เห่อลูกวันนี้ - คุณว่า ทักษะอะไร ที่เด็กควรมีไว้และได้ใช้แน่นอน

เห่อลูกอีพีแรก : https://pantip.com/topic/43750838

กระทู้เห่อลูกวันนี้ มากับคำถามที่ชวนคิดว่า ทักษะอะไรบ้างที่ส่งเสริมให้ลูกเราโตขึ้นมา และจะได้ใช้ประโยชน์สำหรับชีวิต
เช่นเคย ขออนุญาติใช้ภาพที่ดัดแปลงด้วย AI เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้เกี่ยวข้อง

จากเนื้อหาในอีพีแรก ที่ลูกสาวไปเรียนไฮสคูลที่อเมริกา จนตอนนี้ก็ผ่านมาได้ปีกว่าๆแล้ว ได้โอกาสฝากฝังไปทำงานให้กับมหาวิทยาลัยในเมืองโดยอาจารย์ที่ปรึกษาของโรงเรียนแนะนำไป เป็นสถาบันเอเชียศึกษาของมหาลัยเมืองนี้ โดยหน้าที่งานของเจ้าหล่อนคือ "เบ๊" ที่ทำทุกอย่างตามที่สั่ง ในฐานะอาสาสมัคร ซึ่งเนื้อหางานก็คือการเป็นลูกมือ จัดการกิจกรรมต่างๆ ประสานงานจองห้องประชุม  นัดรับอาหารว่าง จัดโต๊ะ แจกเอกสาร นั่งลงทะเบียน  ในกิจกรรมต่างๆของสถาบันที่ร่วมกับวิทยาลัยและภาควิชาต่างๆ ที่ว่าด้วย "เอเชีย" สลับหมุนเวียนเปลี่ยนมา สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

มีตั้งแต่สัมมนาเชิงชิชาการ ฟอรั่มเสวนา การแสดงงานศิลปะ คอนเสิร์ตผลงานประพันธ์ของนัศึกษาปริญญาโทจากจีน

ตอนแรก ก็คิดว่า เค้าคงไม่ได้ให้ทำอะไรมากแน่ๆ เด็กกะโปโล ถ้าเ)็นไทยก็คือ ม.5 รอบตัวมีแต่เจ้าหน้าที่มหาลัยวัยผู้ใหญ่ มีแต่อาจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์ แล้วนักศึกษาก็เป็นพวก ปริญญาโท ปริญญาเอก  นางจะไปทำอะไรได้มากมาย คิดแค่ เป็นประสบการณ์ที่ดี อย่างน้อยๆก็อยู่กับมหาลัย ก็ดีกว่าไปเที่ยวเตร่

ที่ไหนได้

ลูกสาว ซึ่งไปทำงานสัปดาห์ละ 2-3 วัน รวมถึงวันเสาร์เต็มวัน หรือบางวันที่มีกิจกรรมจนกลางคืน บอกว่า เค้า"ใช้งาน" แบบเต็มที่เลย คำถามจะมีแค่"ทำได้มั้ย"  กับการสอนให้ทำแบบนี้ๆๆ แล้วถามว่า "มีอะไรถามมั้ย"  จากนั้น ก็เป็นหน้าที่ของเราเลย โดยไม่มองว่าเราคือเด็กไฮสคูลคนนึงเท่านั้น
เช่น นางเล่าว่า นางต้องโทรไปจองอาหารว่างกับร้านที่ดูแลขนมว่าง มาส่งในวันเสาร์ตอนบ่าย สำหรับงานฟอรั่ม  ตามรายการที่พี่เจ้าหน้าที่ให้มา  แต่ก็เจอคำถามกลับจากร้าน ที่ไม่ได้เตี๊ยมกันไว้
"ให้จัดใส่ถาดมาเลยหรรือใส่กล่องมาจัดเอง?"
สิ่งที่นางถามกลับไปคือ "ปกติทำยังไง?" คำตอบที่ได้คือ ก็แล้วแต่งาน ดังนั้นลูกสาวจึงมั่วไปเลย คิดแบบของนางว่า เอาใส่กล่องมาแล้วมาจัดเองน่าจะถูกกว่า กลัวว่าให้จัดสวยมาเลย จะมีค่าจัด ซึ่ง พี่เค้าไม่ได้บอกไว้

ว่าแล้วถึงวันงาน  ในขณะที่สาวน้อยกำลังวางดอกไม้โต๊ะลงทะเบียน ก็เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อขนมมาส่ง แต่มาเป็นกล่องแพ็ค ไม่มีภาชนะไม่มีถาดไม่มีอะไรเลย เป็นกล่องๆใหญ่ๆ ซึ่งคนส่งก็มีหน้าที่แค่มาส่งด้วย ไม่รู้ไม่เห็นอะไร

แน่นอนว่าโดนเรียกไปบอกว่า ทำไมสั่งแบบนี้ นี่งานคนหลายร้อย เราไม่จัดเอง ทำไมไม่ถามก่อน
"ก็ยูไม่อยู่ให้ถาม" นางตอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็กุมหัว โอววว ยังไงล่ะเนี่ย อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจะเริ่มแล้ว ซึ่งลูกสาวก็จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการจัดเองทั้งหมด แต่ เจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะ หัวหน้า ที่เป็นอาจารย์บอกว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอก  จะจัดยังไง ไม่มีภาชนะ ถาด กล่องใดๆเลย
เค้ากำลังคิดกันว่า จะเอากล่องเนี่ยแหละ เปิดอ้าเอาไว้ตอนพักอาหารว่างให้คนมาหยิบ

แต่ลูกสาวเสนอไอเดียว่า เอากระดาษ A4 มา พับแบบนี้ๆๆ เป็นกระทง แบบกระทงใส่ขนมของไทย แล้วใส่ขนม วางกระจายๆให้คนมาหยิบ พอหมดก็หยิบมาเติมใหม่

ท่านหัวหน้าบอกว่า กู้ดไอเดีย โอเค ยูมีเวลาสา 30 นาทีทำกระทง แล้วพอคนเข้าไปห้องประชุม ยูก็จัดการให้เรียบร้อย
ทำให้ลูกสาว สอนคนอื่นพับกระทง ซึ่งคนที่พับก็ไม่ได้จะยินดีหรอก มันคืองานงอกและเป็นบทเรียนของนาง คราวหลังทำอะไรถ้าไม่ชัวร์ให้ถาม ถามตั้งแต่ได้รับโจทย์ให้กระจ่าง
แล้วก็ถือว่า โชคดีที่เคยพับกระทงมาบ้าง ก็พอจะรอดไปได้

-------------------------

นอกจากนั้นก็ยังมีความบรรลัยอีกหลายอย่างที่ได้ฟังเรือ่งราวแล้วอดขำไม่ได้ แต่ยังดีที่ตัวเจ้าหน้าที่ และ อาจารย์เอง ไม่ได้มองว่าเรือ่งใหญ่ และค่อยๆให้โอกาสแก้ไขไป

แต่ที่น่าปลื้มใจที่สุดคือ  ได้รับคำชมในการทำงานแอดมินโซเชียลของสถาบัน ถ่ายรูปกิจกรรม เอาลงโซเชียล ซึ่งปกติ ตัวอาจารย์ของสถาบันจะมาถ่ายเอง เจ้าหน้าที่ถ่ายกล้องถ่ายรูปไม่เป็น ถ่ายเป็นแต่มือถือ แต่บังเอิญมากๆ ลูกสาว เคยหัดถ่ายรูปจากเมืองไทยนี่แหละ  สอนให้ใช้กล้องถ่ายรูปได้ อย่างน้อยๆก็พอใช้เป็น ดังนั้น เกือบทุกงาน จึงได้รับหน้าที่เป็นตากล้อง ถ่ายแล้วส่งให้พี่ๆเลือกว่าจะเอารูปไหนลงยังไง และ รับตัวหนังสือมาใส่อีโมจิ โพสต์ลงบนโซเชียลของสถาบัน ซึ่ง  ตอนแรก เค้าคิดว่าให้เ)็นเด็กตอบคำถาม ตอบโพสต์ต่างๆตามหน้าที่ก็พอ



อีกทักษะที่ ต้องขอบคุณการเรียนที่เมืองไทยคือ ภาษาจีน เพราะ ตัวอาจารย์ของสถาบันเป็นคนจีน แม้จะเป็นอเมริกันไชนีส แต่ก็เชื้อสายจีนพูดจีนได้ ดังนั้นการที่นางสามารถพูดจีนได้นิดหน่อย กลายเป็นการทำลายกำแพงความเกร็ง และ ช่วยให้บรรยากาศสบายขึ้น

นักศึกษา ป.โท ป.เอก จากจีนบางคน เวลามาติดต่อ แล้วนางอยู่ ก็จะตอบประโยคทั่วไปง่ายๆเป็นภาษาจีน สำเนียงแปร่งๆนี่แหละ แต่ก็ทำให้ดูเป็นมิตร ถึงขนาดว่า อาจารย์ให้ไอเดียว่าเจ้าหน้าที่ศูนย์ควรพูดภาษาจีนได้บ้าง ภษาอาหรับด้วย มลายู และอื่นๆ เพราะ ที่นี่คือสถาบันเอเชียศึกษา  การทักทาย ตอบบทสนทนาง่ายๆด้วยภาษาต่างๆช่วยให้สถาบัน เป็นมิตรมากขึ้น คนที่มา อาจารย์และภาควิชาอื่นๆที่มาติดต่อ จะเห็นเอกลักษณ์ของหน่วยงานชัดเจน

----------------------------------

ยิ่งกว่านั้น ยังรับหน้าที่เป็น expert อาหารไทย พาเจ้าหน้าที่ไปกินอาหารไทยที่ร้านอาหารไทยในเมืองร่วมกัน
เป็นที่น่าเสียดาย ที่ตอนนี้ไม่มีอาจารย์หรือนักศึกษาจากไทยไปเรียน ไม่มีหัวข้อเกี่ยวข้องกับไทยโดยตรง ไม่งั้นคงได้โอกาสทำอะไรมากขึ้น
แต่แค่นี้ ก็น่าจะถือว่า ไม่ง่ายแล้วสำหรับเด็กที่จะเรียนรู้ระบบการใช้ชีวิต การทำงานร่วมกับคนอื่น ความอดทน

อยากจะทิ้งท้ายว่า ทักษะที่สำคัญที่สุด ที่ย้ำกับลูกสาว ในการคุยกันคือ
อย่ากลัวงานเพิ่ม อย่ากลัวงานหนัก ทำทุกอย่างเต็มที่ เสร็จงานก็ของานเพิ่ม ไม่ต้องถามหาเงินตอบแทน ไม่ต้องกังวลจะโดนเอาเปรียบให้ทำงานเกินเวลา เพราะ ยิ่งทำงาน เราจะยิ่งเก่ง ให้คนได้รู้ว่า คนไทย ทน อึด ตายยาก
ไม่ต้องฉลาดมาก แต่งานลำบากไม่เคยท้อ

เชื่อว่า นี่คือทัศนคติที่จะทำให้เค้า มีที่ยืนในอนาคตครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่