รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว เตือนภาคกลางรวมทั้งกทม.และปริมณฑลเฝ้าระวังสถานการณ์ แม้ปริมาณน้ำปี 2568 จะไม่มากเท่าปี 2554 แต่ระดับน้ำสูงเท่าหรือมากกว่าในบางพื้นที่ เนื่องจากปัจจัยหลักคือกิจกรรมของมนุษย์ โดยระบุว่าข้อมูลชัดเจนว่าปริมาณน้ำหลากสะสมผ่าน จ.นครสวรรค์ปี 2568 ณ เดือนกันยายน มีประมาณ 62% (9,255 ล้าน ลบ.ม.) ของปี 2554 อยู่ที่ 15,000 ล้าน ลบ.ม.) ผมได้ใช้ AI (DL) ในการคาดการณ์ปริมาณน้ำพบว่าปริมาณน้ำหลากจะไม่ถึงปี 2554 และถ้าจะไต่ถึงระดับปี 2554 ต้องมีพายุเข้ามาอีก 2 ลูก ที่เหนือเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งปัจจุบันจะมีพายุ 1 ลูก คือ “แมตโม” เข้ามาตอนบนซึ่งยังต้องติดตามสถานการณ์ และแม้ว่าเขื่อนสิริกิติ์จะมีปริมาณกักเก็บปัจจุบันประมาณ 95% ปริมาณการระบายจะไม่มากถึงวันละ 50 ล้าน ลบ.ม.ประกอบกับเขื่อนภูมิพลก็จะไม่มีการระบายน้ำมากถึงวันละประมาณ 130 ล้าน ลบ.ม. เหมือนปี 2554 สรุปจะไม่มีปริมาณน้ำหลากเท่าปี 2554
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปริมาณน้ำหลากจะไม่เทียบเคียงปี 2554 แต่ ระดับน้ำในบางพื้นที่อาจจะสูงกว่าได้
เนื่องจากเหตุผลสำคัญหลายประการคือ กว่า 10 ปีที่ผ่านมา
ตอนบนไม่เอาน้ำ โดยมีการสร้างคันกั้นน้ำ ยกระดับถนน ก่อสร้างอาคาร และสาธารณูปโภคขวางทางน้ำ
แย่งที่น้ำอยู่ บีบน้ำให้ลงแม่น้ำ ลำคลอง ทำให้น้ำมาเร็ว แรง รวมทั้งอิทธิพลน้ำทะเลหนุน
จึงทำให้ระดับน้ำยกตัวเหมือนปี 2564-2565 ที่ผ่านมา กล่าวโดยรวมเราไม่เคยรู้ตัวเองเลยว่าทำอะไรไป
เนื่องจากต่างหน่วยงานต่างทำ ผลกระทบตามมาเป็นอย่างไร จะเริ่มเห็นคันกั้นน้ำริมแม่น้ำ ลำคลองแตกชำรุดเป็นจุดๆ เข้าท่วมพื้นที่ชุมชน?
ผมได้สร้างฉากทัศน์ในอนาคตอันใกล้ว่าจะเป็นอย่างไร หากมีการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนพระราม 6 ในปริมาณต่างกันโดยไม่มีการเสริมคันกั้นน้ำ และการบังคับน้ำจากการจัดการ ฉากทัศน์ปี 2565 น่าจะเป็นฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุดในปีนี้ กล่าวคืออาจจะมีการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาสูงสุดไม่เกิน 3,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรงมากขึ้นต่อพื้นที่ภาคกลางตั้งแต่ จ.ชัยนาทลงมา นอกจากนี้ในทางปฏิบัติ แต่ละท้องถิ่นมีการเสริมคัน และยกระดับคันเพื่อป้องกันพื้นที่ตนเอง ประกอบกับมีการจัดการโดยมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องโดยเฉพาะเรื่องการระบายน้ำผ่านประตูน้ำต่างๆ จึงไม่มีแบบจำลองใดที่สามารถประเมินการจัดการเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์ การตัดสินใจเชิงระบบจะต้องเข้ามาแทนมนุษย์พร้อมกติกาที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม และยอมรับ?
ผมมีโอกาสร่วมเดินทางไปหลายพื้นที่กับท่านนายกฯ และคณะฯสมัยท่านเป็น มท.1 โดยขอยืนยันว่าท่านฯจริงจัง และใส่ใจในเรื่องนี้มากจึงเป็นนโยบาย Quick Win 1 ใน 4 ข้อที่ประกาศออกมา และหวังว่านโยบายด้านการจัดการน้ำจะสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
แหล่งที่มา : TNN Thailand
https://www.tnnthailand.com/earth/213219/?fbclid=IwY2xjawNN0n9leHRuA2FlbQIxMABicmlkETE4YXROZUZLaXRSMWFwSkU1AR5Ti0xHlin0mvOKbmCSM7VwbBlmfwxImmoP8BBEpYJHmFXb2ecMuC68mY5kjA_aem_pY6_EByzkpS1eVzHdu0AEg
จับตาน้ำหลาก เตือนภาคกลาง-กทม. ดร.เสรีชี้ น้ำมาแรง-เร็ว จากฝีมือมนุษย์
รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว เตือนภาคกลางรวมทั้งกทม.และปริมณฑลเฝ้าระวังสถานการณ์ แม้ปริมาณน้ำปี 2568 จะไม่มากเท่าปี 2554 แต่ระดับน้ำสูงเท่าหรือมากกว่าในบางพื้นที่ เนื่องจากปัจจัยหลักคือกิจกรรมของมนุษย์ โดยระบุว่าข้อมูลชัดเจนว่าปริมาณน้ำหลากสะสมผ่าน จ.นครสวรรค์ปี 2568 ณ เดือนกันยายน มีประมาณ 62% (9,255 ล้าน ลบ.ม.) ของปี 2554 อยู่ที่ 15,000 ล้าน ลบ.ม.) ผมได้ใช้ AI (DL) ในการคาดการณ์ปริมาณน้ำพบว่าปริมาณน้ำหลากจะไม่ถึงปี 2554 และถ้าจะไต่ถึงระดับปี 2554 ต้องมีพายุเข้ามาอีก 2 ลูก ที่เหนือเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งปัจจุบันจะมีพายุ 1 ลูก คือ “แมตโม” เข้ามาตอนบนซึ่งยังต้องติดตามสถานการณ์ และแม้ว่าเขื่อนสิริกิติ์จะมีปริมาณกักเก็บปัจจุบันประมาณ 95% ปริมาณการระบายจะไม่มากถึงวันละ 50 ล้าน ลบ.ม.ประกอบกับเขื่อนภูมิพลก็จะไม่มีการระบายน้ำมากถึงวันละประมาณ 130 ล้าน ลบ.ม. เหมือนปี 2554 สรุปจะไม่มีปริมาณน้ำหลากเท่าปี 2554
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปริมาณน้ำหลากจะไม่เทียบเคียงปี 2554 แต่ ระดับน้ำในบางพื้นที่อาจจะสูงกว่าได้
เนื่องจากเหตุผลสำคัญหลายประการคือ กว่า 10 ปีที่ผ่านมา
ตอนบนไม่เอาน้ำ โดยมีการสร้างคันกั้นน้ำ ยกระดับถนน ก่อสร้างอาคาร และสาธารณูปโภคขวางทางน้ำ
แย่งที่น้ำอยู่ บีบน้ำให้ลงแม่น้ำ ลำคลอง ทำให้น้ำมาเร็ว แรง รวมทั้งอิทธิพลน้ำทะเลหนุน
จึงทำให้ระดับน้ำยกตัวเหมือนปี 2564-2565 ที่ผ่านมา กล่าวโดยรวมเราไม่เคยรู้ตัวเองเลยว่าทำอะไรไป
เนื่องจากต่างหน่วยงานต่างทำ ผลกระทบตามมาเป็นอย่างไร จะเริ่มเห็นคันกั้นน้ำริมแม่น้ำ ลำคลองแตกชำรุดเป็นจุดๆ เข้าท่วมพื้นที่ชุมชน?
ผมได้สร้างฉากทัศน์ในอนาคตอันใกล้ว่าจะเป็นอย่างไร หากมีการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนพระราม 6 ในปริมาณต่างกันโดยไม่มีการเสริมคันกั้นน้ำ และการบังคับน้ำจากการจัดการ ฉากทัศน์ปี 2565 น่าจะเป็นฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุดในปีนี้ กล่าวคืออาจจะมีการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาสูงสุดไม่เกิน 3,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลกระทบรุนแรงมากขึ้นต่อพื้นที่ภาคกลางตั้งแต่ จ.ชัยนาทลงมา นอกจากนี้ในทางปฏิบัติ แต่ละท้องถิ่นมีการเสริมคัน และยกระดับคันเพื่อป้องกันพื้นที่ตนเอง ประกอบกับมีการจัดการโดยมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องโดยเฉพาะเรื่องการระบายน้ำผ่านประตูน้ำต่างๆ จึงไม่มีแบบจำลองใดที่สามารถประเมินการจัดการเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์ การตัดสินใจเชิงระบบจะต้องเข้ามาแทนมนุษย์พร้อมกติกาที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม และยอมรับ?
ผมมีโอกาสร่วมเดินทางไปหลายพื้นที่กับท่านนายกฯ และคณะฯสมัยท่านเป็น มท.1 โดยขอยืนยันว่าท่านฯจริงจัง และใส่ใจในเรื่องนี้มากจึงเป็นนโยบาย Quick Win 1 ใน 4 ข้อที่ประกาศออกมา และหวังว่านโยบายด้านการจัดการน้ำจะสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
แหล่งที่มา : TNN Thailand
https://www.tnnthailand.com/earth/213219/?fbclid=IwY2xjawNN0n9leHRuA2FlbQIxMABicmlkETE4YXROZUZLaXRSMWFwSkU1AR5Ti0xHlin0mvOKbmCSM7VwbBlmfwxImmoP8BBEpYJHmFXb2ecMuC68mY5kjA_aem_pY6_EByzkpS1eVzHdu0AEg