
.
‘ภคมน’ ซัดรัฐบาลดันทุรังเข็น ‘โครงการแลนด์บริดจ์’ ทั้งที่ถูกทักท้วงมาตลอดเหตุไม่คุ้มทุน มองไม่ใช่โอกาสทางเศรษฐกิจ แต่เป็นโอกาสใช้หาเสียงในพื้นที่ภาคใต้
.
เมื่อเวลา 23.55 น. วันที่ 29 กันยายน ที่รัฐสภา ในการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคประชาชน อภิปรายว่าตนแปลกใจที่มีเวลาแค่ 4 เดือน แต่รัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยได้หยิบยกนโยบายอภิมหาโปรเจค อย่าง “แลนบริดจ์” ขึ้นมา แม้จะไม่อยู่ในคำแถลงนโยบายเล่มนี้ แต่ข่าวออกไปทุกช่องประชาชนรับรู้ทั้งประเทศ
.
โดย โครงการแลนด์บริดจ์ คือการสร้างทางลัดเพื่อเชื่อมต่อท่าเรือสองฝั่งทะเล นั่นคือท่าเรืออันดามันที่จ.ระนอง ซึ่งเชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดีย และท่าเรืออ่าวไทยที่จ.ชุมพรซึ่งเชื่อมต่อมหาสมุทรแปซิฟิก ปกติเรือขนส่งสินค้าจากนานาประเทศที่เดินทางระหว่างมหาสมุทรอินเดีย กับมหาสมุทรแปซิฟิก จะต้องแล่นเรือ อ้อมผ่านประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยใช้เส้นทางช่องแคบมะละกา ซึ่งค่อนข้างแออัด รัฐไทยผุดไอเดียทำทางลัดโดยหวังว่า เรือจะได้ไม่ต้องอ้อมช่องแคบมะละกา ประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุน
.
น.ส.ภคมน กล่าวว่า แต่ไม่ง่ายแบบนั้นเพราะต้องขึ้นมาบนบกก่อน ดังนั้นผู้ประกอบการการเดินเรือต้องมีเรืออย่างน้อยสองลำ จากปกติบริษัทขนส่งสินค้าใช้เรือแล่นผ่านช่องแคบมะละกาได้เลยแต่ ถ้าใช้แลนบริดจ์ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม เช่นค่าขนของขึ้น ขนของลง ค่าเดินทางจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งนึงระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร แลนบริดจึงถูกทักท้วงมาตลอดว่าไม่ควรทำ เพราะไม่รู้ว่าใครจะมาใช้ แต่รัฐบาลที่ผ่านมาจนถึงรัฐบาลนี้ก็ยังไม่ยอมตัดใจที่จะผลักดันโครงการ
.
โครงการแลนบริดจ์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ร่างพระราชบัญญัติระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หรือ พ.ร.บ. SEC ที่ตามมาด้วยการทำให้เกิดการรวมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และการสร้างข้อยกเว้นทางกฎหมาย ให้สิทธิพิเศษเหนือที่ดินแก่กลุ่มทุนและการเปิดโอกาสให้ต่างชาติเช่าที่ดินชั่วลูกชั่วหลาน
ภายหลังจากรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ประกาศกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมจากพรรคภูมิใจไทยในขณะนั้น ได้สั่งให้ สนข. ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการแลนด์บริดจ์ที่จะเชื่อมต่อระหว่างท่าเรือฝั่งชุมพรและระนอง
.
น.ส.ภคมน กล่าวว่า แต่ตลอดอายุของรัฐบาลที่ผ่านมาโครงการแลนบริดจ์ถูกตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก ในช่วง2ปีที่ผ่านมาหลายๆคำถามทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบ แต่ยังจะฉายภาพว่าโครงการแลนบริดจ์ คือโอกาสที่ประเทศไทยจะเติบโตทางเศรษฐกิจ ตนมองว่าไม่ได้เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่เป็นโอกาสให้พวกท่านเอาหาเสียง สร้างคะแนนนิยมกับประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ พรรคการเมืองไม่ผิดหากสร้างจิตนาการใหม่ผ่านนโยบายที่ชวนฝัน แต่มันผิดตรงที่รู้อยู่แล้วว่าไม่คุ้มค่า ทั้งรายงานของสนข.และรายงานของกรรมาธิการวิสามัญมีการตกแต่งตัวเลขเกินจริง นอกจากนี้นักวิชาการประมงประมาณตัวเลขว่าหากทำแลนบริดจ์จะเกิดการสูญเสียรายได้จากการทำประมงไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี 2ปีที่ผ่านเราเสียเวลามามาก ที่รัฐบาลดันทุรังทุ่มงบประมาณไปโรดโชว์ขายโครงการแลนบริดจ์มาหลายประเทศ ทั้งๆที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเลขความคุ้มค่าของโครงการนี้เท่าไรกันแน่ สุดท้ายผลที่ออกมาไม่มีแม้กระทั่งรายชื่อนักลงทุนที่มีแนวโน้มจะลงทุนจริงๆด้วยซ้ำ
.
น.ส.ภคมน กล่าวว่า 4 เดือนหลังจากนี้ หากยืนยันเดินหน้าต่อก็หานักลงทุนมาสร้างแลนบริดจ์ไม่ได้
เพราะนักลงทุนโปรเจคใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้เชื่อแค่รายงานของรัฐบาลไทย ต้องศึกษาเองด้วย และหากผลออกมาชัดว่าไม่คุ้มทั้งด้านการเงิน และด้านสิ่งแวดล้อม เราต้องไม่ลืมว่าพื้นที่ของแลนบริดจ์ คือพื้นที่ของมรดกโลก 6 แห่ง ถ้าสร้างแลนบริดจ์ จะเกิดความเสี่ยงมหาศาล ที่ความอุดมสมบูรณ์ของสถานที่เหล่านี้ถูกทำลาย
.
“เราเสียเวลากับเรื่องแลนด์บริดจ์ และคลองไทยมานานจนภาคใต้เสียโอกาสการพัฒนา เพราะรอดูว่าพวกท่านจะเอายังไงกับแลนบริดจ์ รอจน โครงการพัฒนาภาคใต้อื่นๆ ที่เขาต่อคิวรออยู่ต้องหยุดชะงักไปแทนที่จะเดินหน้าพัฒนาท่าเรือระนองที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น ขุดลอกร่องน้ำให้ลึกขึ้น ปรับผังเมืองให้จ.ระนองเอื้อต่อการค้าระหว่างประเทศ ยกระดับให้เป็นประตูการค้าทางทะเลฝั่งอันดามันสู่เมียนมาและเอเชียใต้” น.ส.ภคมนกล่าว
.
น.ส.ภคมนกล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตั้งเป้าจะได้สส.ภาคใต้ 30คน ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากคิดว่าจะชนะในพื้นที่ภาคใต้เพราะนโยบายแลนบริดจ์ คงคิดง่ายไป คิดแค่ว่าจะชนะใจประชาชนได้ ด้วยการพูดถึงโครงการขนาดใหญ่ เม็ดเงินมหาศาลไว้ก่อน คนใต้บ้านเราเขาเรียก “ตั้งท่าซะหรอย แต่เอาเข้าจริงไม่มีอะไร” ภาคใต้ต้องการของจริง นโยบายการพัฒนาที่เป็นจริง คุ้มค่า ยกระดับคุณภาพชีวิตได้จริงๆ ตนเชื่อว่าประชาชนจับตาอยู่ อีก 4 เดือนข้างหน้างประชาชนจะพิจารณาเลือกนักการเมืองที่เห็นผลประโยชน์ของพวกเขามากกว่าเลือก นักเลือกตั้งที่วันๆพูดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง
.
.
สุรเชษฐ์ ถามภท. พูดแล้วทำหรือพูดไปเรื่อย? เบรก รฟฟ. 20 บาท แต่ผุด 40 บาทตลอดวัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5389684
.
“สุรเชษฐ์” ถาม “รัฐบาลหนู” เอาไงกันแน่! อย่าพูดไปเรื่อย เบรก 20 บาทตลอดสาย แต่ผุด 40 บาทตลอดวัน แนะ “พิพัฒน์” ไปเข้าใจพรบ.ตั๋วร่วม เท่ากับบัตรใบเดียวก่อน ชี้ลดค่าโดยสารคนกรุงได้แต่ต้องยั่งยืน
.
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ ที่มี นาย
วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ในวันแรก
.
เวลา 23.25 น. นาย
สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า นโยบายด้านการคมนาคมดูลอยมาก บอกว่า จะลดค่าโดยสารค่าผ่านทางแต่ไม่ได้ระบุว่า ทางไหนบ้าง และถามก่อนว่า จะลดจริงหรือ จะแลกด้วยการขยายสัมปทานเหมือนรัฐบาลก่อนหน้านี้ เรื่องที่สองเขียนไว้ว่าจะสนับสนุนระบบยานยนต์ไฟฟ้า ก็ต้องระบุด้วยว่ายานยนต์แบบไหน และด้วยนโยบายที่ลอยๆตนจึงไปหาข้อมูลมาว่าเมื่อวันที่ 9 ก.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกเบรกรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แต่วันที่ 16 ก.ย. รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกลับมาบอกว่ารถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน เอาอย่างไรกันแน่เพราะถ้าจะทำ 40 บาทตลอดวันก็ไม่ต่างจาก 20 บาทตลอดสาย ล่าสุดวันที่ 26 กันยายนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมฉีกไปบอกว่า จะทำรถเมล์ 8 บาทตลอดสาย สรุปพรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำหรือพูดไปเรื่อย ถ้าแบบนี้ก็จะดูย้อนแย้งกับที่นายกฯได้ระบุว่าจะรักษาการเงินการคลัง
.
นาย
สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การจะลดค่าโดยสารให้กับคนในกรุงเทพฯไม่ใช่เรื่องผิด แต่จะลดอย่างไรให้ยั่งยืนไม่ใช่ลดเป็นรายปีแล้ววิ่งหาเงินมาอุด เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทุนอย่างน่าเกลียด คนกรุงเทพฯเดือดร้อนและมีปัญหาเรื่องค่าโดยสารแพงจริง สาเหตุก็เกิดจากการคิดน้อยของรัฐบาลในอดีตที่เอาผู้ประกอบการเป็นที่ตั้ง หากจะแก้ปัญหาต้องแก้ที่โครงสร้าง คิดตั้งราคาร่วม ควรคิดถึงตั๋วร่วม และค่าโดยสารร่วม ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตั๋วร่วมฉบับที่กำลังพิจารณากันอยู่ ย้ำว่า พ.ร.บ.ตั๋วร่วมคือบัตรใบเดียว ดังนั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ควรทำความเข้าใจว่าตั๋วร่วม คือบัตรใบเดียวไม่ใช่เหมือนที่รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้เปิดให้ลงทะเบียน
.
ส่วนการอุดหนุนค่าโดยสารสามารถทำได้ แต่ต้องทำอย่างมีแนวคิด และให้ได้สัดส่วนและสมดุล ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด ดังนั้น รัฐบาลอย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ และอย่านำทางด้วยการลด แลก แจก แถม แต่ต้องลุกขึ้นมาเดินหน้าตาม พ.ร.บ.ตั๋วร่วม
.
อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลชุดนี้ จะต้องเร่งตัดสินใจภายใน 4 เดือนนี้ว่า จะไปต่อหรือพอแค่นี้ กับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน ที่เซ็นกันไป 6 ปีแต่ไม่มีวี่แวว รัฐบาลที่แล้วก็ปากแจ๋วประกาศกลางสภา ว่าจะไม่แก้จะรักษาผลประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน แล้วก็เลื่อนไปเรื่อยทุกวันนี้ก็ยังเลื่อนอยู่ เพราะการเกรงใจเอกชน ไม่เซ็นเอาผิด และยังช่วยๆกันไป สุดท้ายแล้วตนไม่ได้ขออะไรมากขอแค่ว่า 4 เดือนนี้ อย่าล้มเหลวเหมือนรัฐบาลที่แล้ว ทั้งในเรื่องของรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน อย่าพูดไปเรื่อยทำไปเรื่อย และอย่าปะผุหากินกับปัญหา ขอให้แก้ปัญหาแบบโครงสร้างเหมือนที่พรรคประชาชนเสนอ ลอกได้ ถามได้ ถกเถียงได้ แต่อย่าพูดไปเรื่อย
.
.
สหัสวัต ซัดรมว.ภท. ออกนโยบาย Pre MOU พบคิวผี-คิว VIP เอื้อกองทัพพม่า เก็บหัวคิวแรงงาน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5389621
.
“สหัสวัต” ซัด รมว.แรงงาน จาก ภท. ออกนโยบาย Pre MOU พบ คิวผี VIP โวยถูกเรียกพรรคพม่า แต่ ภท. เอื้อกองทัพพม่าเก็บหัวคิวต้องให้เรียกว่าอะไร เปิดนายจ้างแรงงานกัมพูชาถูกเรียกส่วยหัวคิว โอนเข้าบัญชีม้า ก่อนกลับมาที่บัญชีไทย ถาม “พิพัฒน์” เอี่ยวกระบวนการหรือไม่
.
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ ที่มี นาย
วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ในวันแรก
.
นาย
สหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน อภิปรายว่า จากการแถลงนโยบายมานั้น ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแรงงานนั้น มีเพียงเรื่องของการอัพสกิล รีสกิล โดยการออกนโยบายนี้ออกมา ตนเองไม่แน่ใจว่าเป็นเพียงการใส่มาให้ครบๆ ประเด็น หรือเป็นการมองที่ขาดวิสัยทัศน์ ซึ่งตนเองเห็นด้วยว่าการอัพสกิลรีสกิลแรงงานนั้นเป็นเรื่องสำคัญ แต่เรื่องนี้นั้นไม่มีทางที่จะทำให้สำเร็จได้ในเวลาเพียง 4 เดือนแน่นอน
.
นาย
สหัสวัต กล่าวว่า จริงๆเรื่องที่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของกระทรวงแรงงาน และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน และหาผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดของกระทรวงแรงงาน คือ เรื่องของกรมการจัดหางาน ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่า ที่ไม่คิดจะพูดถึงกัน เป็นเพราะว่า จะหากินกับเรื่องนี้กันต่อหรือไม่ การหากินในกระทรวงแรงงาน นอกจากหากินกับกองทุนประกันสังคมแล้ว กรมการจัดหางานเป็นอีกที่หนึ่งที่ผลประโยชน์มหาศาล จากการเรียกรับผลประโยชน์เก็บส่วยต่างๆ ตนเองเคยอภิปรายเรื่องการส่งออกแรงงานไทยไปแล้ว ที่มีรัฐมนตรีแรงงานที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องในตอนนั้นเอง ก็มานั่งอยู่ในรัฐบาลนี้ แล้วเมื่อเร็วๆนี้ ยังจะออกมาแก้ตัวว่าไม่เกี่ยวข้อง บอกว่าอัยการสูงสุด (อสส.) ยกข้อกล่าวหานี้แล้ว ทั้งที่จริงๆ คดีที่พูดถึง ไม่เกี่ยวอะไรกับอสส. และคดีนี้ยังอยู่ชั้นสืบสวนใน ป.ป.ช. อยู่
JJNY : ภคมนซัดรบ.ดันทุรัง│สุรเชษฐ์ถามภท.│สหัสวัต ซัดรมว.ภท.│‘เจี๊ยบ’เดือดไล่‘จุลพงศ์’ลาออก│บัวลอยถล่ม ทั่วไทยฝนตกหนักมาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5389699
.
‘ภคมน’ ซัดรัฐบาลดันทุรังเข็น ‘โครงการแลนด์บริดจ์’ ทั้งที่ถูกทักท้วงมาตลอดเหตุไม่คุ้มทุน มองไม่ใช่โอกาสทางเศรษฐกิจ แต่เป็นโอกาสใช้หาเสียงในพื้นที่ภาคใต้
.
เมื่อเวลา 23.55 น. วันที่ 29 กันยายน ที่รัฐสภา ในการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคประชาชน อภิปรายว่าตนแปลกใจที่มีเวลาแค่ 4 เดือน แต่รัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยได้หยิบยกนโยบายอภิมหาโปรเจค อย่าง “แลนบริดจ์” ขึ้นมา แม้จะไม่อยู่ในคำแถลงนโยบายเล่มนี้ แต่ข่าวออกไปทุกช่องประชาชนรับรู้ทั้งประเทศ
.
โดย โครงการแลนด์บริดจ์ คือการสร้างทางลัดเพื่อเชื่อมต่อท่าเรือสองฝั่งทะเล นั่นคือท่าเรืออันดามันที่จ.ระนอง ซึ่งเชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดีย และท่าเรืออ่าวไทยที่จ.ชุมพรซึ่งเชื่อมต่อมหาสมุทรแปซิฟิก ปกติเรือขนส่งสินค้าจากนานาประเทศที่เดินทางระหว่างมหาสมุทรอินเดีย กับมหาสมุทรแปซิฟิก จะต้องแล่นเรือ อ้อมผ่านประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยใช้เส้นทางช่องแคบมะละกา ซึ่งค่อนข้างแออัด รัฐไทยผุดไอเดียทำทางลัดโดยหวังว่า เรือจะได้ไม่ต้องอ้อมช่องแคบมะละกา ประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุน
.
น.ส.ภคมน กล่าวว่า แต่ไม่ง่ายแบบนั้นเพราะต้องขึ้นมาบนบกก่อน ดังนั้นผู้ประกอบการการเดินเรือต้องมีเรืออย่างน้อยสองลำ จากปกติบริษัทขนส่งสินค้าใช้เรือแล่นผ่านช่องแคบมะละกาได้เลยแต่ ถ้าใช้แลนบริดจ์ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม เช่นค่าขนของขึ้น ขนของลง ค่าเดินทางจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งนึงระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร แลนบริดจึงถูกทักท้วงมาตลอดว่าไม่ควรทำ เพราะไม่รู้ว่าใครจะมาใช้ แต่รัฐบาลที่ผ่านมาจนถึงรัฐบาลนี้ก็ยังไม่ยอมตัดใจที่จะผลักดันโครงการ
.
โครงการแลนบริดจ์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ร่างพระราชบัญญัติระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หรือ พ.ร.บ. SEC ที่ตามมาด้วยการทำให้เกิดการรวมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และการสร้างข้อยกเว้นทางกฎหมาย ให้สิทธิพิเศษเหนือที่ดินแก่กลุ่มทุนและการเปิดโอกาสให้ต่างชาติเช่าที่ดินชั่วลูกชั่วหลาน
ภายหลังจากรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ประกาศกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมจากพรรคภูมิใจไทยในขณะนั้น ได้สั่งให้ สนข. ศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการแลนด์บริดจ์ที่จะเชื่อมต่อระหว่างท่าเรือฝั่งชุมพรและระนอง
.
น.ส.ภคมน กล่าวว่า แต่ตลอดอายุของรัฐบาลที่ผ่านมาโครงการแลนบริดจ์ถูกตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก ในช่วง2ปีที่ผ่านมาหลายๆคำถามทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบ แต่ยังจะฉายภาพว่าโครงการแลนบริดจ์ คือโอกาสที่ประเทศไทยจะเติบโตทางเศรษฐกิจ ตนมองว่าไม่ได้เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่เป็นโอกาสให้พวกท่านเอาหาเสียง สร้างคะแนนนิยมกับประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ พรรคการเมืองไม่ผิดหากสร้างจิตนาการใหม่ผ่านนโยบายที่ชวนฝัน แต่มันผิดตรงที่รู้อยู่แล้วว่าไม่คุ้มค่า ทั้งรายงานของสนข.และรายงานของกรรมาธิการวิสามัญมีการตกแต่งตัวเลขเกินจริง นอกจากนี้นักวิชาการประมงประมาณตัวเลขว่าหากทำแลนบริดจ์จะเกิดการสูญเสียรายได้จากการทำประมงไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี 2ปีที่ผ่านเราเสียเวลามามาก ที่รัฐบาลดันทุรังทุ่มงบประมาณไปโรดโชว์ขายโครงการแลนบริดจ์มาหลายประเทศ ทั้งๆที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเลขความคุ้มค่าของโครงการนี้เท่าไรกันแน่ สุดท้ายผลที่ออกมาไม่มีแม้กระทั่งรายชื่อนักลงทุนที่มีแนวโน้มจะลงทุนจริงๆด้วยซ้ำ
.
น.ส.ภคมน กล่าวว่า 4 เดือนหลังจากนี้ หากยืนยันเดินหน้าต่อก็หานักลงทุนมาสร้างแลนบริดจ์ไม่ได้
เพราะนักลงทุนโปรเจคใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้เชื่อแค่รายงานของรัฐบาลไทย ต้องศึกษาเองด้วย และหากผลออกมาชัดว่าไม่คุ้มทั้งด้านการเงิน และด้านสิ่งแวดล้อม เราต้องไม่ลืมว่าพื้นที่ของแลนบริดจ์ คือพื้นที่ของมรดกโลก 6 แห่ง ถ้าสร้างแลนบริดจ์ จะเกิดความเสี่ยงมหาศาล ที่ความอุดมสมบูรณ์ของสถานที่เหล่านี้ถูกทำลาย
.
“เราเสียเวลากับเรื่องแลนด์บริดจ์ และคลองไทยมานานจนภาคใต้เสียโอกาสการพัฒนา เพราะรอดูว่าพวกท่านจะเอายังไงกับแลนบริดจ์ รอจน โครงการพัฒนาภาคใต้อื่นๆ ที่เขาต่อคิวรออยู่ต้องหยุดชะงักไปแทนที่จะเดินหน้าพัฒนาท่าเรือระนองที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น ขุดลอกร่องน้ำให้ลึกขึ้น ปรับผังเมืองให้จ.ระนองเอื้อต่อการค้าระหว่างประเทศ ยกระดับให้เป็นประตูการค้าทางทะเลฝั่งอันดามันสู่เมียนมาและเอเชียใต้” น.ส.ภคมนกล่าว
.
น.ส.ภคมนกล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตั้งเป้าจะได้สส.ภาคใต้ 30คน ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากคิดว่าจะชนะในพื้นที่ภาคใต้เพราะนโยบายแลนบริดจ์ คงคิดง่ายไป คิดแค่ว่าจะชนะใจประชาชนได้ ด้วยการพูดถึงโครงการขนาดใหญ่ เม็ดเงินมหาศาลไว้ก่อน คนใต้บ้านเราเขาเรียก “ตั้งท่าซะหรอย แต่เอาเข้าจริงไม่มีอะไร” ภาคใต้ต้องการของจริง นโยบายการพัฒนาที่เป็นจริง คุ้มค่า ยกระดับคุณภาพชีวิตได้จริงๆ ตนเชื่อว่าประชาชนจับตาอยู่ อีก 4 เดือนข้างหน้างประชาชนจะพิจารณาเลือกนักการเมืองที่เห็นผลประโยชน์ของพวกเขามากกว่าเลือก นักเลือกตั้งที่วันๆพูดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง
.
.
สุรเชษฐ์ ถามภท. พูดแล้วทำหรือพูดไปเรื่อย? เบรก รฟฟ. 20 บาท แต่ผุด 40 บาทตลอดวัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5389684
.
“สุรเชษฐ์” ถาม “รัฐบาลหนู” เอาไงกันแน่! อย่าพูดไปเรื่อย เบรก 20 บาทตลอดสาย แต่ผุด 40 บาทตลอดวัน แนะ “พิพัฒน์” ไปเข้าใจพรบ.ตั๋วร่วม เท่ากับบัตรใบเดียวก่อน ชี้ลดค่าโดยสารคนกรุงได้แต่ต้องยั่งยืน
.
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ในวันแรก
.
เวลา 23.25 น. นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า นโยบายด้านการคมนาคมดูลอยมาก บอกว่า จะลดค่าโดยสารค่าผ่านทางแต่ไม่ได้ระบุว่า ทางไหนบ้าง และถามก่อนว่า จะลดจริงหรือ จะแลกด้วยการขยายสัมปทานเหมือนรัฐบาลก่อนหน้านี้ เรื่องที่สองเขียนไว้ว่าจะสนับสนุนระบบยานยนต์ไฟฟ้า ก็ต้องระบุด้วยว่ายานยนต์แบบไหน และด้วยนโยบายที่ลอยๆตนจึงไปหาข้อมูลมาว่าเมื่อวันที่ 9 ก.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกเบรกรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แต่วันที่ 16 ก.ย. รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกลับมาบอกว่ารถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน เอาอย่างไรกันแน่เพราะถ้าจะทำ 40 บาทตลอดวันก็ไม่ต่างจาก 20 บาทตลอดสาย ล่าสุดวันที่ 26 กันยายนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมฉีกไปบอกว่า จะทำรถเมล์ 8 บาทตลอดสาย สรุปพรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำหรือพูดไปเรื่อย ถ้าแบบนี้ก็จะดูย้อนแย้งกับที่นายกฯได้ระบุว่าจะรักษาการเงินการคลัง
.
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า การจะลดค่าโดยสารให้กับคนในกรุงเทพฯไม่ใช่เรื่องผิด แต่จะลดอย่างไรให้ยั่งยืนไม่ใช่ลดเป็นรายปีแล้ววิ่งหาเงินมาอุด เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทุนอย่างน่าเกลียด คนกรุงเทพฯเดือดร้อนและมีปัญหาเรื่องค่าโดยสารแพงจริง สาเหตุก็เกิดจากการคิดน้อยของรัฐบาลในอดีตที่เอาผู้ประกอบการเป็นที่ตั้ง หากจะแก้ปัญหาต้องแก้ที่โครงสร้าง คิดตั้งราคาร่วม ควรคิดถึงตั๋วร่วม และค่าโดยสารร่วม ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตั๋วร่วมฉบับที่กำลังพิจารณากันอยู่ ย้ำว่า พ.ร.บ.ตั๋วร่วมคือบัตรใบเดียว ดังนั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ควรทำความเข้าใจว่าตั๋วร่วม คือบัตรใบเดียวไม่ใช่เหมือนที่รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้เปิดให้ลงทะเบียน
.
ส่วนการอุดหนุนค่าโดยสารสามารถทำได้ แต่ต้องทำอย่างมีแนวคิด และให้ได้สัดส่วนและสมดุล ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด ดังนั้น รัฐบาลอย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ และอย่านำทางด้วยการลด แลก แจก แถม แต่ต้องลุกขึ้นมาเดินหน้าตาม พ.ร.บ.ตั๋วร่วม
.
อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลชุดนี้ จะต้องเร่งตัดสินใจภายใน 4 เดือนนี้ว่า จะไปต่อหรือพอแค่นี้ กับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน ที่เซ็นกันไป 6 ปีแต่ไม่มีวี่แวว รัฐบาลที่แล้วก็ปากแจ๋วประกาศกลางสภา ว่าจะไม่แก้จะรักษาผลประโยชน์ให้พี่น้องประชาชน แล้วก็เลื่อนไปเรื่อยทุกวันนี้ก็ยังเลื่อนอยู่ เพราะการเกรงใจเอกชน ไม่เซ็นเอาผิด และยังช่วยๆกันไป สุดท้ายแล้วตนไม่ได้ขออะไรมากขอแค่ว่า 4 เดือนนี้ อย่าล้มเหลวเหมือนรัฐบาลที่แล้ว ทั้งในเรื่องของรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน อย่าพูดไปเรื่อยทำไปเรื่อย และอย่าปะผุหากินกับปัญหา ขอให้แก้ปัญหาแบบโครงสร้างเหมือนที่พรรคประชาชนเสนอ ลอกได้ ถามได้ ถกเถียงได้ แต่อย่าพูดไปเรื่อย
.
.
.
“สหัสวัต” ซัด รมว.แรงงาน จาก ภท. ออกนโยบาย Pre MOU พบ คิวผี VIP โวยถูกเรียกพรรคพม่า แต่ ภท. เอื้อกองทัพพม่าเก็บหัวคิวต้องให้เรียกว่าอะไร เปิดนายจ้างแรงงานกัมพูชาถูกเรียกส่วยหัวคิว โอนเข้าบัญชีม้า ก่อนกลับมาที่บัญชีไทย ถาม “พิพัฒน์” เอี่ยวกระบวนการหรือไม่
.
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ในวันแรก
.
นายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน อภิปรายว่า จากการแถลงนโยบายมานั้น ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแรงงานนั้น มีเพียงเรื่องของการอัพสกิล รีสกิล โดยการออกนโยบายนี้ออกมา ตนเองไม่แน่ใจว่าเป็นเพียงการใส่มาให้ครบๆ ประเด็น หรือเป็นการมองที่ขาดวิสัยทัศน์ ซึ่งตนเองเห็นด้วยว่าการอัพสกิลรีสกิลแรงงานนั้นเป็นเรื่องสำคัญ แต่เรื่องนี้นั้นไม่มีทางที่จะทำให้สำเร็จได้ในเวลาเพียง 4 เดือนแน่นอน
.
นายสหัสวัต กล่าวว่า จริงๆเรื่องที่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของกระทรวงแรงงาน และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน และหาผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดของกระทรวงแรงงาน คือ เรื่องของกรมการจัดหางาน ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่า ที่ไม่คิดจะพูดถึงกัน เป็นเพราะว่า จะหากินกับเรื่องนี้กันต่อหรือไม่ การหากินในกระทรวงแรงงาน นอกจากหากินกับกองทุนประกันสังคมแล้ว กรมการจัดหางานเป็นอีกที่หนึ่งที่ผลประโยชน์มหาศาล จากการเรียกรับผลประโยชน์เก็บส่วยต่างๆ ตนเองเคยอภิปรายเรื่องการส่งออกแรงงานไทยไปแล้ว ที่มีรัฐมนตรีแรงงานที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องในตอนนั้นเอง ก็มานั่งอยู่ในรัฐบาลนี้ แล้วเมื่อเร็วๆนี้ ยังจะออกมาแก้ตัวว่าไม่เกี่ยวข้อง บอกว่าอัยการสูงสุด (อสส.) ยกข้อกล่าวหานี้แล้ว ทั้งที่จริงๆ คดีที่พูดถึง ไม่เกี่ยวอะไรกับอสส. และคดีนี้ยังอยู่ชั้นสืบสวนใน ป.ป.ช. อยู่