JJNY : ‘ชูวิทย์’ห่วง‘กัน’หวั่นตกม้าตาย ชม‘ไอซ์’สอบผ่าน│ทบ.โต้ กัมพูชา│กัมพูชาประท้วงไทย│เกาหลีใต้นำอาชญากรกลับปท.มากสุด

‘ชูวิทย์’ โพสต์เฟซฯห่วง ‘กัน จอมพลัง’ หวั่น ‘ฮีโร่’ ตกม้าตาย ชม ‘ไอซ์’ สอบผ่านทำหน้าที่สส.
https://t.dailynews.co.th/news/5215190/
.
.
อดีตนักการเมือง "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" โพสต์เฟซบุ๊ก เป็นห่วง "กัน จอมพลัง" ชี้เส้นทาง "ฮีโร่" ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หวั่นตกม้าตาย แนะอย่าน้อยใจหากถูกตรวจสอบ ชม "สส.ไอซ์" สอบผ่าน มีตัวตน แสดงหน้าที่ให้ประชาชนเห็นอยู่หลายผลงาน.
.
เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุว่า
.
“กัน จอมพลัง” และ “ไอซ์ รักชนก” ทั้งสองมีวิวาทะกัน ผมจึงขอแจมสักหน่อย โครงสร้างอันบิดเบี้ยวของสังคมไทย ที่ไม่สามารถพึ่งพาบรรดาข้าราชการ หรือหน่วยงานรัฐได้ คนไทยจึงต้องการ “ฮีโร่” เสมอ ทุกเวลานาที ยิ่งเรื่องของประเทศชาติ ดินแดน เป็นเรื่องใหญ่ เขมรจะซ่ากับไทยได้ไง? หรือไม่ฮีโร่ก็มาในคราบของการช่วยเหลือสังคมที่ขาดแคลนหลากหลาย ไม่ว่าการร้องเรียนเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นประเด็นบาดใจสังคม คนตกทุกข์ได้ยาก คนไทยเราใจบุญสุดๆ ต้องยอมรับนับถือน้ำใจ ต่างประเทศไม่มีฮีโร่แบบนี้ หากเป็นสังคมตะวันตก ตัวใครตัวมัน หรือบางทีฮีโร่ไทยยังแสดงตัวช่วยเหลือเรื่องสาธารณประโยชน์ต่างๆ ซึ่งในสายตาของสังคมไทยย่อมมองเป็นเรื่องดี ตามประสาคนไทยน้ำใจงาม
.
แต่เรื่องชายแดน ไทย-เขมร หากเรามี “กองทัพ” ที่มีงบประมาณทางทหารมากมายมหาศาล ทำไมเราต้องมี “กัน จอมพลัง” มาขอเงินบริจาคไปช่วยชายแดน ทั้งยางรถยนต์ ไปถึงอุปกรณ์ที่ดูเหมือนเป็นงาน “รัฐบาล” และกลาโหม ในการจัดสรรสิ่งต่างๆ เหล่านี้อยู่แล้ว เราควรต้องพึ่งให้รัฐทำงาน ปกป้องเขตแดนประเทศมากกว่า ”ฮีโร่“ เพียงคนเดียว หรืออาจเป็นงบราชการที่ไม่เกี่ยวข้อง งบทหารที่มีหลายแสนล้านอยู่ อาจชักช้าไม่ทันใจ ที่ผมพูดไม่ได้หมายความว่า “กัน จอมพลัง” ทำไม่ถูก ผมต้องชื่นชมคนเสียสละให้สังคม ช่วยกันคนละไม้คนละมือ
.
แต่ในฐานะประชาชนเราต้องให้ “รัฐบาล และกองทัพ” ทำงานที่ได้รับมอบหมาย มีพร้อมทั้งอาวุธยุทธภัณฑ์ ปกป้องเขตแดนให้ประชาชน และมีงบฉุกเฉิน (ซึ่งมีมากมายทุกกระทรวง) มากกว่าให้ “กัน จอมพลัง” ทำคนเดียว ดูเปล่าเปลี่ยวเหงาใจชอบกล กัน ควรไปทำในเรื่องของสังคม เป็นตัวแทนคนถูกหลอกลวง การเข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม หรือถูกข้าราชการกลั่นแกล้งมากกว่า ส่วนเรื่อง “เงินบริจาค” เอาเป็นว่าขนาดหน่วยงานรัฐมีการตรวจสอบ มี สตง. ยังรั่วไหลตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศ ไปจนวัดวาอารามพระครูก็ไม่เว้น มีคนเกี่ยวข้องถูกฟ้องว่าทุจริตคอร์รัปชั่น ศาลตัดสินจำคุกไม่เว้นแต่ละวัน
เมื่อมีเรื่องเงินๆ ทองๆ บริจาค มักจะมีเรื่องให้ติฉินนินทาอยู่เสมอ ๆและคนถูกจับได้ไล่ทันหลังได้รับเงินบริจาคมากๆ ก็มีเหมือนกันที่ยักใส่กระเป๋า อ้างต้องกินต้องใช้มีลูกน้อง แต่ตอนขอบริจาค บอกว่าให้ไปทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่าย จึงควรงดเสียดีกว่า คิดเอาว่า ทำได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้นเถอะ ประเทศชาติไม่ใช่ของเราคนเดียว ผู้กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อถึงเวลาหน่วยงานรัฐทุกหน่วยต้องประสานงานกัน เพื่อดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ หรือปกป้องอริราชศัตรู
.
ส่วนไอซ์เป็น ส.ส. สมัยแรก ได้รับฉันทามติจากประชาชนให้เป็น “ผู้แทน” ย่อมต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ เพราะกินเงินเดือนภาษีมาจากพวกกระผม จะให้เหมือน ส.ส. บางคน ที่ยังไม่รู้จักหน้าที่ แต่ละวันนั่งๆ เดินๆ แต่ไม่ได้มีบทบาททั้งในสภา หรือช่วยเหลือชาวบ้านหรือ? นักการเมืองจึงต้องหา “บทบาท” ของตัวเองให้เจอ และอย่าหิว เพราะจะเป็นการทำหน้าที่เพื่อให้ตัวเองมีลาภทรัพย์สินที่ไม่ควรได้ เท่าที่ ส.ส. ไทยได้อยู่ก็มากโขแล้ว ทั้งเงินเดือน สิทธิพิเศษ สวัสดิการรักษาพยาบาล ชนิดเบิกสดคืนจากสภาได้ทันที ไหนจะบินทั่วไทยฟรี อัพเกรดเป็นชั้นธุรกิจ จะเที่ยว หรือจะไปหาเมียน้อยหาเด็ก ก็อ้างได้ว่าไปเยี่ยมประชาชน ดังนั้น คนเป็นผู้แทนได้รับการเลือกตั้ง ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้คุ้มค่า
.
อย่างไอซ์ แม้เป็น ส.ส. สมัยแรก ก็ถือว่าสอบผ่าน เพราะมีตัวตน แสดงหน้าที่ให้ประชาชนเห็นอยู่หลายผลงาน ส่วนคนไม่มีหน้าที่ อยากช่วยก็ต้องช่วยให้เหมาะสม ไม่ใช่ทำเกินหน้าเกินตา เกินขอบเขตบริบทของคนอยากช่วยสังคมหากถูกตรวจสอบก็อย่าได้น้อยใจ เมื่ออาสามาทำงานจิตใจต้องแข็งแกร่ง ต้านคำถามข้อสงสัยได้ เส้นทางของ “ฮีโร่” ย่อมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ บางครั้งทำดี แต่ได้ “ของหิน” แทนก็มี จึงต้องวางตำแหน่ง “ฮีโร่” ให้เหมาะสม อย่าไป “ตกม้าตาย” เหมือนฮีโร่เก๊
.
ภายหลังจากข้อความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปทำให้ชาวเน็ตที่พบเห็นต่างเข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับที่ นายชูวิทย์ โพสต์ และอีกส่วนก็ได้ให้กำลังใจทั้งกันจอมพลัง และ สส.ไอซ์ ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด.
.
ขอบคุณข้อมูลจากเฟซบุ๊ก
.
.

.
ทบ.โต้ กัมพูชา ชี้พื้นที่พิพาทอยู่ในอธิปไตยไทย ไม่ต้องใช้กลไก JBC ย้ำ ไทยยึดหลักสากล
.
ทบ. โต้ โฆษกรัฐบาลกัมพูชา ชี้พื้นที่พิพาทอยู่ในอธิปไตยไทย ไม่ต้องใช้กลไก JBC ย้ำไทยแก้ปัญหาตามหลักสากล
.
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม จากกรณีที่ นายเพ็ญ โบนา โฆษกรัฐบาลกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธ กรณีที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว รวมถึงพื้นที่ที่ฝ่ายไทยได้ มีการวางลวดหนาม และได้ใช้รถปรับพื้นดินเพื่อปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดอยู่นั้น เป็นเขตแดนระหว่างประเทศตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ซึ่งรวมถึงแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 และหลักเขตแดนที่ได้รับการยอมรับ จำนวน 74 หลัก ยังคงมีผลทางกฎหมายและได้รับการคุ้มครองภายใต้บทบัญญัติของกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพียงฝ่ายเดียว
.
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า นายเพ็ญ โบนา โฆษกรัฐบาลกัมพูชา พยายามที่จะไม่เข้าใจ ซึ่งได้เคยชี้แจงไปแล้วหลายครั้ง จึงขอเรียนว่า พื้นที่ที่ชาวบ้านกัมพูชาบุกรุกที่เป็นข้อพิพาทกันอยู่ในขณะนี้ อยู่นอกเขตพื้นที่ที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์ ลึกเลยเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทย ถึงแม้ว่ากัมพูชาจะนำแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 มาใช้อ้างอิงก็ตาม โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ชายแดนที่มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบ ตามสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ระบุให้ใช้หลักเขตแดน ที่ได้เคยปักปันกันไว้แล้วในอดีตเป็นหลัก ซึ่งในบางหลักเขตอาจมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง จึงเกิดเป็นพื้นที่ ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ ทำให้ต้องใช้กลไก JBC มาร่วมแก้ปัญหา
.
แต่พื้นที่ที่มีปัญหาและข้อพิพาทกันอยู่ และจำเป็นต้องดำเนินการเร่งแก้ไขนั้น จะเป็นในส่วนที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ แต่เป็นพื้นที่ที่อยู่ลึกเลยเข้ามาในฝั่งประเทศไทยอย่างชัดเจน จึงไม่จำเป็นต้องรอให้กลไก JBC มาใช้แก้ปัญหา ในบริเวณพื้นที่ส่วนนี้
.
การรุกล้ำกรณีดังกล่าวจึงย่อมมีผลทางกฎหมายของไทย และไม่เป็นการละเมิดในบทบัญญัติของกฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศอย่างที่กล่าวอ้าง” พล.ต.วินธัย กล่าว.
.

.
กัมพูชาประท้วงไทย ละเมิด “หยุดยิง” หลัง ฉก.นย.ตราด ฝ่าระเบิดยึดพื้นที่บ้าน 3 หลัง
.
กัมพูชาประท้วงไทย หลัง ฉก.นย.ตราด เปิดเส้นทางฝ่าระเบิดยึดพื้นที่บ้าน 3 หลัง ตั้งฐานทหาร แต่ไม่สำเร็จ! หลังบินโดรนสำรวจพบทหารฝ่ายกัมพูชา แอบกลับเข้ามาในพื้นที่อีกครั้ง อ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ส่งผลให้ยังเข้ายึดคืนพื้นที่บ้าน 3 หลังไม่ได้
.
ความเคลื่อนไหวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีข่าวการรื้อบ้าน 3 หลังของฝ่ายกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 นั้น
.
ล่าสุด เพจ Thai Burma railway ทางรถไฟสายมรณะ ได้มีการโพสต์คลิปความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาพร้อมระบุว่า 
.
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2025 ทหารไทยสร้างถนนสู่บ้านพลบดัมเรย อ.ทมอดา จ.โพธิสัตว์ ในการพูดคุยทหารเขมรน่าจะมาขอให้ย้ายแนวลวดหนามแต่ทหารไทยปฏิเสธครับ ฉากหลังมีทหารไทยและยานเกราะล้อยาง 1 คัน ขึ้นไปคุ้มกันส่วนที่ทำถนน
.
เบื้องต้นผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวความมั่นคงว่า หลังจากที่ทหารไทยได้ทำการรื้อบ้าน 3 หลัง พร้อมผลักดันฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่อธิปไตยไทยแล้ว และมีข้อตกลงกันว่าจะไม่มีใครมาอยู่อีก แต่ปรากฏว่าจากการตรวจสอบโดยใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ขึ้นบินสำรวจในพื้นที่ดังกล่าว กลับพบว่า มีทหารฝ่ายกัมพูชากลับเข้ามาในพื้นที่บ้าน 3 หลังอีกครั้ง
.
ซึ่งทาง ฉก.นย.ตราด ได้ตัดสินใจเปิดเส้นทางขึ้นไปยังบ้าน 3 หลังทันทีเพื่อไปตั้งฐานทหารห่างประมาณ 80 เมตร เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร ระหว่างทางต้องฝ่าทุ่นระเบิดจำนวนมาก (ทุ่นระเบิดเก่าสมัยสงครามเขมรแดง) จำเป็นต้องสแกนหาทุ่นระเบิดก่อนแล้วใช้เครื่องจักรหนักเปิดเส้นทางไปเรื่อย ๆ พร้อมมีรถหุ้มเกราะร่วมปฏิบัติหน้าที่ด้วย เมื่อเจอทุ่นระเบิดได้ทำลายทิ้งทันที เพื่อความปลอดภัยของกำลังพล
.
แต่เมื่อทหารไทยเปิดเส้นทางใกล้ถึงบ้าน 3 หลัง ปรากฏว่า ทหารกัมพูชาทำหนังสือประท้วงไทย อ้างว่าไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และยังไม่สามารถเข้ายึดพื้นที่บ้าน 3 หลังได้ ซึ่งการประท้วงของกัมพูชาเป็นการประท้วงครั้งแรก ที่อ้างว่าไทยละเมิดข้อตกลง แต่กลับกันฝ่ายไทยประท้วงเป็นหลายร้อยครั้ง กลับไม่ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายกัมพูชาเลย
.
อย่างไรก็ตาม ทหารฝ่ายไทยขอให้ประชาชนชาวไทยและชาวตราด เชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ทวงคืนพื้นที่อธิปไตยไทยจากกัมพูชา และจะปกป้องอธิปไตยไทยอย่างถึงที่สุด
.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่