https://www.facebook.com/share/1BPSYKSBHY/?mibextid=wwXIfr
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน มีใครสักคนบอกกับคุณว่า
หุ้นเคอรี่ หรือ KEX จะราคาเหลือ 0.50 บาท และจะถูกนำออกจากตลาดหุ้น
ก็คงไม่มีใครเชื่อ แต่ในวันนี้เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อตลาดหลักทรัพย์แจ้งเตือนนักลงทุนว่า KEX หรือ บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จะทำการซื้อขายในวันนี้ (14 ต.ค.) วันสุดท้าย ก่อนที่จะถูกนำออกจากตลาดหลักทรัพย์ นับเป็นการปิดตำนานหุ้นขนส่งอย่าง KEX ในตลาดหุ้นไทยอย่างเป็นทางการ
หุ้นเคอรี่อนาคตที่สดใส มาร์เก็ตแคปทะลุแสนล้าน
KEX เข้า IPO ในวันที่ 24 ธ.ค. 2563 โดยในเวลานั้นยังเป็นชื่อเดิมอย่าง เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) ด้วยราคาไอพีโอที่ 28.00 บาท
ด้วยความฮอตของธุรกิจขนส่ง การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ทำให้ราคาหุ้นของ KEX เคยทำจุดสูงสุดที่ 73 บาท หรือมีมูลค่ามาร์เก็ตแคป 1.27 แสนล้านบาท
ต่อมาผลประกอบการก็ทรุดอย่างหนัก
ปี 2563 กำไร 1,405 ล้านบาท
ปี 2564 กำไร 46 ล้านบาท
ปี 2565 ขาดทุน -2,849 ล้านบาท
ปี 2566 ขาดทุน -3,880 ล้านบาท
ปี 2567 ขาดทุน -5,911 ล้านบาท
6 เดือนแรก ปี 2568 ขาดทุน -1,997 ล้านบาท
จุดพลิกผัน แพลตฟอร์มออนไลน์ ส่งของเอง
KEX เคยชี้แจงว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรของบริษัททรุดลงอย่างน่าใจหาย เกิดจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค แพลตฟอร์มสินค้าออนไลน์ เริ่มขนส่งสินค้าเองมากขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงของอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบ
แม้ที่ผ่านมา เคอรี่ จะพยายามรีแบรนด์ เป็น เคอีเอ็กซ์ พร้อมกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่อย่าง เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) หรือ SFTH เข้ามาถือหุ้นใหญ่ พยายามเปลี่ยนรูปแบบการบริหารก็ดูจะไม่ฟื้นตัวง่ายๆ
ถึงวันที่ KEX ต้องลา
ก่อนที่กลุ่ม SFTH ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KEX ได้เสนอซื้อหุ้น KEX เพื่อเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นไทยที่ราคา 1.50 บาทต่อหุ้น
ส่งผลให้ราคาหุ้นที่เคยทำจุดสูงสุดที่ 73 บาท ลดลงมาอยู่ระดับ 0.50 บาทในเวลานี้ หรือลดลงกว่า 99 % มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเหลือเพียง 1.75 พันล้านบาทในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามการออกจากตลาดหุ้นในรอบนี้ของ KEX เป็นบทเรียนสำคัญของนักลงทุน ในการพิจารณาธุรกิจที่เข้ามาระดมทุน แม้ว่าในช่วงแรกอาจดูดี ด้วยกระแสการเติบโตที่ร้อนแรง แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีความสำเร็จจะยั่งยืนยาวนาน
ดังนั้นเราในฐานะนักลงทุน สิ่งที่ทำได้ คือ ติดตามผลประกอบการ และการดำเนินธุรกิจของหุ้นที่เราถืออย่างใกล้ชิด และพร้อมจะปรับพอร์ต ขาหุ้นออก ไม่ยึดติดกับภาพในอดีต ถ้าปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนั้นเปลี่ยนไป
https://www.prachachat.net/ict/news-1900981?fbclid=IwVERDUANbxElleHRuA2FlbQIxMQABHhcwbCFmvgP88idVIilwopOdHHqHxgGQIVz0Qn2v-6ejgJ_DdwLdbEjOVUvp_aem_wSsb5y7GISHqqLQYePUdJwไห
KEX โศกนาฏกรรมแห่งความผิดหวัง จากมาร์เก็ตแคป 1.27 แสนล้านเหลือ 1.7พันล้าน สู่ บาดแผลที่ไม่มีวันหาย
ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน มีใครสักคนบอกกับคุณว่า
หุ้นเคอรี่ หรือ KEX จะราคาเหลือ 0.50 บาท และจะถูกนำออกจากตลาดหุ้น
ก็คงไม่มีใครเชื่อ แต่ในวันนี้เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อตลาดหลักทรัพย์แจ้งเตือนนักลงทุนว่า KEX หรือ บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จะทำการซื้อขายในวันนี้ (14 ต.ค.) วันสุดท้าย ก่อนที่จะถูกนำออกจากตลาดหลักทรัพย์ นับเป็นการปิดตำนานหุ้นขนส่งอย่าง KEX ในตลาดหุ้นไทยอย่างเป็นทางการ
หุ้นเคอรี่อนาคตที่สดใส มาร์เก็ตแคปทะลุแสนล้าน
KEX เข้า IPO ในวันที่ 24 ธ.ค. 2563 โดยในเวลานั้นยังเป็นชื่อเดิมอย่าง เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) ด้วยราคาไอพีโอที่ 28.00 บาท
ด้วยความฮอตของธุรกิจขนส่ง การเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ทำให้ราคาหุ้นของ KEX เคยทำจุดสูงสุดที่ 73 บาท หรือมีมูลค่ามาร์เก็ตแคป 1.27 แสนล้านบาท
ต่อมาผลประกอบการก็ทรุดอย่างหนัก
ปี 2563 กำไร 1,405 ล้านบาท
ปี 2564 กำไร 46 ล้านบาท
ปี 2565 ขาดทุน -2,849 ล้านบาท
ปี 2566 ขาดทุน -3,880 ล้านบาท
ปี 2567 ขาดทุน -5,911 ล้านบาท
6 เดือนแรก ปี 2568 ขาดทุน -1,997 ล้านบาท
จุดพลิกผัน แพลตฟอร์มออนไลน์ ส่งของเอง
KEX เคยชี้แจงว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรของบริษัททรุดลงอย่างน่าใจหาย เกิดจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค แพลตฟอร์มสินค้าออนไลน์ เริ่มขนส่งสินค้าเองมากขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงของอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบ
แม้ที่ผ่านมา เคอรี่ จะพยายามรีแบรนด์ เป็น เคอีเอ็กซ์ พร้อมกับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่อย่าง เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) หรือ SFTH เข้ามาถือหุ้นใหญ่ พยายามเปลี่ยนรูปแบบการบริหารก็ดูจะไม่ฟื้นตัวง่ายๆ
ถึงวันที่ KEX ต้องลา
ก่อนที่กลุ่ม SFTH ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KEX ได้เสนอซื้อหุ้น KEX เพื่อเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นไทยที่ราคา 1.50 บาทต่อหุ้น
ส่งผลให้ราคาหุ้นที่เคยทำจุดสูงสุดที่ 73 บาท ลดลงมาอยู่ระดับ 0.50 บาทในเวลานี้ หรือลดลงกว่า 99 % มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเหลือเพียง 1.75 พันล้านบาทในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามการออกจากตลาดหุ้นในรอบนี้ของ KEX เป็นบทเรียนสำคัญของนักลงทุน ในการพิจารณาธุรกิจที่เข้ามาระดมทุน แม้ว่าในช่วงแรกอาจดูดี ด้วยกระแสการเติบโตที่ร้อนแรง แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีความสำเร็จจะยั่งยืนยาวนาน
ดังนั้นเราในฐานะนักลงทุน สิ่งที่ทำได้ คือ ติดตามผลประกอบการ และการดำเนินธุรกิจของหุ้นที่เราถืออย่างใกล้ชิด และพร้อมจะปรับพอร์ต ขาหุ้นออก ไม่ยึดติดกับภาพในอดีต ถ้าปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนั้นเปลี่ยนไป
https://www.prachachat.net/ict/news-1900981?fbclid=IwVERDUANbxElleHRuA2FlbQIxMQABHhcwbCFmvgP88idVIilwopOdHHqHxgGQIVz0Qn2v-6ejgJ_DdwLdbEjOVUvp_aem_wSsb5y7GISHqqLQYePUdJwไห