สรุปไวรัล ซื้อประกันชีวิตสิงคโปร์ เบี้ยถูกกว่าไทยเท่าตัว ทำได้จริงไหม มีความเสี่ยงอะไรที่ต้องรู้บ้าง
ช่วงนี้หลายคนบนโลกออนไลน์กำลังพูดถึง ประกันสิงคโปร์ ที่มีคนมาแชร์ว่า จ่ายเบี้ยเพียง 2 หมื่นบาท แต่ได้ความคุ้มครองสูงถึง 12 ล้านบาท
ซึ่งเมื่อดูแล้วก็ทำให้หลายคนสนใจ ด้วยเบี้ยประกันที่ค่อนข้างต่ำ แต่ได้ความคุ้มครองที่สูง
แต่คำถามที่หลายคนน่าจะสงสัยก็คือ การซื้อประกันชีวิตที่ต่างประเทศแบบนี้ ทำได้จริงหรือไม่ และมีความเสี่ยงอะไรที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจบ้าง ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
1. ประกันชีวิตที่ถูกพูดถึงเป็นแบบชั่วระยะเวลา
โดยประกันชีวิตที่กำลังเป็นที่พูดถึงตอนนี้ เป็นประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา หรือ Term Insurance คือ ประกันที่เราจ่ายเบี้ย เพื่อซื้อความคุ้มครองชีวิตอย่างเดียว โดยไม่มีส่วนของการออมเงิน
ซึ่งโครงสร้างก็เข้าใจง่ายมาก คือเราจ่ายเบี้ยประกันแล้วเลือกระยะเวลาความคุ้มครอง เช่น 1 ปี 10 ปี หรือ 15 ปี
ถ้าเสียชีวิตในช่วงเวลานั้น คนที่ถูกระบุชื่อไว้เป็นผู้รับผลประโยชน์จะได้เงินตามทุนประกัน แต่ถ้าครบกำหนดแล้วยังมีชีวิตอยู่ก็จะไม่ได้เงินคืน ถือเป็นการจ่ายเบี้ยทิ้ง
พูดง่าย ๆ คือ คล้าย ๆ กับประกันรถยนต์ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุก็ไม่ได้เคลม เช่นเดียวกันกับประกันชีวิตแบบนี้ ที่ถ้าไม่เสียชีวิตก็จะไม่ได้เงินคืนเลย
2. คนไทยซื้อประกันชีวิตต่างประเทศได้ แต่ต้องหาเอาเอง
การซื้อประกันชีวิตกับบริษัทประกันในต่างประเทศโดยตรงนั้นสามารถทำได้ เพียงแต่จะเป็นการซื้อผ่านทางออนไลน์ หรือบินไปซื้อกับบริษัทประกันที่ต่างประเทศ
เพราะทาง คปภ. ห้ามไม่ให้ตัวแทนที่ไม่มีใบอนุญาตนายหน้าประกันของไทย เสนอขายประกันต่างประเทศกับคนไทย
รวมไปถึงตัวแทนที่มีใบอนุญาตนายหน้าประกันของไทย ก็ไม่ให้ชักชวนคนไทย ไปซื้อประกันในต่างประเทศด้วย
3. สาเหตุที่เบี้ยประกันที่สิงคโปร์ถูกกว่าไทย
ข้อมูลจากคุณบรรยง วิทยวีรศักดิ์ อดีตประธานสมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก ระบุว่า เบี้ยประกันชีวิตของประเทศพัฒนาแล้ว อย่างสิงคโปร์ถูกกว่าไทยประมาณ 20 ถึง 30%
เหตุผลหลักก็มาจากความเสี่ยงของคนในประเทศที่ต่างกัน หรือในทางประกัน เรียกว่า อัตรามรณะ (Mortality Rate)
โดยอัตรามรณะ คือสถิติที่บอกว่า คนอายุเท่านี้ มีโอกาสเสียชีวิตประมาณกี่คน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่บริษัทประกันใช้ในการคำนวณเบี้ยประกันชีวิต ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะแตกต่างกัน
โดยในกรณีนี้ ประเทศสิงคโปร์มีระบบสาธารณสุขที่ดีกว่า และอุบัติเหตุค่อนข้างต่ำ ทำให้คนสิงคโปร์โดยเฉลี่ยมีสุขภาพดีกว่า และอายุยืนกว่าคนไทย
ทำให้เมื่ออัตรามรณะต่ำ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ความเสี่ยงในการเสียชีวิตของคนสิงคโปร์ ในอายุเท่า ๆ กันเมื่อเทียบกับคนไทยน้อยกว่า
ก็ทำให้คนสิงคโปร์ จ่ายเบี้ยประกันชีวิตที่ต่ำกว่าคนไทยนั่นเอง
ถึงอย่างนั้น เมื่อคนไทยไปซื้อกรมธรรม์ที่สิงคโปร์ บริษัทก็จะใช้อัตรามรณะของประเทศสิงคโปร์มาคิด ทำให้เบี้ยประกันที่นั่นถูกกว่าที่ขายในประเทศไทยนั่นเอง
4. ต้องตรวจสอบเงื่อนไข และเอกสารการเคลมให้ดี
ถ้าจะซื้อประกันชีวิตจากต่างประเทศ สิ่งสำคัญคือ เราต้องตรวจสอบให้รอบคอบว่า แบบประกันนั้นจ่ายในกรณีไหนบ้าง และเวลาต้องเคลมต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
เช่น ถ้ากรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุแล้ว อาจต้องขอเอกสารทั้งใบมรณบัตร รายงานตำรวจหรือใบรับรองแพทย์ เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และบางอย่างต้องถูกรับรองโดยสถานทูตสิงคโปร์ด้วย
เราจึงควรบอกขั้นตอนการเคลมที่ถูกต้อง และเอกสารที่ต้องใช้ ให้ผู้รับผลประโยชน์รู้ล่วงหน้า เช่น ลูก, คู่สมรส หรือคนในครอบครัว
5. ประกันชีวิตต่างประเทศไม่ได้รับการคุ้มครองจาก คปภ.
นี่คือเหตุผลที่เราควรตรวจสอบเงื่อนไขให้ละเอียดตั้งแต่ต้น เพราะแม้จะซื้อประกันจากบริษัทที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ แต่ต้องเข้าใจว่า คปภ. ไทย ไม่มีอำนาจคุ้มครองกรมธรรม์ที่ออกโดยบริษัทต่างชาติ
และตามกฎหมาย ตัวแทนประกันชีวิตในไทยต้องมีใบอนุญาต และสามารถขายได้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทยเท่านั้น
ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าซื้อประกันต่างประเทศแล้วเกิดปัญหาเรื่องการเคลม หรือบริษัทประกันไม่จ่าย คปภ. จะไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลืออะไรได้เลย
ทำให้ผู้ซื้อประกันอย่างเราเอง จะต้องเป็นคนรับความเสี่ยงดังกล่าวเองทั้งหมด
6. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซื้อประกันจากบริษัทที่มีอยู่จริง
ช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีบริษัทประกันชีวิตจากต่างประเทศรายหนึ่งเปิดเว็บไซต์ชักชวนให้พ่อแม่ในไทยซื้อประกันสุขภาพสำหรับเด็ก โดยเสนอเบี้ยเริ่มต้นเพียง ปีละ 27,000 บาท
ทำให้ตอนนั้น มีผู้คนให้ความสนใจจำนวนมาก เพราะหลายบริษัทประกันในไทยเริ่มยกเลิกประกันสุขภาพเด็ก
แต่ไม่นานหลังจากนั้น ก็เริ่มมีการร้องเรียนว่าไม่สามารถเคลมค่ารักษาได้จริง และต่อมาบริษัทก็ปิดเว็บไซต์หนีและติดต่อไม่ได้
ในเหตุการณ์นั้น มีผู้เสียหายกว่า 5,000 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท
ภายหลัง คปภ. จึงได้ออกมาเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการซื้อประกันจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่บริษัทไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
กรณีนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า ก่อนซื้อประกันจากต่างประเทศ เราต้องตรวจสอบทุกอย่างให้รอบคอบ
เพราะเมื่อเราซื้อผ่านต่างประเทศ หน้าที่ในการตรวจสอบทั้งหมดก็จะอยู่ที่เรา
เริ่มตั้งแต่ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัท เงื่อนไขในกรมธรรม์ ไปจนถึงตัวแทนที่เราติดต่อว่ามีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่
7. ประกันจ่ายเบี้ยต่ำ ความคุ้มครองสูง ในไทยก็มีขาย
ถ้าเราไม่อยากรับความเสี่ยงจากการซื้อประกันชีวิตต่างประเทศ อันที่จริงแล้วในไทยเองก็มีประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance) ที่จ่ายเบี้ยต่ำ แต่ให้ความคุ้มครองสูง วางขายเช่นกัน
เพียงแต่แบบประกันลักษณะนี้ ไม่ค่อยได้รับความนิยมในบ้านเรา เพราะหลายคนมักมองหาประกันที่มีเงินคืน หรือมีส่วนออมเงินด้วย
เราลองมาดูตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น
อ้างอิงจากประกันที่ถูกพูดถึงในตอนนี้ อายุ 31 ปี จ่ายเบี้ยประมาณ 23,000 บาท ได้ทุนประกันชีวิต 12.5 ล้านบาท
ถ้าเลือกแบบที่มีโครงสร้างคล้ายกันในไทย คือประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาที่เน้นความคุ้มครองชีวิตอย่างเดียว
ในกรณีอายุ 31 ปี เท่ากัน
- เพศชาย จะจ่ายเบี้ยประมาณ 50,000-60,000 บาท
- ส่วนเพศหญิง จะจ่ายเบี้ยประมาณ 20,000-30,000 บาท
จะเห็นว่า หากเทียบในเพศชาย เบี้ยของไทยจะสูงกว่าประกันต่างประเทศค่อนข้างมาก แต่ผู้หญิงจะไม่ค่อยต่างกัน
ทั้งนี้ ตัวเลขเบี้ยของแต่ละบริษัทอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเพศ อายุ สุขภาพ อาชีพ และระยะเวลาความคุ้มครอง
สรุปให้ชัด ๆ กันอีกครั้งก็คือ การซื้อประกันต่างประเทศนั้นสามารถทำได้จริง เพียงแต่เราต้อง “ชั่งน้ำหนักให้ดี”
ระหว่างซื้อประกันต่างประเทศ ที่จ่ายเบี้ยถูกกว่า แต่ต้องรับความเสี่ยง รวมถึงเดินเรื่องเอกสารในการเคลมด้วยตัวเอง
กับซื้อประกันในไทยที่แพงกว่า แต่มีหน่วยงานคุ้มครองช่วยรับความเสี่ยง และมีตัวแทนช่วยเหลือในขั้นตอนของเอกสารและการเคลม
ถึงตรงนี้ก็คงไม่มีคำตอบตายตัวว่า ทางเลือกไหนดีกว่ากัน
แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรระลึกไว้อยู่เสมอก็คือ
การซื้อประกัน คือการบริหารความเสี่ยง ไม่ใช่การเพิ่มความเสี่ยง
เราจึงไม่สามารถใช้ความถูกแพงของเบี้ยประกัน เป็นตัวชี้วัดเพียงอย่างเดียว ว่าเราควรจะทำประกันตัวไหน
เพราะในบางครั้ง เบี้ยที่สูงกว่าก็คือราคาที่เราจ่ายเพื่อซื้อความมั่นใจว่า เวลาต้องเคลมหรือเกิดเหตุไม่คาดคิด เราจะไม่ต้องลำบากทีหลัง
การทำประกัน จึงไม่ควรมองเพียงแค่เงินที่ต้องจ่ายในวันนี้ แต่คือการวางแผนระยะยาว เพื่อคนข้างหลังในวันที่เราไม่อยู่
โดยมีการจ่ายเบี้ยและความคุ้มครองที่เหมาะกับชีวิตตัวเอง บนความเสี่ยงที่เรารับได้นั่นเอง..
#วางแผนการเงิน
#ประกัน
#ประกันต่างประเทศ
POV : ถือว่าราคาดีมาก เบี้ยถูก เหมาะกับเป็นมรดกให้ลูก เมื่อจากไป แต่ต้องเทียบชั่งน้ำหนักข้อเสียดูค่ะ/ และเลือกซื้อกับบริษัทที่มีตัวตนจริงๆ บินไปซื้อเลยยิ่งดี
CR
https://www.facebook.com/share/177NBPg3aA/?mibextid=wwXIfr
📝สรุปไวรัล ซื้อประกันชีวิตสิงคโปร์ เบี้ยถูกกว่าไทยเท่าตัว ทำได้จริงไหม มีความเสี่ยงอะไรที่ต้องรู้บ้าง
ช่วงนี้หลายคนบนโลกออนไลน์กำลังพูดถึง ประกันสิงคโปร์ ที่มีคนมาแชร์ว่า จ่ายเบี้ยเพียง 2 หมื่นบาท แต่ได้ความคุ้มครองสูงถึง 12 ล้านบาท
ซึ่งเมื่อดูแล้วก็ทำให้หลายคนสนใจ ด้วยเบี้ยประกันที่ค่อนข้างต่ำ แต่ได้ความคุ้มครองที่สูง
แต่คำถามที่หลายคนน่าจะสงสัยก็คือ การซื้อประกันชีวิตที่ต่างประเทศแบบนี้ ทำได้จริงหรือไม่ และมีความเสี่ยงอะไรที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจบ้าง ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
1. ประกันชีวิตที่ถูกพูดถึงเป็นแบบชั่วระยะเวลา
โดยประกันชีวิตที่กำลังเป็นที่พูดถึงตอนนี้ เป็นประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา หรือ Term Insurance คือ ประกันที่เราจ่ายเบี้ย เพื่อซื้อความคุ้มครองชีวิตอย่างเดียว โดยไม่มีส่วนของการออมเงิน
ซึ่งโครงสร้างก็เข้าใจง่ายมาก คือเราจ่ายเบี้ยประกันแล้วเลือกระยะเวลาความคุ้มครอง เช่น 1 ปี 10 ปี หรือ 15 ปี
ถ้าเสียชีวิตในช่วงเวลานั้น คนที่ถูกระบุชื่อไว้เป็นผู้รับผลประโยชน์จะได้เงินตามทุนประกัน แต่ถ้าครบกำหนดแล้วยังมีชีวิตอยู่ก็จะไม่ได้เงินคืน ถือเป็นการจ่ายเบี้ยทิ้ง
พูดง่าย ๆ คือ คล้าย ๆ กับประกันรถยนต์ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุก็ไม่ได้เคลม เช่นเดียวกันกับประกันชีวิตแบบนี้ ที่ถ้าไม่เสียชีวิตก็จะไม่ได้เงินคืนเลย
2. คนไทยซื้อประกันชีวิตต่างประเทศได้ แต่ต้องหาเอาเอง
การซื้อประกันชีวิตกับบริษัทประกันในต่างประเทศโดยตรงนั้นสามารถทำได้ เพียงแต่จะเป็นการซื้อผ่านทางออนไลน์ หรือบินไปซื้อกับบริษัทประกันที่ต่างประเทศ
เพราะทาง คปภ. ห้ามไม่ให้ตัวแทนที่ไม่มีใบอนุญาตนายหน้าประกันของไทย เสนอขายประกันต่างประเทศกับคนไทย
รวมไปถึงตัวแทนที่มีใบอนุญาตนายหน้าประกันของไทย ก็ไม่ให้ชักชวนคนไทย ไปซื้อประกันในต่างประเทศด้วย
3. สาเหตุที่เบี้ยประกันที่สิงคโปร์ถูกกว่าไทย
ข้อมูลจากคุณบรรยง วิทยวีรศักดิ์ อดีตประธานสมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก ระบุว่า เบี้ยประกันชีวิตของประเทศพัฒนาแล้ว อย่างสิงคโปร์ถูกกว่าไทยประมาณ 20 ถึง 30%
เหตุผลหลักก็มาจากความเสี่ยงของคนในประเทศที่ต่างกัน หรือในทางประกัน เรียกว่า อัตรามรณะ (Mortality Rate)
โดยอัตรามรณะ คือสถิติที่บอกว่า คนอายุเท่านี้ มีโอกาสเสียชีวิตประมาณกี่คน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่บริษัทประกันใช้ในการคำนวณเบี้ยประกันชีวิต ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะแตกต่างกัน
โดยในกรณีนี้ ประเทศสิงคโปร์มีระบบสาธารณสุขที่ดีกว่า และอุบัติเหตุค่อนข้างต่ำ ทำให้คนสิงคโปร์โดยเฉลี่ยมีสุขภาพดีกว่า และอายุยืนกว่าคนไทย
ทำให้เมื่ออัตรามรณะต่ำ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ความเสี่ยงในการเสียชีวิตของคนสิงคโปร์ ในอายุเท่า ๆ กันเมื่อเทียบกับคนไทยน้อยกว่า
ก็ทำให้คนสิงคโปร์ จ่ายเบี้ยประกันชีวิตที่ต่ำกว่าคนไทยนั่นเอง
ถึงอย่างนั้น เมื่อคนไทยไปซื้อกรมธรรม์ที่สิงคโปร์ บริษัทก็จะใช้อัตรามรณะของประเทศสิงคโปร์มาคิด ทำให้เบี้ยประกันที่นั่นถูกกว่าที่ขายในประเทศไทยนั่นเอง
4. ต้องตรวจสอบเงื่อนไข และเอกสารการเคลมให้ดี
ถ้าจะซื้อประกันชีวิตจากต่างประเทศ สิ่งสำคัญคือ เราต้องตรวจสอบให้รอบคอบว่า แบบประกันนั้นจ่ายในกรณีไหนบ้าง และเวลาต้องเคลมต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
เช่น ถ้ากรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุแล้ว อาจต้องขอเอกสารทั้งใบมรณบัตร รายงานตำรวจหรือใบรับรองแพทย์ เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และบางอย่างต้องถูกรับรองโดยสถานทูตสิงคโปร์ด้วย
เราจึงควรบอกขั้นตอนการเคลมที่ถูกต้อง และเอกสารที่ต้องใช้ ให้ผู้รับผลประโยชน์รู้ล่วงหน้า เช่น ลูก, คู่สมรส หรือคนในครอบครัว
5. ประกันชีวิตต่างประเทศไม่ได้รับการคุ้มครองจาก คปภ.
นี่คือเหตุผลที่เราควรตรวจสอบเงื่อนไขให้ละเอียดตั้งแต่ต้น เพราะแม้จะซื้อประกันจากบริษัทที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ แต่ต้องเข้าใจว่า คปภ. ไทย ไม่มีอำนาจคุ้มครองกรมธรรม์ที่ออกโดยบริษัทต่างชาติ
และตามกฎหมาย ตัวแทนประกันชีวิตในไทยต้องมีใบอนุญาต และสามารถขายได้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทยเท่านั้น
ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าซื้อประกันต่างประเทศแล้วเกิดปัญหาเรื่องการเคลม หรือบริษัทประกันไม่จ่าย คปภ. จะไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลืออะไรได้เลย
ทำให้ผู้ซื้อประกันอย่างเราเอง จะต้องเป็นคนรับความเสี่ยงดังกล่าวเองทั้งหมด
6. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซื้อประกันจากบริษัทที่มีอยู่จริง
ช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีบริษัทประกันชีวิตจากต่างประเทศรายหนึ่งเปิดเว็บไซต์ชักชวนให้พ่อแม่ในไทยซื้อประกันสุขภาพสำหรับเด็ก โดยเสนอเบี้ยเริ่มต้นเพียง ปีละ 27,000 บาท
ทำให้ตอนนั้น มีผู้คนให้ความสนใจจำนวนมาก เพราะหลายบริษัทประกันในไทยเริ่มยกเลิกประกันสุขภาพเด็ก
แต่ไม่นานหลังจากนั้น ก็เริ่มมีการร้องเรียนว่าไม่สามารถเคลมค่ารักษาได้จริง และต่อมาบริษัทก็ปิดเว็บไซต์หนีและติดต่อไม่ได้
ในเหตุการณ์นั้น มีผู้เสียหายกว่า 5,000 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท
ภายหลัง คปภ. จึงได้ออกมาเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการซื้อประกันจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่บริษัทไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
กรณีนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า ก่อนซื้อประกันจากต่างประเทศ เราต้องตรวจสอบทุกอย่างให้รอบคอบ
เพราะเมื่อเราซื้อผ่านต่างประเทศ หน้าที่ในการตรวจสอบทั้งหมดก็จะอยู่ที่เรา
เริ่มตั้งแต่ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัท เงื่อนไขในกรมธรรม์ ไปจนถึงตัวแทนที่เราติดต่อว่ามีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่
7. ประกันจ่ายเบี้ยต่ำ ความคุ้มครองสูง ในไทยก็มีขาย
ถ้าเราไม่อยากรับความเสี่ยงจากการซื้อประกันชีวิตต่างประเทศ อันที่จริงแล้วในไทยเองก็มีประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance) ที่จ่ายเบี้ยต่ำ แต่ให้ความคุ้มครองสูง วางขายเช่นกัน
เพียงแต่แบบประกันลักษณะนี้ ไม่ค่อยได้รับความนิยมในบ้านเรา เพราะหลายคนมักมองหาประกันที่มีเงินคืน หรือมีส่วนออมเงินด้วย
เราลองมาดูตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น
อ้างอิงจากประกันที่ถูกพูดถึงในตอนนี้ อายุ 31 ปี จ่ายเบี้ยประมาณ 23,000 บาท ได้ทุนประกันชีวิต 12.5 ล้านบาท
ถ้าเลือกแบบที่มีโครงสร้างคล้ายกันในไทย คือประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาที่เน้นความคุ้มครองชีวิตอย่างเดียว
ในกรณีอายุ 31 ปี เท่ากัน
- เพศชาย จะจ่ายเบี้ยประมาณ 50,000-60,000 บาท
- ส่วนเพศหญิง จะจ่ายเบี้ยประมาณ 20,000-30,000 บาท
จะเห็นว่า หากเทียบในเพศชาย เบี้ยของไทยจะสูงกว่าประกันต่างประเทศค่อนข้างมาก แต่ผู้หญิงจะไม่ค่อยต่างกัน
ทั้งนี้ ตัวเลขเบี้ยของแต่ละบริษัทอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเพศ อายุ สุขภาพ อาชีพ และระยะเวลาความคุ้มครอง
สรุปให้ชัด ๆ กันอีกครั้งก็คือ การซื้อประกันต่างประเทศนั้นสามารถทำได้จริง เพียงแต่เราต้อง “ชั่งน้ำหนักให้ดี”
ระหว่างซื้อประกันต่างประเทศ ที่จ่ายเบี้ยถูกกว่า แต่ต้องรับความเสี่ยง รวมถึงเดินเรื่องเอกสารในการเคลมด้วยตัวเอง
กับซื้อประกันในไทยที่แพงกว่า แต่มีหน่วยงานคุ้มครองช่วยรับความเสี่ยง และมีตัวแทนช่วยเหลือในขั้นตอนของเอกสารและการเคลม
ถึงตรงนี้ก็คงไม่มีคำตอบตายตัวว่า ทางเลือกไหนดีกว่ากัน
แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรระลึกไว้อยู่เสมอก็คือ
การซื้อประกัน คือการบริหารความเสี่ยง ไม่ใช่การเพิ่มความเสี่ยง
เราจึงไม่สามารถใช้ความถูกแพงของเบี้ยประกัน เป็นตัวชี้วัดเพียงอย่างเดียว ว่าเราควรจะทำประกันตัวไหน
เพราะในบางครั้ง เบี้ยที่สูงกว่าก็คือราคาที่เราจ่ายเพื่อซื้อความมั่นใจว่า เวลาต้องเคลมหรือเกิดเหตุไม่คาดคิด เราจะไม่ต้องลำบากทีหลัง
การทำประกัน จึงไม่ควรมองเพียงแค่เงินที่ต้องจ่ายในวันนี้ แต่คือการวางแผนระยะยาว เพื่อคนข้างหลังในวันที่เราไม่อยู่
โดยมีการจ่ายเบี้ยและความคุ้มครองที่เหมาะกับชีวิตตัวเอง บนความเสี่ยงที่เรารับได้นั่นเอง..
#วางแผนการเงิน
#ประกัน
#ประกันต่างประเทศ
POV : ถือว่าราคาดีมาก เบี้ยถูก เหมาะกับเป็นมรดกให้ลูก เมื่อจากไป แต่ต้องเทียบชั่งน้ำหนักข้อเสียดูค่ะ/ และเลือกซื้อกับบริษัทที่มีตัวตนจริงๆ บินไปซื้อเลยยิ่งดี
CR https://www.facebook.com/share/177NBPg3aA/?mibextid=wwXIfr