จริง หรือ ไม่ คนไทยทำงานหนักอันดับ 3 โลก ไม่กล้าลางานเพราะ ‘เกรงใจ’

คนไทยทำงานหนักอันดับ 3 โลก ไม่กล้าลางานเพราะ ‘เกรงใจ’ ขนาดป่วยยังรู้สึกผิดจนต้องมาทำงาน 74% ยอมยกเลิกวันลา ถ้ารู้ว่าติดงาน

https://www.facebook.com/share/p/14RREW7sMwG/?mibextid=wwXIfr


คนไทย I Love my Job! เผยอินไซต์คนไทยทำงานหนัก เผชิญวัฒนธรรม “เกรงใจ” ไม่กล้าลางานไปเที่ยว ขนาดป่วยยังรู้สึกผิดจนต้องมาทำงาน Klook ส่งแคมเปญ “ไป ลา มา Klook” ชวนคนไทยลา…ออกไปเที่ยว

Klook แพลตฟอร์มท่องเที่ยวและกิจกรรม เปิดตัวแคมเปญปลายปี “ไป ลา มา Klook” เพื่อปลุกให้คนไทย “ลา…ออกไปเที่ยว” ผ่านการใช้วันลา เพื่อเดินทางไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ในช่วงสิ้นปี หลังพบข้อมูลเชิงลึกว่าคนไทยเผชิญภาวะหมดไฟ (burnout) อย่างแพร่หลาย แต่กลับลังเลที่จะหยุดพักเพราะวัฒนธรรมความเกรงใจและความรู้สึกผิดที่หยุดงาน

วัฒนธรรม ‘เกรงใจ’ ขัดขวางการพักผ่อน

ข้อมูลจากผลรายงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization) ชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยติดอันดับ 3 ของโลก ด้านจำนวนชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานที่สุด โดยคนไทยจำนวน 46.7% ทำงานเกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในขณะที่สัปดาห์การทำงานของโลกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ นับว่าคนไทยทำงานยาวนานสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกอย่างมีนัยสำคัญ

ไม่เพียงแต่เวลาทำงานที่ยาวนาน วัฒนธรรมที่เรียกว่า “Presenteeism” หรือ “การต้องมาให้เห็นหน้า” ยังฝังรากลึกในสังคมไทย โดย 35–48% ของพนักงานไทยระบุว่า ยังมาทำงานทั้งที่ป่วย เพราะไม่อยากสร้างภาระให้เพื่อนร่วมงาน หรือ กลัวถูกมองไม่ดีจากหัวหน้า พฤติกรรมนี้นำไปสู่ประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลงและเพิ่มความเสี่ยงของภาวะหมดไฟ

แม้พนักงานไทยจะเผชิญความเครียดเกี่ยวกับเรื่องงานสูง แต่การลาพักร้อนกลับเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะวัฒนธรรม “ความเกรงใจ” ที่ฝังลึก รวมถึงความกังวลเรื่องงานที่คั่งค้าง รวมถึงความเชื่อผิดๆ ว่าการลาควรเป็นเรื่องสำคัญหรือต้องเป็นทริปใหญ่ที่เกิดขึ้นปีละครั้งเท่านั้น ทำให้คนจำนวนมากเก็บวันลาไว้โดยไม่ได้ใช้

จากผลสำรวจระบุว่า 80% ของพนักงานรู้สึกว่าควรได้วันลามากกว่าที่มีแต่กลับไม่กล้าลา เพราะกลัวสร้างภาระให้ทีมและไม่รู้จะเริ่มวางแผน  ทริปอย่างไร

ขณะที่ 74% ของพนักงานยอมยกเลิกวันลาเพราะภาระงาน และ 24% ยังคงเช็ก อีเมลงานระหว่างวันหยุด

จองล่วงหน้าไม่นาน เดินทางบ่อยขึ้น’ มาแรง

Klook เผยข้อมูลพฤติกรรมการจองของนักเดินทางรุ่นใหม่ในปี 2568 ที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวความคิดเดิม จากที่เคยวางแผนลางานเพื่อไปทริปใหญ่ปีละครั้งเท่านั้น กำลังเปลี่ยนไปสู่การเที่ยวแบบ ทริปสั้น ๆ จองล่วงหน้าไม่เกินสองเดือน แต่ได้เดินทางท่องเที่ยวปีละหลายครั้ง

นอกจากนั้น ภาพรวมและเทรนด์การจองกิจกรรมท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงปี 2568 พบว่า เกือบ 50% ของนักเดินทาง Gen Z ชาวไทยนิยมวางแผนท่องเที่ยวและจองกิจกรรมล่วงหน้าน้อยกว่าสองเดือน โดย 18% จองกิจกรรมล่วงหน้าเพียง 4-7 วันก่อนออกเดินทาง สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่เปิดรับความยืดหยุ่น ตัดสินใจแบบฉับพลัน และความนิยมในการจองแบบนาทีสุดท้ายที่เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากเทรนด์ระยะเวลาการจองที่สั้นลงแล้ว นักท่องเที่ยวชาวไทยยังมีแนวโน้มที่จะเดินทางท่องเที่ยวในช่วงระยะเวลาที่สั้นลง แต่มีความถี่สูงขึ้น แทนที่จะเป็น ทริปใหญ่เพียงครั้งเดียวต่อปี

เคนนี่ แชม ผู้จัดการทั่วไป ประจำคลูกประเทศไทย ฮ่องกง และมาเก๊า กล่าวว่า “เทรนด์ที่เกิดขึ้นทำให้เราเห็นว่า นักเดินทางรุ่นใหม่มองการเดินทางไปต่างประเทศเป็นกิจกรรม ไลฟ์สไตล์ที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งโดยไม่ต้องใช้ระยะเวลานานเกินไป ดังนั้นโปรแกรมการเดินทางไม่จำเป็นต้องยาวนานเป็น 10 วัน แต่เป็นทริปสั้นเพียง 4 วัน 3 คืนก็เพียงพอ แต่กระจายความถี่ให้มีทริปสั้นๆ แบบนี้ตลอดทั้งปี เป็นการแบ่งเวลาไปชาร์จพลังที่อาจจะตอบโจทย์วัฒนธรรมการทำงานสมัยใหม่มากกว่าการลางานยาว ๆ ครั้งเดียวต่อปี”

เคนนี่ เอ่ยเสริมว่า จากผลสำรวจที่พบ ทำให้เห็นว่า ที่จริงแล้วคนไทยต้องการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลาย ความเครียดจากการทำงาน ภาวะ Burnout  และเป็นการชาร์จพลังให้ตัวเอง แต่หลายคนยังติดกับดักทางความคิดและความเชื่อที่ทำให้ไม่กล้าออกไปใช้วันลาทั้งที่เป็นสิทธิ์ของตนเอง Klook จึงอยากใช้โอกาสช่วงปลายปี ชวนคุณไปเที่ยวผ่านแคมเปญ ไป มา ลา Klook และมหกรรมลาเที่ยวแห่งปี Klook Online Travel Fest วันที่ 17-20 ตุลาคม 2568 เพื่อกระตุ้นให้คนไทยออกไปชาร์จพลัง ลดความเสี่ยง Burnout
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่