ใครที่เป็นสายของหวาน โดยเฉพาะของหวานแบบ “น้ำแข็งใส” คงไม่มีใครไม่รู้จัก
“เช็งซิมอี๊” ร้านน้ำแข็งใส-ขนมหวานหลากหลายท็อปปิ้ง ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี ร้านนี้เปิดมากว่า
67 ปี แล้ว จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ อย่างรถเข็นของ “อากง” ที่ขายเต้าทึง เดินเร่ขายตามย่านวัดดวงแข วัดหัวลำโพง และย่านจุฬาฯ
ต่อมากิจการก็ตกทอดมาถึงรุ่นที่ 2 และสร้างชื่อเสียงจริงจังที่
สาขาจุฬาฯ ซอย 5 ซึ่งเป็นเหมือน “ร้านประจำย่านบรรทัดทอง” มานานหลายสิบปี จนตอนนี้ลูก ๆ รุ่นที่ 3 เริ่มเข้ามาสานต่อเต็มตัว
จุดขายของ “เช็งซิมอี๊”
- มี
ท็อปปิ้งให้เลือกกว่า 40-50 อย่าง ทั้งแผ่นแป้งกลม น้ำแดง กะทิ ไอศกรีม ชาไทย ฯลฯ
- เปิดขายดึกกว่าร้านอื่น บางสาขาขายถึง
ตีสอง กลายเป็นแหล่งฝากท้องหลังมื้อดึกของใครหลายคน
- แม้จะมีหลายสาขา แต่ทุกสาขายังเป็น
ธุรกิจครอบครัว ไม่มีขายแฟรนไชส์ (แม้จะมีคนมาขอซื้อแทบทุกวัน)
มุมมองจากรุ่นใหม่
- “พล-พาร์ท-แพท” ลูก ๆ รุ่นที่ 3 ของเฮียตี๊ เล่าว่า หลังเรียนจบก็กลับมาช่วยกิจการทันที ไม่เคยคิดไปทำงานที่อื่นเลย เพราะอยากพัฒนาธุรกิจครอบครัวให้อยู่ได้อีกยาว ๆ
สิ่งที่กำลังโฟกัสตอนนี้คือ
- การ
เข้าไปอยู่ในห้างและร้านสะดวกซื้อ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ
Gen Z เข้าถึงง่ายขึ้น
- การขยายสาขาต่างจังหวัด (หาดใหญ่ โคราช และเร็ว ๆ นี้ ขอนแก่น)
- มองไปถึงอนาคตอาจมีการไปต่างประเทศ แต่ยังคงเน้นการทำเองในครอบครัว
มุมมอง จาก ลูก ๆ รุ่นที่ 3
“แพท” มองว่า ความยากของธุรกิจครอบครัวที่อยู่มานาน คือการสร้าง Brand Awareness ในกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ
Gen Z ที่อาจจะยังไม่รู้จัก
“เช็งซิมอี๊” เท่ากับ Gen X หรือ Gen Y โจทย์ใหญ่คือจะทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้รู้จักแบรนด์ ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้ทำการตลาดหรือสร้างเอนเกจเมนต์มากนัก หลังจากนี้จะเริ่มบุกโซเชียลมีเดีย เข้าใกล้คนรุ่นใหม่มากขึ้น
“รายได้ปีที่แล้วเฉพาะสาขาที่เราดูอยู่เกินร้อยล้านอยู่แล้ว ปีนี้ส่วนของสาขาหลักยังไม่คิดขยาย แต่สาขาในห้างมีคิดไว้เหมือนกัน ล่าสุดเปิดที่เซ็นทรัลพาร์คไปแล้ว และเดือนนี้จะมีเปิดที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้าด้วย ผู้บริโภคเปลี่ยนไปเราก็ต้องปรับตามเหมือนกัน เอาเฉพาะสาขาที่ติดถนนตอนนี้เช็งซิมอี๊ก็น่าจะอยู่ทุกพื้นที่แล้ว เราเลยอยากขยายเข้าห้าง”
ที่มา
กรุงเทพธุรกิจ
เช็งซิมอี๊ จากรถเข็นอากง สู่ขนมหวาน ร้อยล้าน
ต่อมากิจการก็ตกทอดมาถึงรุ่นที่ 2 และสร้างชื่อเสียงจริงจังที่ สาขาจุฬาฯ ซอย 5 ซึ่งเป็นเหมือน “ร้านประจำย่านบรรทัดทอง” มานานหลายสิบปี จนตอนนี้ลูก ๆ รุ่นที่ 3 เริ่มเข้ามาสานต่อเต็มตัว
จุดขายของ “เช็งซิมอี๊”
- มี ท็อปปิ้งให้เลือกกว่า 40-50 อย่าง ทั้งแผ่นแป้งกลม น้ำแดง กะทิ ไอศกรีม ชาไทย ฯลฯ
- เปิดขายดึกกว่าร้านอื่น บางสาขาขายถึง ตีสอง กลายเป็นแหล่งฝากท้องหลังมื้อดึกของใครหลายคน
- แม้จะมีหลายสาขา แต่ทุกสาขายังเป็น ธุรกิจครอบครัว ไม่มีขายแฟรนไชส์ (แม้จะมีคนมาขอซื้อแทบทุกวัน)
มุมมองจากรุ่นใหม่
- “พล-พาร์ท-แพท” ลูก ๆ รุ่นที่ 3 ของเฮียตี๊ เล่าว่า หลังเรียนจบก็กลับมาช่วยกิจการทันที ไม่เคยคิดไปทำงานที่อื่นเลย เพราะอยากพัฒนาธุรกิจครอบครัวให้อยู่ได้อีกยาว ๆ
สิ่งที่กำลังโฟกัสตอนนี้คือ
- การ เข้าไปอยู่ในห้างและร้านสะดวกซื้อ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z เข้าถึงง่ายขึ้น
- การขยายสาขาต่างจังหวัด (หาดใหญ่ โคราช และเร็ว ๆ นี้ ขอนแก่น)
- มองไปถึงอนาคตอาจมีการไปต่างประเทศ แต่ยังคงเน้นการทำเองในครอบครัว
มุมมอง จาก ลูก ๆ รุ่นที่ 3
“แพท” มองว่า ความยากของธุรกิจครอบครัวที่อยู่มานาน คือการสร้าง Brand Awareness ในกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Z ที่อาจจะยังไม่รู้จัก “เช็งซิมอี๊” เท่ากับ Gen X หรือ Gen Y โจทย์ใหญ่คือจะทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้รู้จักแบรนด์ ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้ทำการตลาดหรือสร้างเอนเกจเมนต์มากนัก หลังจากนี้จะเริ่มบุกโซเชียลมีเดีย เข้าใกล้คนรุ่นใหม่มากขึ้น
“รายได้ปีที่แล้วเฉพาะสาขาที่เราดูอยู่เกินร้อยล้านอยู่แล้ว ปีนี้ส่วนของสาขาหลักยังไม่คิดขยาย แต่สาขาในห้างมีคิดไว้เหมือนกัน ล่าสุดเปิดที่เซ็นทรัลพาร์คไปแล้ว และเดือนนี้จะมีเปิดที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้าด้วย ผู้บริโภคเปลี่ยนไปเราก็ต้องปรับตามเหมือนกัน เอาเฉพาะสาขาที่ติดถนนตอนนี้เช็งซิมอี๊ก็น่าจะอยู่ทุกพื้นที่แล้ว เราเลยอยากขยายเข้าห้าง”
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ