พวกเครื่องถ่ายเอกสาร รวมถึงพวกเครื่องพิมพ์เลเซอร์นั้น แม้จะมีประสิทธิภาพสูงและทำงานได้อย่างรวดเร็วในการพิมพ์เอกสาร แต่ก็มีองค์ประกอบที่ส่งผลกระทบกับสุขภาพของผู้ที่ใช้งานเครื่องเป็นประจำ หรือนั่งทำงานอยู่ใกล้เครื่องได้ ดังนี้
.
- ผงหมึก (toner) : นอกจากการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ จากการสูดหายใจเอาฝุ่นของผงหมึกเข้าไปในร่างกายแล้ว สารบางชนิดที่เป็นส่วนผสมของผงหมึก เช่น สารไนโตรไพรีน (ซึ่งพบได้ในผงคาร์บอนดำ) และไตรไนโตรฟลูออรีน (TNF) ยังเป็นสารที่อาจก่อมะเร็ง และทำให้เกิดความผิดปรกติของทารกในครรภ์ได้
.
นอกจากนี้ สารพอลิเมอร์ พวกเรซินพลาสติก ในผงหมึก ก็เป็นสาเหตุของอาการแพ้ เป็นผื่นคันตามผิวหนัง ถ้าสัมผัสที่ผิวหนังบ่อย ๆ
.
- หมึกเหลว (liquid toner) : เป็นองค์ประกอบของสารจำพวกปิโตรเลียมโฮโดรคาร์บอน ถ้าสัมผัสอย่างต่อเนื่อง จะระคายเคืองผิวหนัง ตา ระบบทางเดินหายใจ และเป็นอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ส่วนสารละลายอินทรีย์เคมีที่ใช้ทำละลายหมึกพิมพ์ ก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย
.
- สารนำแสง (photoconductor) : ซึ่งถูกเคลือบไว้ที่แม่แบบรับภาพในเครื่อง เช่น เซเลเนียม แคดเมียมซัลไฟด์ ซิงค์ออกไซด์ และพอลิเมอร์บางตัว มักจะกลายเป็นไอระเหย ออกมาระหว่างถ่ายเอกสาร
.
, เซเลเนียม ทำใหระคายเคืองระบบทางเดินหายใจส่วนต้น ตา และชั้นเยื่อเมือกของกระเพาะอาหาร
, ส่วนแคดเมียม มีอันตรายมากกว่าเซเลเนียม เนื่องจากเป็นสารก่อมะเร็ง แต่ถูกปล่อยออกจากเครื่องถ่ายเอกสารในปริมาณที่น้อยกว่า
.
- แสงอัลตราไวโอเลต (ultraviolet light, UV) : จะถูกแผ่รังสีออกจากหลอดไฟพลังงานสูงระหว่างการถ่ายเอกสาร ความเสี่ยงในการสัมผัสแสง UV นั้นมีน้อยมาก เพราะแสง UV มักจะไม่ทะลุผ่านแผ่นกระจกที่วางเอกสารต้นฉบับของเครื่อง
.
แต่อาการปวดศีรษะ แสบตา อาจเกิดขึ้นได้ หลังจากการมองแสงที่ทะลุผ่านกระจกออกมาได้ ซึ่งจะมีความยาวช่วงคลื่นอยู่ระหว่าง 350-1,100 นาโนเมตร และการสัมผัสกับรังสี UV เป็นเวลานานๆ อาจทำให้เกิดมะเร็งที่ผิวหนังได้
.
- ก๊าซโอโซน (ozone , O3) : เกิดจากการอัดและปล่อยประจุไฟฟ้า ที่แม่แบบรับภาพและกระดาษ โอโซนบางส่วนเกิดจากแสง UV จากหลอดไฟฟ้าพลังงานสูงของเครื่อง โอโซนเป็นก๊าซที่ทำให้เกิดความระคายเคืองต่อระบบประสาทตาและผิวหนัง และเมื่อสูดเข้าไปเป็นระยะเวลานานๆ อาจทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับปอดได้
.
โอโซนที่ระดับความเข้มข้น 0.25 ppm ขึ้นไป มีผลทำให้เกิดความระคายเคืองต่อตา จมูก และคอ ทำให้หายใจสั้น วิงเวียน และปวดศีรษะได้ ตลอดจนเป็นสาเหตุของความล้า และการสูญเสียประสาทรับรู้กลิ่น
.
แต่ในปัจจุบัน การทำงานของเครื่องถ่ายเอกสารเครื่องพิมพ์ได้พัฒนาเทคโนโลยีไปมาก ทำให้โอโซนเกิดขึ้นน้อย โดยเครื่องถ่ายเอกสารรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่มีแผ่นกรองประเภทถ่านกัมมันต์ (activated carbon filter) ติดอยู่ เพื่อสลายโอโซนก่อนปล่อยออกภายนอกเครื่อง
.
- มลภาวะทางเสียง : เครื่องถ่ายเอกสารส่วนใหญ่จะมีเสียงค่อนข้างดัง โดยเฉพาะเครื่องขนาดใหญ่ อาจดังถึง 80 เดซิเบลเอ (dBA)
.
- ความร้อน : ที่ปล่อยออกมาจากการทำงานของหลอดไฟพลังงานสูง เป็นสาเหตุของความรู้สึกไม่สบาย ถ้าต้องถ่ายเอกสารเป็นเวลานานๆ ในห้องที่ระบายอากาศไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ จากงานวิจัยใหม่ ในปี ค.ศ. 2020 จากมหาวิทยาลัย West Virginia University ประเทศออสเตรเลีย (เรื่อง "Integrated Transcriptomics, Metabolomics, and Lipidomics Profiling in Rat Lung, Blood, and Serum for Assessment of Laser Printer‐Emitted Nanoparticle Inhalation Exposure‐Induced Disease Risks" โดย Guo และคณะ) ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความน่ากลัวของสารเคมีจากเครื่องถ่ายเอกสารเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ในระดับ "นาโนเมตร" ด้วย
.
โดยได้นำหนูทดลองไปไว้ในห้องเดียวกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ที่ทำงานอยู่ วันละ 5 ชั่วโมง เป็นเวลา 21 วัน (ซึ่งเทียบเท่ากับการที่มนุษย์อยู่กับเครื่อง วันละ 5 ชั่วโมงเป็นเวลา 4-8 ปี) แล้วทำการประเมินเซลล์ปอดและเลือดของหนูเป็นระยะๆ ..
.
. พบว่า เพียงแค่วันเดียว อนุภาคระดับนาโนเมตรของผงหมึก ก็เพียงพอที่จะรบกวนการทำงานของยีน ที่เกี่ยวข้องกับระบบการเผาผลาญ ระบบภูมิคุ้มกัน และกระบวนการทางชีวภาพที่สำคัญอื่นๆ .
.
. และเมื่อครบ 21 วันของการทดลอง นักวิจัยก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ที่เชื่อมโยงกับโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางระบบประสาท และโรคระบบเผาผลาญอาหาร อีกด้วย
.
ที่หนักไปกว่านั้นคือ มีงานวิจัยล่าสุดในปี 2021 ที่ค้นพบความเชื่อมโยงระหว่างการแพร่ระบาดของ "โรคโควิด-19" กับการใช้เครื่องพิมพ์เลเซอร์ ภายในอาคาร (เรื่อง "Electrostatic fine particles emitted from laser printers as potential vectors for airborne transmission of COVID-19" โดย Shanshan He และ Jie Han จากมหาวิทยาลัย Xi’an Jiaotong University ประเทศจีน) จากการศึกษาลักษณะของอนุภาค อัตราการปล่อย การสะสมตัวในอากาศ ประจุไฟฟ้า การปล่อยเฉพาะจุด และการแพร่กระจายของอนุภาคที่ปล่อยจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ที่อาจส่งผลต่อการแพร่เชื้อ SARS-CoV-2 ของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ภายในอาคาร .
.
.. และพบว่าอนุภาคขนาดเล็กจิ๋วจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์ มักจะแขวนลอยอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน และจากการที่อนุภาคเหล่านี้มีประจุไฟฟ้าสถิตอยู่สูง ถึง 260–379 อิเล็กตรอนต่ออนุภาค ทำให้เชื้อโรคในอากาศสามารถยึดเกาะบนพื้นผิวของพวกมันได้ และทำให้มันกลายเป็น "พาหะ" ที่มีศักยภาพสำหรับการแพร่เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ทางอากาศ ในพื้นที่สาธารณะ ที่มีเครื่องทำงานอยู่และเป็นโซนการหายใจของมนุษย์
.
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ผู้ที่ต้องทำหน้าที่ถ่ายและพิมพ์เอกสารเป็นประจำ และผู้ที่อยู่ในห้องทำงาน ห้องเดียวกันที่เครื่องถ่ายเอกสารเครื่องพิมพ์เลเซอร์ตั้งอยู่ เป็นเวลานานๆ ก็จะมีความเสี่ยงจากทั้งฝุ่นผงหมึก ไอระเหยสารเคมี แสง UV และก๊าซโอโซน รวมถึงเสียงและความร้อนที่ออกมาจากเครื่อง
จนทางกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้เคยออกมาเตือนหลายครั้ง ถึงภัยเงียบที่มองไม่เห็น จากการสูดดมผงหมึกและสารเคมีมากๆ จนอาจถึงขั้นเสี่ยงได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ หรือร้ายแรงจนถึงขั้นเป็นมะเร็งได้
.
โดยทางกรมฯ ได้เตือนว่า ผู้ที่ใช้เครื่องถ่ายเอกสารควรได้รับการอบรมการใช้เครื่องอย่างถูกวิธี ควรป้องกันตนเอง เช่น สวมหน้ากาก เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายในอนาคต รวมถึงติดตั้งเครื่องถ่ายเอกสาร ก็ควรวางไว้ในที่โล่ง ห่างจากคนอื่นๆ
.
ส่วนผงหมึกที่ใช้แล้วหรือหกตามพื้นในขณะเติม ก็นับว่าเป็นสารอันตราย ที่ควรจะนำไปเก็บกำจัดในภาชนะที่ปิดมิดชิดเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้สารเคมีกระจายตัว
.
ส่วนไอเดียเรื่องที่จะเลือกใช้เครื่องพิมพ์แบบ inkjet ซึ่งใช้การฉีดน้ำหมึกลงกระดาษ แทนเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ ก็นับว่าเป็นแนวคิดที่ดีครับ เพราะก็จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า "คุณภาพอากาศ" ในห้องทำงานนั้นจะดีขึ้น แทบจะไม่มีการสร้างฝุ่นละอองขนาดจิ๋วในระหว่างกระบวนการพิมพ์เลย
และเครื่อง inkjet ก็ไม่ได้มีการทำงานของหลอดไฟพลังงานสูงเหมือนเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ทำให้ลดระดับของก๊าซโอโซน สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (หรือ TVOCs) ความร้อนจากเครื่อง ให้มีค่าต่ำมากด้วยครับ
.
ที่มา : อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์
เตือนภัย: ภัยเงียบจากเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์เลเซอร์ ในห้องทำงาน