเหรอ? แล้วใครจะไปคาดคิดว่าในวินาทีที่ทุกคนกำลังทุ่มเทตั้งใจรักษาชีวิตคนคนนึง กลับมีมนุษย์ส้นตินอีกคนมาทำตัวส้นตินใส่ ใครมันจะไปคิดว่าทั้งที่มีความเป็นความตายอยู่ตรงหน้า ไอ้ส้นตินนั่นก็ยังไม่เข้าใจ ใครมันจะไปรู้ล่วงหน้าได้ว่ามันจะต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะคิดออก
ทางเลือกรอง แผนสำรอง มันมีอยู่แล้วครับ ไม่มีใครโง่พอที่จะปล่อยให้คนไข้ตายคาเตียงเพียงเพราะหาเจ้าของรถไม่เจอหรอก แต่มันมีไว้สำหรับสถานการณ์ที่มีข้อจำกัดจริงๆ ไม่มีใครถูกสอนให้หยิบมันมาใช้รับมือคนส้นตินครับ ในอีกทางนึง มันเป็นภาระความรับผิดชอบของ จนท.ด้วยเหรอที่ต้องเข็นรถเข็นที่มีคนไข้ใกล้ตายอยู่บนนั้นไปใกล้ทางลาดนั่น? แล้วยังจะให้เข็นลงทางลาดเลยด้วย? ถ้าหยุดไม่อยู่จะกลายเป็นความผิดใครครับ?
ปล.ส่วนตัวแล้วผมว่าไอ้ส้นตินนั่นโดนไล่ออกจากงานแล้วยังน้อยไปด้วยซ้ำ กลับกัน ถ้ามีการลงขันกันแล้ว ผมก็จะไม่แปลกใจเลย หรือถ้าเป็นผมเองก็อาจจะทุ่มทุกทรัพยากรและคอนเนคชั่นเพื่อเอาคืนแน่ แต่ไม่ทำอะไรกับผู้ก่อเหตุหรอก แค่คิดว่ารักแม่มากงั้นเหรอ?
ผมไม่ใช่คนดี แต่ผมมีญาติเป็นหมอ 5 คน ได้ซึมซับ mindset ในเรื่องของคุณภาพชีวิตคนไข้และการรักษามาบ้างไม่มากก็น้อย และผมเคยต้องตัดสินใจเรื่องการเคลื่อนย้ายพ่อไปอีก รพ.นึงในช่วงก่อนที่แกจะเสีย จำเป็นต้องรับฟังและทำความเข้าใจกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการเคลื่อนย้ายนั้น และผมประเมินออกมาได้ว่า ยอมรับความเสี่ยงนั้นไม่ได้ ทั้งที่ตอนนั้นพ่อของผมไม่ได้เปราะบางเท่าผู้ป่วยในข่าวด้วยซ้ำ แต่ก็อยู่ในระดับที่ต้องพยุงชีพแล้ว แกเสียหลังจากวันที่ผมต้องตัดสินใจประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ จขกท ไม่จำเป็นต้องมีอารมณ์ร่วมอะไรกับเรื่องของผมหรอกนะครับ ผมไม่ได้คาดหวัง
 แสดงความคิดเห็น
				
	        
				
	        
				
				 
 
		
				
 	
			
						
ขอถามเรื่องรถกระบะจอดขวางรถพยาบาลที่กะบี่
แต่แค่สงสัยว่ารถพยาบาลที่บอกว่าไม่สามารถเดินหน้าไปได้เพราะทางลาดเอียงจะทำให้ท้ายรถกระดกเชิดขึ้นจะเข็นผู้ป่วยขึ้นรถไม่ได้ อันตราย
คำถามคือทำไมไม่เลื่อนรถลงไปบนพื้นราบซึ่งมีระยะทางห่างจากที่จอดอยู่เดิมแค่ 5 เมตรแล้วรีบเห็นคนไข้ไปขึ้นรถระยะทางก็ห่างแค่ 5 เมตร 10 เมตรใช้เวลาเข็นไม่ถึง 30 วินาที
แต่กลับเอาเวลาอันมีค่าไปยื่นเถียงกับรถกระบะ
ลองมองอีกมุมนะครับ
หรือการเข็นผู้ป่วยลงทางลาดชันมันจะอันตราย ซึ่งผมไปโรงพยาบบ่อยผมเห็นเข็นผู้ป่วยบนทางลาดเอียงบ่อยๆก็ไม่เห็นจะเป็นไร
ผมว่าไม่ควรเอาเวลาอันมีค่าไปยึดกับทิฐิตัวเองทั้งคู่
ปล. ถ้าผมเข้าใจอะไรผิดช่วยชี้แนะให้หายสงสัยหน่อย