MOU 2543 MOU 2544 คืออะไร มีประโยชน์และโทษอะไรบ้าง

MOU 2543 MOU 2544 คืออะไร มีประโยชน์และโทษอะไรบ้าง

SWOT Analysis: MOU 2543 (ทางบก)
หมวดวิเคราะห์
Strengths (จุดแข็ง)
- กำหนดให้เจรจาเฉพาะ ไทย–กัมพูชา ผ่าน JBC- พื้นที่ทับซ้อนยังไม่ถูกตัดสินทันที- ไทยมีสิทธิ ยับยั้ง/เห็นชอบร่วม (Consensus)
Weaknesses (จุดอ่อน)
- ต้องยึด แผนที่ฝรั่งเศส 1:200,000 ซึ่งบางจุดเสียเปรียบไทย- กระบวนการช้า → อาจยืดเยื้อหลายปี- เป็นข้อถกเถียงทางการเมืองภายในไทย
Opportunities (โอกาส)
- เปิดทางเจรจาอย่างเป็นทางการ ลดโอกาสปะทะทางทหาร- สามารถรวบรวมเอกสารทางประวัติศาสตร์เพื่อสนับสนุนไทย- พัฒนาความสัมพันธ์เชิงบวกกับกัมพูชา
Threats (ภัยคุกคาม)
- ฝ่ายกัมพูชาอาจตีความว่าไทย ยอมรับแผนที่ฝรั่งเศส- การเมืองภายในไทยอาจถูกใช้เป็นข้อกล่าวหาเรื่อง “เสียอธิปไตย”- หากไม่บริหารดี → อาจเสียพื้นที่จริง

SWOT Analysis: MOU 2544 (ทางทะเล)
หมวดวิเคราะห์
Strengths (จุดแข็ง)
- เจรจาเฉพาะ ไทย–กัมพูชา ผ่าน JBC เช่นกัน- พื้นที่ทับซ้อน 26,000 ตร.กม. ยังไม่ได้ตัดสิน- มีกรอบทางเทคนิค/ขั้นตอนชัดเจนสำหรับ เขตแดนทางทะเล
Weaknesses (จุดอ่อน)
- กระบวนการเจรจาซับซ้อนและช้า- พื้นที่ทะเลใหญ่ → ความซับซ้อนสูง มีทรัพยากร (ก๊าซ-น้ำมัน) ต้องต่อรอง- ต้องยอมรับเอกสารอ้างอิงบางฉบับของกัมพูชา
Opportunities (โอกาส)
- สามารถจัดทำ Joint Development Area พัฒนาทรัพยากรร่วมได้- ลดโอกาสการปะทะทางเรือและข้อพิพาทระดับทหาร- ส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง
Threats (ภัยคุกคาม)
- ฝ่ายกัมพูชาอาจตีความพื้นที่ทับซ้อนเป็นของตน- ไทยอาจเสียเปรียบในการต่อรองด้านพลังงาน- การเมืองภายในไทยสามารถสร้างแรงกดดันให้เจรจายากขึ้น

🔍 สรุปภาพรวม
ข้อได้เปรียบร่วม (Strengths/Opportunities):
ทั้งสอง MOU เป็นกรอบ เจรจาแบบทวิภาคี, ลดการปะทะ, เปิดโอกาสพัฒนาทรัพยากรและความสัมพันธ์
ข้อเสียร่วม (Weaknesses/Threats):
เอกสารอ้างอิงบางฉบับเป็นข้อพิพาท (แผนที่ฝรั่งเศส), กระบวนการช้า, อาจถูกใช้โจมตีการเมืองภายในไทย
จะว่าไปแล้ว MOU 2543/2544 คือ ทั้งกุญแจมือและเกราะป้องกัน
กุญแจมือ → เพราะล็อกให้เจรจาในกรอบเอกสารที่อาจเสียเปรียบ
เกราะป้องกัน → เพราะทำให้เรื่องยังอยู่ใน “โต๊ะเจรจา” ไม่ใช่ศาลโลกที่ไทยอาจเสียเปรียบหนักกว่า

มีอะไรไม่ถูกต้องบ้าง ความจริงคืออะไรครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
เอาเฉพาะ MoU 43 ที่เห็นผลแล้วในปัจจุบัน
หลักการของ MoU 43 นั้นดี ดีมากๆด้วย
มันจะเป็นเครรื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากถ้าคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย บริสุทธิ์ใจ และปฏิบัติตาม MoU 43 อย่างเคร่งครัด

แต่

ปัญหาคือ MoU 43 กลับทำให้ฝ่ายไทยที่เคร่งครัดกับการปฏิตาม MoU 43 นั้นเสียเปรียบ เพราะไทยไม่มีการรุกล้ำ ไม่มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรเพิ่มเติมในพื้นที่พิพาท แต่ในพื้นที่ที่เกิดปัญหา ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ก็เกียร์ว่างไม่ปฏิบัติงาน ไทยประท้วงแล้วโยนทุกอย่างไปไว้บนโต๊ะเจรจา รอการเจรจาได้ผลตัดสินออกมาก่อนจึงจะดำเนิการ ซึ่งเมื่อการเจรจามันคั่งค้างมาเรื่อยๆ ปัญหามันก็หมักหมมจนเกินจะแก้แล้วในปัจจุบัน

ส่วนเขมรกลับทำตรงกันข้าม นั่นคือพยายามส่งเสริมให้ประชาชนของตัวเองรุกล้ำพื้นที่พิพาทมาตลอด ไม่สนใจสันปันน้ำ (อ้างแผนที่ 1:200,000 และศาลโลก) ไม่สนใจหลักเขต (อ้างว่าหลายหลักฝั่งเขมรยังไม่ยอมรับ แต่เขมรอยู่ได้) โดยเริ่มจากครอบครัวทหาร จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน ทำอย่างนี้กระจายไปหลายๆพื้นที่ พอไทยประท้วงก็เตะถ่วงไปเรื่อยๆหลายๆปีไม่มีการตัดสินใจหรือแก้ปัญหาบนโต๊ะเจรจา จนทำให้คนเขมรที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่พิพาทหรือแม้แต่พื้นที่ของประเทศไทย อ้างสิทธิอ้างความธรรมว่าตัวเองอยู่มาตั้งแต่เกิดไปหมดแล้ว

คำถามคือ
ในเมื่อตั้งแต่ปี 2543 จนมาถึงปัจจุบัน 25 ปีแล้ว MoU 43 มันแสดงให้เห็นแล้วว่าสร้างปัญหาให้กับฝ่ายไทยมาตลอดเวลา แล้วในอนาคตข้างหน้าทำไมจึงคิดว่า MoU 43 มันจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้?

ผมเห็นบางคนบอกว่าต้องเก็บ MoU 43 เอาไว้เพราะมันทำให้ไทยได้เปรียบแต่
1. ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันทำไมไทยเสียเปรียบ?
2. ต่อจากนี้จะทำอย่างไร ให้ไทยได้เปรียบจากการยึดถือ MoU 43
3. ชาวบ้านไทยตามแนวชายแดนที่รอการปักปันเขตแดนจะได้กลับเข้าที่ทำกินของตัวเองมามากกว่า 25 ปีแล้ว จะได้ใช้ที่ดินตัวเองตอนไหน?
4. หากเขมรเสียเปรียบจาก MoU 43 ทำไมเขมรถึงไม่เป็นฝ่ายยกเลิกไปตั้งนานแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่