อู่ตะเภาถึงไม่มีรถไฟความเร็วสูง ก็น่าจะไปต่อได้ เพราะอยู่ใกล้ที่ท่องเที่ยวสำคัญ เทคโนโลยีการเดินทางก็ก้าวหน้ามากแล้ว

สนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินที่มีทำเลดีแห่งหนึ่งของประเทศ อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่างพัทยาและระยอง ใครที่มีเป้าหมายจะมาเที่ยวพัทยาและระยอง ก็นั่งเครื่องบินมาลงอู่ตะเภา ต่อรถไปไม่ไกลก็ถึงพัทยาและระยอง เมืองอื่นที่มีสนามบินแต่ไม่มีรถไฟความเร็วสูง เขาก็อยู่ได้ สนามบินอู่ตะเภาอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ก็ต้องอยู่ได้ เพราะทำเลสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติให้มาเที่ยวได้
กรมการท่องเที่ยว เปิด 10 อันดับ จังหวัด ทำรายได้จากการท่องเที่ยวมากที่สุด ปี 2567
  พัทยาได้ที่ 2
https://www.facebook.com/share/1BeN8FmTYU/
"ระยอง" ขึ้นแท่น อันดับหนึ่ง! จุดหมายนักท่องเที่ยวสาย Slow Travel
https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/249896#google_vignette

    ในตัวสนามบินอู่ตะเภาเอง ก็ยังมี entertainment complex สถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งมีจุดขายมากกว่าสนามบินอื่นๆในประเทศ มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยตัวเองอยู่แล้ว
 
  ช่วงเวลานี้ เทคโนโลยีการเดินทางก็พัฒนามากขึ้น สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทางใต้มาฝั่ง eec อย่างง่าย เพราะมีเครื่องบินน้ำไฟฟ้าและเรือไฮโดรฟอยล์ไฟฟ้าที่สามารถนำพาผู้โดยสารจากฝั่งหัวหินมาฝั่ง eec ได้อย่างรวดเร็วกว่าการเดินทางด้วยเรือธรรมดาแบบเดิมมาก คนจากใต้จึงสามารถเดินทางมา eec ได้สบาย แต่ต่อไปก็คงต้องหาวิธีการบริหารต้นทุนยานพาหนะโดยสารใหม่อีกทีด้วย  ให้ค่าโดยสารไม่แพง คนจำนวนมากเข้าถึงราคาง่าย
    ที่ผ่านมาก็เคยมีเรือข้ามชายฝั่งด้วยเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ใช้วลาน้อยกว่ารถโดยสารอยู่ แต่ค่าโดยสารเรือแพง คนก็เลยใช้บริการน้อย
เครื่องบินไฟฟ้า seaglider ความหวังใหม่ของการคมนาคมทางทะเล
https://youtu.be/cOD65KNSEmI?si=pluxqDECdrkIf_d3
เรือไฮโดรฟอยล์ไฟฟ้า แล่นเร็วเหนือน้ำ
https://youtu.be/ggQcrgBEE8c?si=fykphVnEICAIPDaa

    เรือไฮโดรฟอยล์มีมานานแล้ว แต่วิ่งด้วยน้ำมัน ของใหม่คือไฟฟ้า การเปลี่ยนจากเรือเฟอร์รี่ที่วิ่งด้วยน้ำมันมาเป็นเรือพลังงานไฟฟ้าไฮโดรฟอยล์  ก็น่าจะช่วยให้ต้นทุนพลังงานของเรือถูกลงอยู่ เพราะไฟฟ้าถูกกว่าน้ำมัน เป็นเหตุให้สามารถลดค่าโดยสารลงได้ คนเข้าถึงการบริการง่ายขึ้น และถ้าคนโดยสารเรือแต่ละรอบไม่มาก ก็อาจปรับขนาดเรือให้เล็กลง เรือจากที่เคยมี 300 ที่นั่ง ก็อาจปรับลดเหลือ 150 ที่นั่ง หรือแค่ 100 ทึ่นั่งก็ได้ จะได้ปรับต้นทุนให้เหมาะสมขึ้น เรือเล็กลง ทำให้ใช้ต้นทุนเชื้อเพลิงน้อยลง กำไรง่ายขึ้น ไม่ต้องมีชั้น business class บนเรือเหมือนแต่ก่อน เพราะราคาแพง ใครจ่ายแพงก็ให้ไปนั่งเครื่องบินน้ำไฟฟ้าแทน
  สิ่งสำคัญของการเดินทางไม่ใช่นั่งบนยานพาหนะที่หรู ที่สะดวกสบาย แต่ทำอย่างไรถึงจะไปสู่สถานที่ปลายทางอย่างรวดเร็ว เครื่องบินตอบโจทย์กว่า คนที่เขามีตังค์ เลือกนั่งเครื่องบินดีกว่า


    สมัยก่อนที่เคยวางแผนไว้ มีเรือเฟอร์รี่ระหว่างบางปู-หัวหิน ใช้เวลาเดินเรือ 2 ชั่วโมง ราคาประมาณ 1,000 บาท
  นั่งรถกรุงเทพ-หัวหิน 3 ชั่วโมง 30 นาที ราคา 300 บาท หลายคนก็ยังนิยมนั่งรถกว่า ถึงเดินทางช้ากว่า 2 เท่า แต่ราคาถูกกว่า 3 เท่า ขอเก็บตังค์ไว้ดีกว่า
   ถ้ามีบริการเรือไฮโดรฟอยล์ไฟฟ้าแบบใหม่ เส้นทางบางปู-หัวหิน เรือวิ่งเร็ว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที แล้วค่าโดยสารซัก 450 บาท
   เครื่องบินผิวน้ำ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ราคาซัก 650 บาท ถ้าได้ลักษณะนี้ น่าสนใจ น่าใช้บริการ

    ราวๆ 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่เคยทำเรือข้ามฟากเชื่อมต่อ eec-ใต้ เส้นทางพัทยา-หัวหิน หัวหิน-พัทยา แต่ก็ต้องปิดตัวไป เพราะผู้โดยสารไม่มากพอ ก็น่าจะเปิดบริการใหม่เมื่อสนามบินอู่ตะเภาเสร็จเรียบร้อย มี entertainment complex ให้บริการแล้ว เพราะเงื่อนไขหลายอย่างเปลี่ยนไป วันนั้นมีแต่พัทยา ไม่มีอู่ตะเภา ไม่มี entertainment complex แต่ต่อไปอนาคต วันที่มีทุกอย่างมีครบ อะไรๆก็ต้องเปลี่ยนไป ก็น่าจะเปิดให้บริการใหม่ดู แล้วก็ต้องหาทางบริหารต้นทุนยานพาหนะที่เดินทางเชื่อม 2 ฝั่งระหว่าง eec กับทางใต้ใหม่หมดอย่างที่ได้บอกมา

    เส้นทางที่ควรจะทำเครื่องบินและเรือจะวิ่งข้ามฟาก ก็คือหัวหิน-จุกเสม็ด เพราะจุกเสม็ดอยู่ใกล้สนามบินอู่ตะเภา พอผู้โดยสารลงจากเรือโดยสารและเครื่องบิน ก็มีรถบัส feeder รับส่งคนจากจุกเสม็ดมาที่สนามบินอู่ตะเภา และวิ่งต่อไปพัทยา ให้นักท่องเที่ยวมีความรู้สึกว่าการเดินทางท่องเที่ยวทั้งจุกเสม็ด อู่ตะเภา พัทยา มีความสะดวกมาก และถ้าจากอู่ตะเภามีรถวิ่งไปถึงระยองก็ยิ่งดี

    ถ้าพูดถึงการเดินจากภาคตะวันออกข้ามไปภาคเหนือ อีสาน ใต้ ก็มีพอสมควรอยู่ ดูจากรอบรถบัสระยองที่วิ่งไปภาคต่างๆ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย หนองคาย อุบลฯ สงขลา ถ้าสนามบินอู่ตะเภาเสร็จสมบูรณ์แล้ว  ก็น่าจะมีเส้นทางการบินจากอู่ตะเภาไปยังปลายทางเหล่านี้ด้วย น่าจะได้ผู้โดยสารกลุ่มนึง

    ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยหวังกับรถไฟความเร็วสูงล่ะ อยากได้รถ brt วิ่งจากลาดกระบังไปภาคตะวันออก ปลายทางอย่างน้อยถึงระยอง แล้วก็มีเครื่องบินน้ำไฟฟ้าและเรือไฮโดรฟอยล์ไฟฟ้าให้บริการระหว่างชายฝั่งเหมือนที่เรือเฟอร์รี่เคยให้บริการ เส้นทางพัทยา-หัวหิน แล้วขอให้มีเส้นทางใหม่อีกเส้นนึง ตามที่เคยมีความคิดจะทำสะพานไทยข้ามฝั่งก็คือ เพชรบุรี-แหลมฉบัง เอาเครื่องบินน้ำมาบินเส้นทางนี้

    ถ้ามีเครื่องบินน้ำบริการคนกรุงเทพและปริมณฑล บินจากบางปูไปพัทยา ใช้เวลาแค่ 20 นาที ค่าบริการราวๆ 500 บาท น่าจะมีผู้ใช้บริการพอสมควรอยู่ ต่อไปถ้าอู่ตะเภาเสร็จหมด ก็มีเครื่องบินน้ำรับส่งผู้โดยสารจากบางปูถึงอู่ตะเภา ค่าบริการก็ราวๆ 600 บาท  ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 25 นาทีถึงปลายทาง
แต่ถ้าเป็นเรือไฮโดรฟอยล์ก็น่าจะซัก 45 นาที ค่าโดยสาร 350 บาท จากบางปูถึงพัทยา
แต่ยังไงก็ต้องเร่งขยายรถไฟทางคู่ถึงอู่ตะเภา เพราะรถไฟก็ตอบโจทย์การเดินทางอีกแบบนึง และช่วยลดต้นทุนการส่งสินค้าด้วย
  นี่ก็เป็นค่าโดยสารในฝัน ของจริงไปรู้จะเป็นอย่างที่คิดมั้ย ขอให้ใกล้เคียงนี้แล้วกัน คนจำนวนมากจะได้ใช้บริการง่าย
  ใครที่อยากจ่ายค่าโดยสารถูกๆก็ให้นั่งรถโดยสารเอา ราคา 150-200 มีหลายจุดในกรุงเทพ
  แต่เชื่ออย่างนึงว่า นานไปค่าโดยสารจะถูกลงได้อีก เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ไปไวมาก ไม่กี่ปี แบตก็ถูกลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้ต้นทุนถูกลง ค่าโดยสารก็มีโอกาสถูกลง

    ก็ดูกันไปว่า eec จะเป็นยังไง มียานพาหนะตัวเลือกการเดินทางแบบใหม่มา น่าจะช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้นเยอะ ต่อไปก็หวังจะได้เห็นเครื่องบินน้ำและเรือไฮโดรฟอยล์ให้บริการถึง 5 เส้นทาง คือ หัวหิน-อู่ตะเภา เพชรบุรี-อู่ตะเภา บางปู-อู่ตะเภา บางขุนเทียน-อู่ตะเภา เกาะช้าง-อู่ตะเภา และสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงถึงอู่ตะเภา เพราะการเดินทางตอบโจทย์คนละแบบกับเครื่องบินและเรือ
   ถ้าเครื่องบินน้ำกับเรือไฮโดรฟอยล์มีผู้ใช้บริการเยอะ ก็น่าจะสร้างถนนและเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่าง eec กับใต้ อุโมงค์ลอดใต้ทะเลมีถนนรถยนต์วิ่งและทางรถไฟ เพราะจะได้เรื่องของการส่งสินค้าด้วย วิ่งข้ามฟากระหว่างหัวหินกับจุกเสม็ดก็สามารถเชื่อมต่อภาคใต้กับ eec ได้ทั้งหมด

​   พอเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น อะไรๆก็เปลี่ยนไปมากกว่าที่เราคิดไว้เยอะ  นึกถึงสมัยก่อนที่ยกเลิกรถรางของร.5 เพราะคนคิดว่ารถรางช้ากว่ารถยนต์ ไม่ค่อยมีใครมาใส่ใจพัฒนารถรางมาหลาย 10 ปี พอถึงช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กลับต้องมาพัฒนารถรางหรือรถไฟทั่วกรุงเทพและทั่วประเทศ เพราะรถไฟสามารถทำความเร็วได้หลายร้อยกิโลเมตร/ชั่วโมง
  มาเวลานี้ก็มีทั้งเครื่องบินน้ำไฟฟ้าและเรือไฮโดรฟอยล์ไฟฟ้าที่สามารถแล่นข้ามเกาะได้เร็ว และมีต้นทุนที่ถูกลง น่าใช้บริการมากขึ้น ทั้งที่ตอนประมูลรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน ก็ไม่มีใครพูดถึงเทคโนโลยีเรือไฟฟ้าและเครื่องบินไฟฟ้า แต่เมื่อเวลาผ่านไป มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมา ก็ทำให้มีตัวเลือกการเดินทางที่ดีและเข้าถึงง่ายเกิดขึ้น ทำลายข้อจำกัดการเดินทางแบบเดิมได้มาก

    อู่ตะเภามีความได้เปรียบสุวรรณภูมิในบางเรื่อง สุวรรณภูมิเป็นเมืองการบินอย่างเดียว แต่อู่ตะเภาเป็นทั้งเมืองการบินและเมืองท่าเรือ มีจุดขายคนละแบบกับสุวรรณภูมิ ถ้าวางแผนบริหารจัดการดี ต่อไปอาจมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากกว่าสุวรรณภูมิก็ได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่