กมธ.มั่นคง เรียกอนุทิน แจงสินบน 40 ล้าน ไม่ปราบสแกมเมอร์ ตั้งปมโยงเบนจามิน แย้มธรรมนัส คิวต่อไป
https://www.matichon.co.th/politics/news_5392252
.
.
“โรม” เชิญ “อนุทิน” เข้าแจง ”กมธ.มั่นคง“ พรุ่งนี้หลัง “ไชยชนก” ปูด มีคนเสนอเงินเดือนละ40ล้าน แลกไม่แตะปัญหาคอลเซ็นเตอร์ มอง ต้องจัดการหัวขบวนเพื่อทำลายอาญชกรรมข้ามชาติ งง ทุกคนรู้จัก “เบนจมิน“ หมดแต่พากันเงียบ
.
เมื่อเวลา13.50 น.วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ นาย
ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ระบุว่ามีผู้ติดต่อเสนอเงินให้เดือนละ 40 ล้านบาท เพื่อไม่ให้จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์หลอกลวง
.
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า นายไชยชนกไม่ควรเงียบ เพราะการเงียบเป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลที่นำโดยนาย
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ รัฐมนตรีดีอี ไม่เอาจริงเอาจริงกับการปราบปรามแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ เบื้องต้นเชื่อว่า เป็นเรื่องจริงไม่ใช่เฟกนิวส์ จึงควรใช้โอกาสในการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ให้สิ้นซาก
.
สิ่งที่ตนได้อภิปรายในสภาเป็นการฉายภาพให้เห็นนายหน้า ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับสมเด็จ
ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย รวมถึงยังมีความสนิทกับ ร.อ.
ธรรมมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเชื่อว่าร.อ.ธรรมมนัสเป็นพยานปากสำคัญในการให้ข้อมูล จึงต้องดูเส้นเงินเพื่อนำไปสู่การปราบปรามหัวขบวนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากหัวขบวนถูกทำลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ก็จะถูกทำลายเช่นกัน หากจะหวังแค่ปราบปรามในเรื่องของบัญชีม้าหรือจับตัวเล็กตัวน้อยก็จะแก้ปัญหาไม่จบ ตนนำข้อมูลมาป้อนขนาดนี้แล้วว่ามีหัวขบวนสำคัญเป็นใครบ้างก็ควรจะเร่งทำงานในเรื่องนี้
.
เมื่อถามว่า ผู้ที่เสนอเงินเดือนละ 40 ล้านบาท ถือเป็นกลุ่มเล็กหรือไม่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ โดยธรรมชาติของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเป็นเครือข่ายที่มีหลายคนและหากติดศีลบนจริง คงไม่ใช่แค่รัฐมนตรีคนเดียวแน่นอน อาจจะมีเงินถึงหมื่นล้านเพื่อติดสินบนในส่วนอื่น ควรถือโอกาสในการปราบปรามและเล็งไปที่หัวขบวนต้นตอที่เป็นปัญหาและไปถึงรากที่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่น เช่น บริษัทใหญ่ที่มีความพยายามฮุบหุ้นบริษัทไทย ต้องไปดูว่าเป็นเงินของกระบวนการของคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
.
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ตนได้อภิปรายในเรื่องดังกล่าว ร.อ.ธรรมนัสก็หายจากบนบัลลังก์ แต่มาประชุมครม.นัดพิเศษที่สภาได้ ซึ่ง หมายความว่าอยู่ในสภาแต่ไม่ได้มาชี้ ในที่ประชุม เช่นเดียวกับนายอนุทินก็หายตัวไปในเวลาดังกล่าวตนคิดว่าอย่าทำให้ ว่ารู้เรื่องนี้กับเขาด้วย หากบริสุทธิ์ใจและไม่มีส่วนเกี่ยว ไม่ได้ใช้อำนาจรัฐในการปกป้องและปกป้องนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ต้องสร้างความกระจ่างในเรื่องนี้
.
ส่วนที่นาย
อนุทินได้โยนให้นาย
ไชยชนกชี้แจงนั้น นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่ารัฐมนตรีดีอีจะชี้แจง ต้องดูเส้นทางการเงินมีหน่วยงาน อาทิ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรื่องนี้ไม่ใช่คดีแค่ภายในประเทศหากเป็นเรื่องจริงถือเป็นเรื่องระดับโลก เพราะเรากำลังเห็นปรากฏการณ์ที่กลุ่มทุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำเงินนับแสนล้านบาทมายึดชาติของเรา เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาด และเรื่องนี้จะส่งผลดีในการทำให้สถานการณ์ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชาดีขึ้น เพราะผู้มีอำนาจของกัมพูชารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งเศรษฐกิจการค้าปกติ ตราบใดที่เงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์เยอะ ขนาดประเทศไทยควรจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด และคนที่ควรจัดการมากที่สุดคือนายเบนจามิน
.
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า หากรัฐมนตรีดีอีไม่ทำอะไร ก็อาจผิดกฎหมายด้วย เบื้องต้นในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ กมธ.ความมั่นคงฯ จะมีการพิจารณาในเรื่องนี้โดยตรง เพราะมีการเชิญนายอนุทินที่ดำรงตำแหน่งทั้งสองตำแหน่งมาชี้แจง และหวังว่าจะ ร่วมมือ
.
“
เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องลับ ทุกคนรู้จักกันหมด ก็แปลกดีที่ทุกคนพากันเงียบขนาดนี้ เรื่องนี้คือเรื่องเร่งด่วน” นาย
รังสิมันต์
.
เมื่อถามว่า จะมีการเชิญร.อ.
ธรรมนัส มาชี้แจงหรือไม่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า เดี๋ยวมีอีกหลายรอบ ตนมีข้อมูลว่า ร.อ.ธรรมนัสมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ขอเอาหน่วยงานตัวตั้งต้นก่อน และสาเหตุที่ต้องเชิญนายอนุทินเพราะต้องดูหัวก่อน ถ้าหัวไม่ขยับก็ยากต้องดูท่าทีของนายอนุทินว่า จะเป็นแบบไหน หากต้องการเอาจริงเรื่องนี้ก็จะแก้โดยง่าย กมธ.ก็อาจจะไม่ต้องออกแรงมากเกินไป
.
เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินการยื่นไปที่หน่วยงานอื่นอีกหรือไม่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เรามีข้อมูลตั้งต้นแล้วหากหน่วยงานขยับทันที ทุกอย่างก็จบ หากหน่วยงานไม่ทราบอะไรเลย ยังมาขอก็ต้องวางยุทธศาสตร์การทำงานอีกแบบ
.
.
โรม รับไม่รู้มาก่อน ภท.จะประชามติ MOU ถามจะรณรงค์ยังไง ไม่ให้เขมรรู้ ขนาดสภาพูดยังเป็นความลับ
.
“โรม” รับ ไม่เคยทราบ “ภท.” จะทำประชามติยกเลิก MOU 43-44 พร้อมเลือกตั้ง หวั่น เผยความลับชาติ ให้กัมพูชารู้ ชี้ แม้กระทั่งสภาฯ ยังเป็นประชุมลับ เหตุเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จี้ “อนุทิน” คิดแจงประชาชน
.
เมื่อเวลา 13.50 น.วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหลังจากที่รัฐบาลมีแนวคิดที่จะทำประชามติ ยกเลิก MOU 43 และ 44 ในฐานะที่เป็นประธานกมธ.เห็นด้วยที่จะยกเลิกและทำประชามติหรือไม่ ว่า เมื่อวาน (30 ก.ย.) ตนได้อภิปรายเรื่องนี้ ถ้าจะทำประชามติ ต้องทำให้ประชาชนมีข้อมูลพอ
.
แต่ก่อนที่จะทำให้ประชาชนมีข้อมูลพอ เราต้องยอมรับกันก่อนว่า เรื่อง MOU เป็นข้อมูลละเอียดอ่อนหลายอย่าง ไม่เช่นนั้นสภาฯคงไม่มีการประชุมลับ คำถามของตนคือนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะทำอย่างไรที่ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลในการตัดสินใจเรื่องนี้โดยฝ่ายกัมพูชาไม่รู้ ซึ่งอาจจะมีวิธีก็ได้ แต่ตนยังไม่รู้ แต่หากไม่มีวิธีแล้วฝ่ายกัมพูชารู้ จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของชาติหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ตนพยายามถาม แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
.
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขอสื่อมวลชนช่วยถามนายอนุทิน ให้ด้วยว่าตกลงทำอย่างไร ไม่เช่นนั้นสภาฯ จะประชุมลับกันไปทำไม และมากไปกว่านั้นสภาฯ ยังมีการตั้งกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้ ที่นำโดย นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และแม้กระทั่งส.ส.และส.ว. ด้วยกัน ตนมั่นใจว่า แต่ละคนก็มีข้อมูลไม่เท่ากัน ดังนั้น เมื่อจะตัดสินใจไปลงประชามติ เรื่องที่มีความซับซ้อนน้อยกว่า อย่างเช่น รัฐธรรมนูญ ยังใช้เวลาศึกษานาน ซึ่งต้องคิดให้รอบคอบ ตนขอยกตัวอย่างความท้าทายต่อไป ว่าหากยกเลิกไปแล้วกัมพูชาอ้างว่า ต่อไปไม่มีกลไก คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) กัมพูชาจะใช้เหตุนี้อ้างเพื่อไปศาลโลก หรือหากเราไม่มี MOU 43 แล้ว จะต้องมีอะไรมาแทนหรือไม่ จะต้องมีแผนหลายขยัก และต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ หรือแม้กระทั่ง MOU 44 การเอาผลประโยชน์ทางทะเล ไปปนกับเรื่องการที่จะต้องมาตกลงเรื่องอาณาเขตทางทะเล ก็อาจจะมีปัญหาบางอย่าง ขณะเดียวกันเราก็ต้องดูว่าบางบริษัทเดียวกันที่ได้ลงทุนไปแล้ว จะมาฟ้องประเทศไทยหรือไม่ กลัวว่าจะซ้ำรอยกรณีคิงส์เกต เรื่องเหล่านี้มีรายละเอียดไม่ใช่ใครจะตัดสินใจได้ทันที การตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ง่าย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจุดยืนของตนคือเอาข้อมูลมากาง ยึดเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
.
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการทำประชามติยกเลิก MOU เพื่อหวังผลทางการเมืองในการเลือกตั้ง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นภาระของนายอนุทินที่จะต้องอธิบาย พวกตนไม่เคยรู้มาก่อน ว่าจะมีการเสนอให้ทำประชามติเรื่องนี้ จึงเป็นภาระของพรรคภูมิใจไทยที่ต้องอธิบายเรื่องนี้ และทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่ดี และเป็นภาระของพรรคภูมิใจไทยที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ไม่ให้ความลับของชาติตกไปอยู่ในมือของกัมพูชา นั่นคือสิ่งที่นายอนุทินต้องตอบคำถาม
.
ถามต่อว่าหากยังเดินหน้าทำประชามติเรื่องนี้ จะเป็นผลดีหรือผลเสียมากกว่า นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แน่นอนว่ามีข้อกังวลหลายด้าน แต่อยู่ที่ว่าใครจะพูด บางคนบอกว่าทำประชามติแล้วจะเกิดความสับสนหรือไม่ แต่แน่นอนว่าเรื่องความสับสน ค่อยมาหาทางกัน แต่ส่วนตัวของตนนั้นคิดว่ามาคุยกันเรื่องหลักดีกว่า เพราะตนเป็นห่วงเรื่องผลประโยชน์ของชาติ
.
.
ชาวบ้านผวาหนัก จระเข้โผล่กลางชุมชน หลังน้ำเอ่อท่วม อาจมีไม่ต่ำกว่า 2 ตัว แจ้งประมงลงพื้นที่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9960893
.
ชาวบ้านผวาหนัก จระเข้โผล่กลางชุมชน หลังน้ำเอ่อท่วม อาจมีไม่ต่ำกว่า 2 ตัว แจ้งประมงลงพื้นที่ ตอนนี้ยังไม่เจอตัว
.
วันที่ 1 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านชุมชนบ้านบางปรอง ต.นครสวรรค์ออก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ต่างพากันหวาดผวา หลังมีผู้พบเห็นจระเข้โผล่หัวเหนือน้ำที่ท่วมในพื้นที่ชุมชน
.
นาง
จิราภรณ์ คลาสสิค ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา พบจระเข้ลอยหัวขึ้นมาถึง 2 จุด และมักจะปรากฏให้เห็นในช่วงเช้าและเย็น ซึ่งคาดว่าอาจมีจระเข้ไม่ต่ำกว่า 2 ตัวหลุดเข้ามาสู่พื้นที่น้ำท่วมชุมชนแห่งนี้
.
หลังพบเจอจระเข้ ก็ได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ประมงให้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและวางกำลังดักจับ แต่สุดท้ายจนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่พบตัวจระเข้ ขณะที่ชาวบ้านในชุมชนต่างหวาดวิตกเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยงในพื้นที่
.
แต่ก็มีชาวบ้านบางส่วน เชื่อว่าจระเข้ที่พบเห็น น่าจะเป็นจระเข้ของเจ้าแม่หมอนทอง ที่อาศัยอยู่ในบึงบอระเพ็ด แล้วหลุดมาตามกระแสน้ำที่ล้นออกจากบึง เข้ามาอาศัยหากินอยู่ในพื้นที่ชุมชน ซึ่งอยู่ใกล้กับบึงบอระเพ็ด โดยที่ผ่านมา ก็มักจะมีชาวบ้านพบเจอเป็นประจำทุกปีที่เกิดน้ำท่วมชุมชน แต่พวกมันก็ไม่เคยทำร้ายคนที่พบเจอ หรือสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านแต่อย่างใด
.
ส่วนสถานการณ์ในชุมชนบ้านบางปรองยังเผชิญวิกฤตน้ำท่วมจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่เอ่อล้นตลิ่ง เข้าท่วมบ้านเรือนแล้วกว่า 80 หลังคาเรือน ชาวบ้านจำนวนมากต้องอพยพขึ้นมาอาศัยอยู่บนถนน โดยมีเจ้าหน้าที่เทศบาลนครนครสวรรค์ตั้งเต็นท์รองรับชั่วคราวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
JJNY : 5in1 กมธ.มั่นคงเรียกแจงสินบน│โรมรับไม่รู้มาก่อน│จระเข้โผล่กลางชุมชน│สื่อนอกตีข่าว│รบ.ทรัมป์เตรียมผ่อนกฎคุมสาร
https://www.matichon.co.th/politics/news_5392252
.
“โรม” เชิญ “อนุทิน” เข้าแจง ”กมธ.มั่นคง“ พรุ่งนี้หลัง “ไชยชนก” ปูด มีคนเสนอเงินเดือนละ40ล้าน แลกไม่แตะปัญหาคอลเซ็นเตอร์ มอง ต้องจัดการหัวขบวนเพื่อทำลายอาญชกรรมข้ามชาติ งง ทุกคนรู้จัก “เบนจมิน“ หมดแต่พากันเงียบ
.
เมื่อเวลา13.50 น.วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ระบุว่ามีผู้ติดต่อเสนอเงินให้เดือนละ 40 ล้านบาท เพื่อไม่ให้จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์หลอกลวง
.
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายไชยชนกไม่ควรเงียบ เพราะการเงียบเป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ รัฐมนตรีดีอี ไม่เอาจริงเอาจริงกับการปราบปรามแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ เบื้องต้นเชื่อว่า เป็นเรื่องจริงไม่ใช่เฟกนิวส์ จึงควรใช้โอกาสในการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ให้สิ้นซาก
.
สิ่งที่ตนได้อภิปรายในสภาเป็นการฉายภาพให้เห็นนายหน้า ซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย รวมถึงยังมีความสนิทกับ ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเชื่อว่าร.อ.ธรรมมนัสเป็นพยานปากสำคัญในการให้ข้อมูล จึงต้องดูเส้นเงินเพื่อนำไปสู่การปราบปรามหัวขบวนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หากหัวขบวนถูกทำลายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ก็จะถูกทำลายเช่นกัน หากจะหวังแค่ปราบปรามในเรื่องของบัญชีม้าหรือจับตัวเล็กตัวน้อยก็จะแก้ปัญหาไม่จบ ตนนำข้อมูลมาป้อนขนาดนี้แล้วว่ามีหัวขบวนสำคัญเป็นใครบ้างก็ควรจะเร่งทำงานในเรื่องนี้
.
เมื่อถามว่า ผู้ที่เสนอเงินเดือนละ 40 ล้านบาท ถือเป็นกลุ่มเล็กหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ โดยธรรมชาติของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติเป็นเครือข่ายที่มีหลายคนและหากติดศีลบนจริง คงไม่ใช่แค่รัฐมนตรีคนเดียวแน่นอน อาจจะมีเงินถึงหมื่นล้านเพื่อติดสินบนในส่วนอื่น ควรถือโอกาสในการปราบปรามและเล็งไปที่หัวขบวนต้นตอที่เป็นปัญหาและไปถึงรากที่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายอย่างอื่น เช่น บริษัทใหญ่ที่มีความพยายามฮุบหุ้นบริษัทไทย ต้องไปดูว่าเป็นเงินของกระบวนการของคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
.
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนได้อภิปรายในเรื่องดังกล่าว ร.อ.ธรรมนัสก็หายจากบนบัลลังก์ แต่มาประชุมครม.นัดพิเศษที่สภาได้ ซึ่ง หมายความว่าอยู่ในสภาแต่ไม่ได้มาชี้ ในที่ประชุม เช่นเดียวกับนายอนุทินก็หายตัวไปในเวลาดังกล่าวตนคิดว่าอย่าทำให้ ว่ารู้เรื่องนี้กับเขาด้วย หากบริสุทธิ์ใจและไม่มีส่วนเกี่ยว ไม่ได้ใช้อำนาจรัฐในการปกป้องและปกป้องนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ต้องสร้างความกระจ่างในเรื่องนี้
.
ส่วนที่นายอนุทินได้โยนให้นายไชยชนกชี้แจงนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่ารัฐมนตรีดีอีจะชี้แจง ต้องดูเส้นทางการเงินมีหน่วยงาน อาทิ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรื่องนี้ไม่ใช่คดีแค่ภายในประเทศหากเป็นเรื่องจริงถือเป็นเรื่องระดับโลก เพราะเรากำลังเห็นปรากฏการณ์ที่กลุ่มทุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำเงินนับแสนล้านบาทมายึดชาติของเรา เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาด และเรื่องนี้จะส่งผลดีในการทำให้สถานการณ์ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชาดีขึ้น เพราะผู้มีอำนาจของกัมพูชารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งเศรษฐกิจการค้าปกติ ตราบใดที่เงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์เยอะ ขนาดประเทศไทยควรจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด และคนที่ควรจัดการมากที่สุดคือนายเบนจามิน
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า หากรัฐมนตรีดีอีไม่ทำอะไร ก็อาจผิดกฎหมายด้วย เบื้องต้นในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ กมธ.ความมั่นคงฯ จะมีการพิจารณาในเรื่องนี้โดยตรง เพราะมีการเชิญนายอนุทินที่ดำรงตำแหน่งทั้งสองตำแหน่งมาชี้แจง และหวังว่าจะ ร่วมมือ
.
“เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องลับ ทุกคนรู้จักกันหมด ก็แปลกดีที่ทุกคนพากันเงียบขนาดนี้ เรื่องนี้คือเรื่องเร่งด่วน” นายรังสิมันต์
.
เมื่อถามว่า จะมีการเชิญร.อ.ธรรมนัส มาชี้แจงหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เดี๋ยวมีอีกหลายรอบ ตนมีข้อมูลว่า ร.อ.ธรรมนัสมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ขอเอาหน่วยงานตัวตั้งต้นก่อน และสาเหตุที่ต้องเชิญนายอนุทินเพราะต้องดูหัวก่อน ถ้าหัวไม่ขยับก็ยากต้องดูท่าทีของนายอนุทินว่า จะเป็นแบบไหน หากต้องการเอาจริงเรื่องนี้ก็จะแก้โดยง่าย กมธ.ก็อาจจะไม่ต้องออกแรงมากเกินไป
.
เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินการยื่นไปที่หน่วยงานอื่นอีกหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เรามีข้อมูลตั้งต้นแล้วหากหน่วยงานขยับทันที ทุกอย่างก็จบ หากหน่วยงานไม่ทราบอะไรเลย ยังมาขอก็ต้องวางยุทธศาสตร์การทำงานอีกแบบ
.
.
.
ชาวบ้านผวาหนัก จระเข้โผล่กลางชุมชน หลังน้ำเอ่อท่วม อาจมีไม่ต่ำกว่า 2 ตัว แจ้งประมงลงพื้นที่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9960893
.
ชาวบ้านผวาหนัก จระเข้โผล่กลางชุมชน หลังน้ำเอ่อท่วม อาจมีไม่ต่ำกว่า 2 ตัว แจ้งประมงลงพื้นที่ ตอนนี้ยังไม่เจอตัว
.
วันที่ 1 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านชุมชนบ้านบางปรอง ต.นครสวรรค์ออก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ต่างพากันหวาดผวา หลังมีผู้พบเห็นจระเข้โผล่หัวเหนือน้ำที่ท่วมในพื้นที่ชุมชน
.
นางจิราภรณ์ คลาสสิค ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา พบจระเข้ลอยหัวขึ้นมาถึง 2 จุด และมักจะปรากฏให้เห็นในช่วงเช้าและเย็น ซึ่งคาดว่าอาจมีจระเข้ไม่ต่ำกว่า 2 ตัวหลุดเข้ามาสู่พื้นที่น้ำท่วมชุมชนแห่งนี้
.
หลังพบเจอจระเข้ ก็ได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ประมงให้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและวางกำลังดักจับ แต่สุดท้ายจนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่พบตัวจระเข้ ขณะที่ชาวบ้านในชุมชนต่างหวาดวิตกเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยงในพื้นที่
.
แต่ก็มีชาวบ้านบางส่วน เชื่อว่าจระเข้ที่พบเห็น น่าจะเป็นจระเข้ของเจ้าแม่หมอนทอง ที่อาศัยอยู่ในบึงบอระเพ็ด แล้วหลุดมาตามกระแสน้ำที่ล้นออกจากบึง เข้ามาอาศัยหากินอยู่ในพื้นที่ชุมชน ซึ่งอยู่ใกล้กับบึงบอระเพ็ด โดยที่ผ่านมา ก็มักจะมีชาวบ้านพบเจอเป็นประจำทุกปีที่เกิดน้ำท่วมชุมชน แต่พวกมันก็ไม่เคยทำร้ายคนที่พบเจอ หรือสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านแต่อย่างใด
.
ส่วนสถานการณ์ในชุมชนบ้านบางปรองยังเผชิญวิกฤตน้ำท่วมจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่เอ่อล้นตลิ่ง เข้าท่วมบ้านเรือนแล้วกว่า 80 หลังคาเรือน ชาวบ้านจำนวนมากต้องอพยพขึ้นมาอาศัยอยู่บนถนน โดยมีเจ้าหน้าที่เทศบาลนครนครสวรรค์ตั้งเต็นท์รองรับชั่วคราวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน