Tron: Ares เร่งเครื่องทะยานสู่ 32-37 ล้าน Roofman เปิดหลังคาเบียด OBAA เก็บเรื่องละ 5-8 ล้าน Gabby ยังได้ 4-5 ล้าน

สุดสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนตุลาคมเป็นสุดสัปดาห์ที่มีหนังใหม่เปิดตัวเยอะมากถึง 5 เรื่อง นำโดย Tron: Ares ที่จะสานต่อตำนานไซไฟอันลือลั่นเป็นภาคที่ 3 ในขณะที่หนังเก่าอย่าง One Battle After Another หรือ Gabby’s Dollhouse ก็ยังแกร่งทั่วแผ่น
 
 
 
Tron: Ares (Disney)
หลังจากว่างเว้นจากตำแหน่งแชมป์หนังทำเงินประจำสุดสัปดาห์มามากกว่า 2 เดือน ในที่สุด Disney ก็ได้โอกาสกลับคืนสู่หัวตารางอีกครั้ง ด้วยการส่ง Tron: Ares ภาพยนตร์ภาคต่อของหนังไซไฟระดับตำนานอย่าง Tron และ Tron: Legacy นำแสดงโดย Jared Leto กำกับโดย Joachim Rønning ที่เคยกำกับ Maleficent: Mistress of Evil ให้กับทาง Disney มาแล้ว Tron: Ares เป็นภาพยนตร์ Action-Sci-fi ที่เป็นภาคต่อของแฟรนไชส์ Tron แต่คราวนี้เรื่องราวจะแตกต่างออกไปจากภาคก่อนๆ ที่เน้นการเดินทางเข้าสู่โลกดิจิทัลโดยล่าเรื่องราวของ Ares ซึ่งรับบทโดย Jared Leto โปรแกรม AI อัจฉริยะที่มีความซับซ้อนและมีศักยภาพสูง เขาถูกส่งจากโลกดิจิทัลที่เรียกว่า The Grid ให้เข้ามายังโลกมนุษย์ในภารกิจที่อันตราย  นอกจากนี้ เรื่องราวจะมีความซับซ้อนมากขึ้นเมื่อมีการเปิดเผยว่า Ares ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอาวุธในสงครามระหว่างโลกดิจิทัลกับโลกมนุษย์ แต่เขากลับเริ่มมีความเห็นเป็นของตัวเอง ทำให้เขาต้องเลือกระหว่างการทำตามหน้าที่ หรือการเลือกที่จะหลบหนีและหาทางช่วยมนุษย์จากอันตรายที่กำลังจะมาถึงการเดินทางของ Ares จากโลกดิจิทัลสู่โลกแห่งความจริง ถือเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกระหว่างมนุษยชาติกับสิ่งมีชีวิตที่เป็น AI ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
 
จากความหวังอันยิ่งใหญ่ Tron: Ares ดูเหมือนจะมีอุปสรรคสำคัญอยู่อย่างหนึ่งก็คือดวงกินหนังของ Jared Leto ดารานำที่ไม่ว่าเล่นภาพยนตร์เรื่องไหนก็จะพาหนังเรื่องนั้นล้มคว่ำไม่เป็นท่าหรือไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรกันหมด ล่าสุด Tron: Ares ได้คะแนน Tomatometer = 55% จาก 125 รีวิว รับมะเขือเน่าไปเรียบร้อย และได้ Metascore = 50 จาก 40 รีวิว เท่านั้น เรียกว่านักวิจารณ์ยี้ไปแล้วหนึ่งเหลือแค่ WoM จากคนดูทั่วไปที่จะตัดสินว่า Tron: Ares จะไปถึงได้ขนาดไหน ซึ่งดูเหมือนว่ายอดจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าในช่วงสัปดาห์สุดท้ายจะค่อนข้างย่ำแย่ โดยคาดว่าหนังจะทำรายได้รอบพรีวิว 4-5 ล้าน และทำรายได้เปิดตัวไปประมาณ 32-37 ล้านเหรียญ จากที่เคยคาดไว้ว่ามันจะเปิดตัวได้ที่ 40+ ล้าน
 
 
 
One Battle After Another (WB)
เข้าสู่สุดสัปดาห์ที่ 3 สำหรับ OBAA ที่ขึ้นแท่นกลายเป็นหนังทำเงินในบ้านสูงสุดของ PTA ผู้กำกับไปแล้วเรียบร้อย พร้อมกับขึ้นแท่นเป็นตัวเต็งเข้าชิง Oscars ในสาขาภาพยนตร์, กำกับ และบทยอดเยี่ยมเช่นกัน และยังพา LDC, Sean Penn รวมทั้ง Teyana Taylor เป็นตัวเต็งที่จะเข้าชิงนำชาย, สมทบชาย และสมทบหญิงอีกด้วย แต่ในด้านการเงินแล้ว OBAA กลับดูท่าจะยังไม่ดีนักเพราะหนังมีต้นทุนสร้างสูงถึงกว่า 135 ล้านเหรียญ ทำให้มีภารกิจที่จะต้องทำรายได้ทั้งในบ้านและนอกบ้านอีกเยอะเพื่อให้ใกล้เคียงจุดคุ้มทุนจากการฉายโรงมากที่สุด โดยคาดว่าในสุดสัปดาห์นี้ One Battle After Another จะทำเงินอีกราว 6-8 ล้าน และรายได้รวมไปที่ 53-55 ล้านเหรียญ
 
 
 
Roofman (Paramount)
ภาพยนตร์แนวโจรกรรม Comedy-Drama ที่สร้างจากชีวประวัติสุดเหลือเชื่อของ Jeffrey Manchester อดีตเจ้าหน้าที่กองทัพบกสหรัฐที่ผันตัวมาเป็นนักโจรกรรมฉายา "Roofman" ซึ่งรับบทโดย Channing Tatum เขาตัดสินใจเลือกเส้นทางอาชญากรรมด้วยวิธีที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือการเจาะรูบนหลังคาร้านแมคโดนัลด์ เพื่อโรยตัวลงไปปล้นเงินในตอนกลางคืน วิธีนี้ทำให้เขาได้รับฉายาว่า "Roofman" หลังจากการถูกจับกุมและได้รับโทษจำคุก 45 ปี เจฟฟรีย์ก็ไม่ยอมแพ้และสามารถหลบหนีออกจากเรือนจำได้ในที่สุด เมื่อหนีออกมาได้เขาไปซ่อนตัวในสถานที่ที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นคือ Toys "R" Us โดยเขาใช้ชีวิตอย่างลับ ๆ อยู่บนเพดานและภายในกำแพงของร้านนานถึง 6 เดือน โดยไม่มีใครรู้ แต่ในระหว่างที่ใช้ชีวิตหลบหนีอยู่นั้น เขาก็ได้พบกับ Leigh พนักงานสาวที่ทำงานในร้าน และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็เริ่มก่อตัวขึ้น
 
Roofman ได้รับคะแนน Tomatometer = 85% จาก 78 รีวิว และ Metascore = 65 จาก 23 รีวิว เรียกว่าได้รับเสียงชื่นชมจากกลุ่มนักวิจารณ์พอสมควร คาดว่าหนังจะทำรายได้รอบพรีวิวประมาณ 0.5 ล้าน และเปิดตัวที่ประมาณ 5-7 ล้านเหรียญ
 
 
 
Gabby’s Dollhouse: The Movie (Universal)
สุดสัปดาห์ที่ 3 ของบ้านตุ๊กตาของแก็บบี้ที่ยืนระยะได้ดีพอสมควรจาก CinemaScore = A+ คาดว่าในสุดสัปดาห์นี้จะทำรายได้ไปอีก 4-5 ล้าน และรายได้รวมราว 27-28 ล้านเหรียญ รายได้รวมทั่วโลกใกล้จะถึงจุดคุ้มทุนเต็มทีแล้ว
 
 
 
Soul on Fire (Sony)
ภาพยนตร์ดราม่าที่สร้างจาก เรื่องจริงสุดเหลือเชื่อ และสร้างจากหนังสือขายดีชื่อ On Fire: The 7 Choices to Ignite a Radically Inspired Life ของ John O'Leary ที่เขียนอัตชีวประวัติของเค้าเอง เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ John O'Leary วัย 9 ขวบ ประสบอุบัติเหตุไฟไหม้บ้านอย่างรุนแรงจากการเล่นกับน้ำมันเบนซินและไม้ขีดไฟ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ไฟคลอกทั่วร่างกายถึง 100% โดยส่วนใหญ่เป็นแผลไหม้ระดับสาม และเขาถูกแพทย์วินิจฉัยว่ามีโอกาสรอดชีวิตเพียง 1% เท่านั้น ภาพยนตร์จะพาไปติดตามการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดและเส้นทางสู่การฟื้นตัวที่แสนเจ็บปวดของ John เขาต้องผ่านการรักษาที่ยาวนานและยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เขาก็ได้รับกำลังใจอย่างท่วมท้น แม้จะต้องสูญเสียนิ้วมือทั้งหมดและมีรอยแผลเป็นทั่วร่างกาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความช่วยเหลือจากรอบข้าง John สามารถเอาชนะความเป็นไปไม่ได้และรอดชีวิตมาได้ เรื่องราวไม่ได้จบลงแค่การรอดตาย แต่ยังเล่าต่อถึงช่วงชีวิตวัยผู้ใหญ่ของเขา ที่เปลี่ยนความทุกข์ทรมานและบาดแผลในอดีตให้กลายเป็น พันธกิจ ในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนนับล้านให้ใช้ชีวิตอย่างมีจุดมุ่งหมายและค้นพบ "ฮีโร่" ในตัวเองอีกด้วย หนังคาดว่าจะทำรายได้เปิดตัวประมาณ 2.5-3.5 ล้านเหรียญ
 
 
 
The Conjuring: Last Rites (WB)
ยังคงอยู่ใน Top 10 ติดต่อกันเป็นสุดสัปดาห์ที่ 6 แล้วสำหรับพิธีกรรมครั้งสุดท้ายของคนเรียกผี โดยคาดว่าสุดสัปดาห์นี้จะทำรายได้ไปอีกราว 2.5-3 ล้านเหรียญ และทำให้รายได้รวมของ The Conjuring: Last Rites ทะลุไปที่ 172-173 ล้านเหรียญเข้าไปแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่